Blog

  • KUBET – “นนนี่ นนลนีย์” ลูกสาว “แอน สิเรียม” กับอาชีพพนักงานประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่

    นนนี่ นนลนีย์ ลูกสาวคนเดียว แอน สิเรียม บทบาทพนักงานประจำท่าอากาศยานเชียงใหม่ สวยและเก่งมาก

    เปิดบทใหม่ในชีวิตสำหรับ นนนี่-นนลนีย์ ภักดีดำรงฤทธิ์ ลูกสาวคนเก่งของนักแสดงชื่อดัง แอน-สิเรียม ภักดีดำรงฤทธิ์ หลังจากใช้ชีวิตในต่างประเทศมาตั้งแต่เด็กจนกระทั่งเรียนจบ จากนั้น นนนี่ กลับมาใช้ชีวิตที่เมืองไทยอย่างถาวร เริ่มต้นด้วยการทำงานเป็นผู้จัดการส่วนตัวให้กับคุณแม่ ด้วยการจัดคิวและประสานงานต่างๆ ซึ่ง แม่แอน ได้เคยให้สัมภาษณ์ว่าลูกสาวทำหน้าที่ได้ดีมากๆ 

    จากนั้น นนนี่ ได้เว้นวรรคจากงานในวงการบันเทิง และเริ่มต้นบทบาทในการเป็นพนักงงานออฟฟิศแบบเต็มตัว กับพนักงานประจำการท่าอาการยานเชียงใหม่ โดยเมื่อต้นปีที่แล้ว 2567 นนนี่ ได้ลงภาพพร้อมกับชุดยูนิฟอร์มของพนักงานการท่าฯ อย่างเป็นทางการ และระบุข้อความครบรอบ 36 ปีท่าอากาศยานเชียงใหม่ หลายคนเห็นบทบาทใหม่ของ นนนี่ ต่างเข้ามาแสดงความยินดีกับเธออย่างล้นหลามเลยทีเดียว 

    และในปีนี้ นนนี่ ได้ลงภาพในชุดยูนิฟอร์มสวยและเท่มากๆ อีกครั้ง พร้อมกับเขียนครบรอบการท่าอากาศยานเชียงใหม่เป็นปีที่ 37  

    ด้านการศึกษา นนนี่ มีโปรไฟล์ที่เริ่ดมากๆ จบปริญญาตรีสาขา International Business จาก University of Westminster และสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาโททางด้าน Msc Occupational and Business Psychology จาก Kingston University ประเทศอังกฤษ

    เรียกได้ว่าสวยและเก่งมาก เป็นความภาคภูมิใจของ แม่แอน สิเรียม ที่สุด 

  • KUBET – พนักงานออฟฟิศดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร แต่ยังเป็นนิ่วในไต หมอชี้ “จุดพลาด” จำให้ขึ้นใจ 4 ข้อ

    พนักงานออฟฟิศดื่มน้ำวันละ 2 ลิตร ข้องใจทำไมถึงยังเป็นนิ่วในไต หมอชี้ “จุดพลาด” จำให้ขึ้นใจ 4 ข้อนี้ ดื่มผิดวิธี ดื่มเยอะก็ไม่ช่วย

    มีพนักงานออฟฟิศคนหนึ่ง ดื่มน้ำไม่น้อยกว่าวันละ 2 ลิตรเป็นประจำ แต่เมื่อไม่นานมานี้กลับรู้สึกปวดเอวอย่างรุนแรง จนต้องรีบไปพบแพทย์ และพบว่าเป็น นิ่วในไต ซึ่งสร้างความแปลกใจให้เขามาก เพราะคิดว่าดื่มน้ำเยอะไม่น่าจะเป็นนิ่วได้แพทย์จึงออกมาไขความเข้าใจผิดว่า “การดื่มน้ำมากไม่ได้แปลว่าจะไม่เป็นนิ่วในไต”

    หมอเฉพาะทางด้านระบบทางเดินปัสสาวะของไต้หวัน ดร.ชวี หยวนเจิง ได้แชร์เคสนี้ผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยระบุว่า พนักงานออฟฟิศอายุ 35 ปีรายหนึ่ง มีอาการปวดเอวมากจนเหงื่อออกและยืนไม่ไหว เมื่อตรวจพบว่า มีนิ่วในไตขนาด 5 มิลลิเมตร ทั้งที่เจ้าตัวดื่มน้ำวันละมากกว่า 2 ลิตรทุกวัน

    ทำไมดื่มน้ำมากแต่ยังเป็นนิ่ว?

    จากการศึกษาทางคลินิกพบว่า มากกว่า 70% ของผู้ป่วยโรคนิ่วในไต ดื่มน้ำในปริมาณไม่น้อยในแต่ละวัน แต่ปัจจัยสำคัญอยู่ที่ “วิธีดื่มน้ำ” ไม่ใช่แค่ปริมาณรวม เพราะหากดื่มน้ำครั้งละมาก ๆ ร่างกายจะขับออกเร็ว ทำให้ปัสสาวะเจือจางแค่ช่วงสั้น ๆ ก่อนจะกลับมาเข้มข้นอีก ซึ่งไม่ช่วยป้องกันนิ่วในไต หัวใจสำคัญคือ “ดื่มน้ำอย่างสม่ำเสมอและเป็นจังหวะ” มากกว่าการวัดแค่ปริมาณรวม

    4 วิธีดื่มน้ำให้ได้ผล ป้องกันนิ่วในไต

    1. ดื่มน้อยแต่บ่อย จิบทีละนิดอย่างช้า ๆ

    • ปริมาณน้ำที่เหมาะสม: น้ำหนักตัว (กก.) × 30 มล.

    • หากออกกำลังกายมาก เหงื่อออกเยอะ หรืออยู่ในห้องแอร์นาน ให้เพิ่มเป็น × 40 มล.

    • อย่ารอจนกระหายน้ำแล้วค่อยดื่ม แนะนำจิบ 200–300 มล. ทุก 30–60 นาที เพื่อให้ไตทำงานต่อเนื่อง

    2. อย่ารอให้กระหาย และอย่าดื่มรวดเดียวปริมาณมาก

    • ความกระหายน้ำบ่งบอกว่าร่างกายขาดน้ำมาแล้ว 2–3 ชั่วโมง

    • หากดื่มรวดเดียวมาก ๆ ร่างกายจะดูดซึมได้แค่ประมาณ 200 มล. ภายใน 20 นาที ส่วนที่เกินจะถูกขับออกทันที

    • น้ำที่ดื่มจึงไม่สามารถเข้าสู่เซลล์หรือช่วยเจือจางปัสสาวะได้อย่างแท้จริง

    • ดังนั้นควร จิบช้า ๆ ทีละนิด เพื่อให้ร่างกายดูดซึมได้เต็มที่

    3. สังเกตความถี่ของการปัสสาวะ

    • โดยทั่วไปผู้ใหญ่ควรปัสสาวะวันละ 4–7 ครั้ง หรือทุก 2–3 ชั่วโมง

    • หากถ่ายน้ำน้อยกว่า 4 ครั้งต่อวัน แสดงว่าดื่มน้ำน้อยเกินไป และปัสสาวะเข้มข้น

    • ซึ่งจะเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่วในไต

    4. ชา กาแฟ และเครื่องดื่มหวาน ไม่เท่ากับน้ำเปล่า

    • เครื่องดื่มอย่างชานม กาแฟ น้ำอัดลม หรือเครื่องดื่มหวาน ไม่ถือว่าเป็นน้ำที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ร่างกาย

    • เพราะคาเฟอีนและน้ำตาลในเครื่องดื่มเหล่านี้รบกวนการดูดซึมแคลเซียม และเพิ่มความเข้มข้นของแคลเซียมในปัสสาวะ

    • จึงเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดนิ่ว

    • คำแนะนำคือ ทุกครั้งที่ดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้ ควรดื่มน้ำเปล่าเพิ่มอีก 300 มล. เพื่อช่วยชดเชยน้ำที่สูญเสียและช่วยให้ไตทำงานได้ดี

     

     

  • KUBET – รู้จัก “คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์” แม่ดีเด่นแห่งชาติ แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งของ บอย ปกรณ์

    รู้จัก คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ แม่ดีเด่นแห่งชาติ แม่เลี้ยงเดี่ยวสุดแกร่งของลูกๆ บอย หน่อง ภัทร์ และน้องวันใหม่ จากไปด้วยวัย 68 ปี

    ข่าวเศร้าสะเทือนวงการบันเทิง เมื่อนักแสดงหนุ่ม บอย ปกรณ์ ออกมาแจ้งข่าวการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัว “คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์” ได้จากไปอย่างสงบในวัย 68 ปี ท่ามกลางความอาลัยของคนในวงการและแฟนคลับ

    หลายคนรู้จัก คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ ในฐานะแม่ของพระเอกสุดฮอต บอย ปกรณ์ ตั้งแต่เข้าวงการมาเมื่อประมาณ 15 ปีก่อน แต่เบื้องหลังรอยยิ้มและความสำเร็จของลูก ๆ คือความเสียสละของคุณแม่ที่ยืนหยัดดูแลลูก ๆ ด้วยตัวคนเดียวมานานกว่า 20 ปี

    แม่เลี้ยงเดี่ยวที่ไม่เคยยอมแพ้

    คุณแม่งามทิพย์ ต้องกลายเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว หลังสามี “เลอพงศ์ มหมณีขจร” เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งตับ ขณะบอย ปกรณ์ ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 2 จากตอนนั้น เธอก็ทุ่มเททั้งชีวิตเพื่อเลี้ยงดูลูกชายทั้ง 3 คน คือ บอย ปกรณ์, หน่อง ธนา และ ภัทร์ ฉัตรบริรักษ์ ด้วยตัวเองเพียงลำพัง

    ต่อมาในปี 2556 ครอบครัวฉัตรบริรักษ์ได้ต้อนรับสมาชิกใหม่ “น้องวันใหม่” เด็กหญิงตัวน้อยที่แม่งามทิพย์อุปการะมาเป็นลูกสาวคนสุดท้อง เพิ่มความสดใสและอบอุ่นให้กับบ้านฉัตรบริรักษ์มากขึ้น

    แม่ผู้สนับสนุนทุกก้าวของลูก ๆ

    แม้จะเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยว แต่ คุณแม่งามทิพย์ ก็ยืนหยัดเลี้ยงลูกให้เติบโตมาอย่างดี ทั้ง 3 คน ต่างประสบความสำเร็จในด้านการเรียน ซึ่งเป็นสิ่งที่แม่ทุกคนภาคภูมิใจ โดย บอย ปกรณ์ จบปริญญาตรี จากคณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย หน่อง ธนา จบปริญญาตรี คณะสังคมสงเคราะห์ศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ส่วน ภัทร์ จบปริญญาตรีจากคณะครุศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เกียรตินิยมอันดับ 1) และ ปริญญาโทจากคณะนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

    คุณแม่งามทิพย์ ยังเป็นผู้จัดการส่วนตัว ดูแลงานในวงการให้ลูก ๆ อย่างใกล้ชิด รวมถึงมีโอกาสรับงานร่วมกับลูก ๆ อยู่บ่อยครั้ง สะท้อนภาพของครอบครัวที่แน่นแฟ้นและเต็มไปด้วยความรัก ชื่อในวงการที่ลูกๆ เรียกคุณแม่คือ “โมโม่” มาจากชื่ออินสตาแกรมของคุณแม่ คือ momomama1234

    แม่ดีเด่นแห่งชาติ

    ในวันที่ 12 สิงหาคม 2557 คุณแม่งามทิพย์ได้รับรางวัล “แม่ดีเด่นแห่งชาติ” สาขาแม่ของผู้ทำประโยชน์ต่อสังคมและประเทศชาติ

    ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ว่าเธอคือ “แม่ตัวจริง” ที่ไม่เพียงแต่เลี้ยงลูกได้อย่างดี แต่ยังส่งต่อคุณค่าที่ดีให้กับสังคมด้วย

    การจากไปของคุณแม่งามทิพย์ คือการสูญเสียครั้งใหญ่ของครอบครัวฉัตรบริรักษ์ แต่ความรัก ความอบอุ่น และความเข้มแข็งของเธอจะยังคงอยู่ในหัวใจของลูก ๆ ตลอดไป

  • KUBET – “บอย ปกรณ์” แจ้งข่าวเศร้า “คุณแม่งามทิพย์” เสียชีวิตแล้ว

    เป็นข่าวเศร้าที่ทำเอาแฟนๆ ต่างช็อกไปตามๆ กัน สำหรับพระเอกหนุ่ม บอย-ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์ ที่ล่าสุดได้ออกมาแจ้งข่าวว่า คุณแม่งามทิพย์ ฉัตรบริรักษ์ ได้เสียชีวิตแล้ว

    โดย บอย ปกรณ์ เผยว่า “คุณแม่เดินทางไกลแล้วครับ เรียนเชิญทุกท่านมาส่งคุณแม่ครับ”

    พร้อมเผยกำหนดการพิธีรดน้ำ ในวันที่ 7 มิ.ย. สวดอภิธรรม 8-13 มิ.ย. และฌาปนกิจ วันที่ 14 มิ.ย.

    ทีมข่าวบันเทิง Sanook.com ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัว ฉัตรบริรักษ์ ไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

  • KUBET – “แอฟ ทักษอร” อวยพรวันเกิด “นนกุล” ประโยคสั้นๆ ความหมายชัดเจนคู่รักคู่ชีวิต

    แอฟ ทักษอร อวยพรวันเกิด นนกุล ชานน ประโยคสั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ชัดเจนกับคู่รักคู่ชีวิต 

    วันเกิดของ นนกุล ชานน ที่ปีนี้ในวัย 29 ปี เจ้าตัวผ่านเรื่องราวทั้งความสุข และต้องเผชิญกับความเศร้ากับการสูญเสีย คุณแม่เพ็กแฮ สันตินธรกุล คุณแม่ผู้ซึ่งเป็นที่รักของลูกชั่วนิรันดร์ แม้วันที่โศกเศร้าแต่ นนกุล ไม่ได้เดินเพียงลำพัง แต่เขามีครอบครัวที่โอบกอดด้วยความรักจับมือกันก้าวผ่านช่วงเวลานี้ไปอย่างเข้มแข็ง 

    และอีกหนึ่งกำลังใจของ นนกุล ที่มองมาเมื่อไหร่ก็เจอนั่นคือความรักความอบอุ่นจากแฟนสาว แอฟ ทักษอร ที่เคียงข้างอยู่ในทุกๆ โมเมนต์ทุกเหตุการณ์ 

    ในวันเกิดของ นนกุล ปีนี้ แอฟ ทักษอร ได้อวยพรไว้อย่างซาบซึ้งใจ “ถึงปีนี้จะยิ้มได้ไม่ง่ายเลย แต่จะอยู่ข้างๆนะคะ… สุขสันต์วันเกิดค่ะ  @nonkul”

    แม้จะเป็นประโยคที่สั้นๆ แต่เต็มไปด้วยความหมาย ชัดเจนถึงคำว่าคู่รักคู่ชีวิตอย่างแท้จริง

  • KUBET – เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เงินฝากออมสิน เผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี ดอกเบี้ยสู๊งสูง

    เปิดลงทะเบียนจองสิทธิ์เงินฝากออมสิน เผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี ดอกเบี้ย Step Up สูงสุด 3.00% ต่อปี เริ่ม 5 มิ.ย.-31 ส.ค. 68

    ธนาคารออมสิน ออกผลิตภัณฑ์ทางการเงินเอาใจสายออม ด้วยเงินฝากเผื่อเรียกพิเศษเพื่อการเกษียณ 10 ปี โดยมีรายละเอียด และเงื่อนไขดังนี้

    ผู้มีสิทธิ์เปิดบัญชี

    • บุคคลธรรมดาที่มีอายุตั้งแต่ 40 ปีบริบูรณ์ ขึ้นไป
    • ต้องมีการจองสิทธิ์ฝากเงินผ่านระบบการลงทะเบียนของธนาคาร
    • ต้องใช้สิทธิ์ฝากเงินภายใน 15 วัน นับตั้งแต่วันที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์

    ทั้งนี้ ไม่เกินวันที่ 31 สิงหาคม 2568

    ระยะเวลาเปิดรับฝาก

    • ตั้งแต่วันที่ 5 มิถุนายน 2568 – 31 สิงหาคม 2568

    จำนวนเงินเปิดบัญชีขั้นต่ำ/สูงสุด

    • ฝากเงินได้ครั้งเดียว ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 1,000,000 บาท

    ทั้งนี้ ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์

    อัตราดอกเบี้ยต่อปี

    อัตราดอกเบี้ย Step Up ดังนี้

    • ปีที่ 1 ร้อยละ 1.80 ต่อปี
    • ปีที่ 2 ร้อยละ 1.80 ต่อปี
    • ปีที่ 3 ร้อยละ 1.80 ต่อปี
    • ปีที่ 4 ร้อยละ 1.90 ต่อปี
    • ปีที่ 5 ร้อยละ 1.90 ต่อปี
    • ปีที่ 6 ร้อยละ 1.90 ต่อปี
    • ปีที่ 7 ร้อยละ 1.90 ต่อปี
    • ปีที่ 8 ร้อยละ 3.00 ต่อปี
    • ปีที่ 9 ร้อยละ 3.00 ต่อปี
    • ปีที่ 10 ร้อยละ 3.00 ต่อปี

    อัตราดอกเบี้ยเฉลี่ยร้อยละ 2.20 ต่อปี (เทียบเท่าเงินฝากประจำร้อยละ 2.58 ต่อปี)

    ระยะเวลาฝาก

    • 10 ปี

    ระยะเวลาจ่ายดอกเบี้ย

    • จ่ายดอกเบี้ยทุกปี โดยโอนเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน ชนวันตามวันที่ฝาก

    เงื่อนไขหลัก

    • ผู้ฝากต้องเป็นบุคคลที่มีชื่อ – สกุล ที่ตรงกับผู้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ฝากเงิน และมีภาพหน้าจอแสดงผลการลงทะเบียนจองสิทธิ์ฝากเงินสำเร็จ
    • เปิดบัญชีได้คนละ 1 บัญชีเท่านั้น
    • ไม่รับฝากบัญชีเพื่อประโยชน์ของผู้เยาว์ บัญชีร่วม บัญชีคณะบุคคล และบัญชีนิติบุคคล
    • ต้องมีบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกไว้เป็นบัญชีคู่โอน

    เงื่อนไขการฝาก/ถอน/โอน

    การฝาก

    • ฝากเงินได้ครั้งเดียวเท่านั้น
    • ฝากขั้นต่ำ 100,000 บาท
    • ฝากสูงสุดไม่เกินรายละ 1,000,000 บาท ทั้งนี้ ต้องไม่เกินจำนวนเงินที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ หากฝากเกินกว่า 1,000,000 บาท และ/หรือ เกินจำนวนเงินที่ลงทะเบียนจองสิทธิ์ธนาคารจะถอนเงินส่วนที่เกินคืนเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอน
    • เมื่อฝากครบ 10 ปี ธนาคารจะโอนยอดเงินฝากและดอกเบี้ยเข้าบัญชีเงินฝากประเภทเผื่อเรียกที่เป็นบัญชีคู่โอนที่ผู้ฝากแจ้งไว้

    การถอน

    • ถอนครั้งละเท่าใดก็ได้
    • ถอนก่อนฝากครบ 10 ปี จำนวนเงินที่ถอนจะได้รับดอกเบี้ยในอัตราดอกเบี้ยตามระยะเวลาที่ฝากไว้จริง

    ภาษีหัก ณ ที่จ่าย

    • ไม่หักภาษี ณ ที่จ่าย

    gsb

  • KUBET – “อาเล็ก” ทำเซอร์ไพรส์วันเกิด “โบว์ เมลดา” สวมแหวนเพชรให้สุดโรแมนติก ขอแต่งงานแล้ว?

    วันเกิด โบว์ เมลดา แฟนหนุ่มสุดหล่อจัดวันเดย์ทริปให้น่ารัก เซอร์ไพรส์ด้วยของขวัญแหวนเพชรเม็ดใหญ่ ซีนขอแต่งงาน?

    เป็นคู่รักที่น่ารักสายฮาและน่ารักมากๆ สำหรับคู่ของพระเอกนางเอก อาเล็ก ธีรเดช กับ โบว์ เมลดา ที่ล่าสุดวานนี้  4 มิ.ย. ตรงกับวันคล้ายวันเกิดของ โบว์  ในฐานะแฟนดีเด่น  อาเล็ก ได้ใจทริปสั้นๆ พาแฟนเที่ยวแบบวันเดย์ทริป ต้องบอกว่าเป็นการเที่ยวหนึ่งวันที่คุณภาพมากๆ ได้ทำกิจกรรมกันครบจริงๆ 

    และซีนสุดท้ายดินเนอร์ที่ร้านอาหาร อาเล็ก ได้ทำเซอร์ไพรส์มอบแหวนเพชรเม็ดงามเป็นของขวัญวันเกิด แม้จะลุ้นซีนขอแต่งงาน แต่ภาพที่ โบว์ เมลดา สวมแหวนนั้นอยู่ที่นิ้วชี้  

    อาจจะยังไม่ใช่วันนี้ แต่แหวนเพชรเม็ดงามบอกสถานะว่ารักมากๆ จริงๆ นี่แค่วันเกิดเท่านั้น ส่วนของจริงวันขอแต่งงานจะเห็นแหวนเพชรจะเป็นแบบไหน รอชมรอแสดงความยินดีนะคะ เชื่อว่าเร็วๆ นี้แน่นอน

  • KUBET – นางเอก AV ไขข้อสงสัย ทำไม AV ญี่ปุ่น-ไต้หวันต้องใส่ถุงยาง แต่ฝรั่งกลับไม่ต้อง

    นางเอก AV เบอร์ 1 ของไต้หวันเปิดคลาส ไขข้อสงสัย ทำไม AV ญี่ปุ่น-ไต้หวัน ต้องใส่ถุงยางอนามัย แต่ฝรั่งกลับไม่ต้อง?

    ผู้ใช้ Threads รายหนึ่งตั้งคำถามว่า “ทำไมหนังผู้ใหญ่ของฝรั่งถึงแทบไม่ใส่ถุงยาง แต่ของญี่ปุ่นหรือไต้หวันกลับใส่เป็นเรื่องปกติ?”

    คำถามนี้ทำให้นางเอก AV เบอร์ 1 ของไต้หวัน อู๋เมิ่งเมิ่ง ออกมาตอบอย่างมืออาชีพ พร้อมเผยเบื้องหลังมาตรฐานตรวจสุขภาพของวงการหนังผู้ใหญ่แต่ละประเทศ

    Instagram / @monmonwu2.0

    อู๋เมิ่งเมิ่ง อธิบายว่า การใช้หรือไม่ใช้ถุงยางนั้น เกี่ยวข้องโดยตรงกับระบบตรวจสุขภาพในวงการหนังผู้ใหญ่ของแต่ละประเทศ

    เธอเผยว่า ในสหรัฐฯ นักแสดงต้องตรวจสุขภาพอย่างละเอียดทุก 14 วัน และต้องแสดงผลตรวจล่าสุดก่อนเข้าร่วมถ่ายทำ ไม่ว่าจะมีเพศสัมพันธ์ในช่วงเวลาดังกล่าวหรือไม่ก็ตาม ค่าตรวจอยู่ที่ราว 200–250 ดอลลาร์สหรัฐ (ประมาณ 6,000–7,500 ดอลลาร์ไต้หวัน) โดยค่าบริการอาจเปลี่ยนแปลงตามความเร็วในการออกผลตรวจ

    ขณะที่ในยุโรปมีมาตรการเข้มงวดยิ่งกว่า โดยต้องตรวจทุก 7 วัน และหากแนะนำคนอื่นไปตรวจที่เดียวกัน ยังได้รับส่วนลดเพิ่มเติมอีกด้วย

    เมื่อเทียบกันแล้ว มาตรฐานการตรวจสุขภาพในวงการหนังผู้ใหญ่ของไต้หวันถือว่าค่อนข้างผ่อนคลาย โดยมักกำหนดให้เฉพาะนักแสดงชายตรวจภายในช่วง 1 ถึง 3 เดือนเท่านั้น โดยครอบคลุมโรคเอดส์ หนองใน ซิฟิลิส และหูดหงอนไก่

    Instagram / @monmonwu2.0

    อู๋เมิ่งเมิ่ง ยังเผยว่า ญี่ปุ่นมีความพิเศษยิ่งกว่า เพราะในการตรวจสุขภาพกลับไม่มีการตรวจหูดหงอนไก่โดยเฉพาะ แต่ใช้วิธีสังเกตด้วยสายตาเท่านั้น ซึ่งนักแสดงหญิงอีกคนที่เคยทำงานในญี่ปุ่นชื่อ Tiny ก็เข้ามาเสริมข้อมูลนี้เช่นกัน

  • KUBET – “อั๋น ภูวนาท” ประกาศขาย เพนท์เฮ้าส์หรูกลางเมือง เหตุผลการขายชนะเลิศเลย

    เรียกใจคนอ่านได้อย่างเต็มๆ สำหรับพิธีกรชื่อดัง อั๋น-ภูวนาท คุนผลิน หลังจากออกมาโพสต์ข้อความประกาศขายเพนท์เฮ้าส์สุดหรูใจกลางเมืองกรุง ที่มีทำเลสะดวกสบาย

    โดย อั๋น ภูวนาท ได้บอกรายละเอียดต่างๆ อย่างชัดเจน พร้อมเหตุสุดจึ้งที่บอกได้คำเดียวว่าชนะเลิศไปเลยจ้า

    “ห้อง Penthouse 108.51 ตร.ม. ชั้น 30 :The Crest พหลโยธิน11 กลางเมืองที่สุดในย่าน Residential แต่ของอร่อยเพียบ ทำเลเป็นเลิศ ใกล้ทางด่วน ทะลุเข้าออกได้มากกว่า 4 ซอยใหญ่ ถนนกว้างๆเลยครับ มีรถกอล์ฟบริการรับส่งถึงสถานี BTS ตลอดเวลา”

    “พี่อั๋นเพิ่งทำสี/งานระบบใหม่ทั้งหมด จริงๆ เป็น 3 ห้องนอน แต่พี่อั๋นขยายทำเป็น 2 ห้องนอนใหญ่ๆ พร้อม 1 Walk in Closet เต็มๆ แทน Pantry สวยอุปกรณ์พร้อม ห้องนั่งเล่น ทานข้าวกว้างเลย”

    “วิวสวย ลมตรึง อยู่สบายได้จริง แค่ยกกระเป๋าพร้อมเข้าอยู่ได้เลยครับ ก่อนหน้านี้คุณพ่อเอาไว้พักขาเท่านั้น เตียงใหม่ หมอนใหม่ Omazz ทั้งหมด”

    “ใครสนใจมารับดูแลต่อ INBOX มาหาพี่อั๋นได้เลยนะครับผม อยากขาย ราคาไม่ตกใจ แต่สนใจเช่าก็คุยกันได้”

    “ไม่ร้อนเงินจ๊ะ ตอนนั้นว่างๆ เลยซื้อ ตอนนี้ว่างๆ ก็เลยขาย…”

  • KUBET – สถาปนิกเตือน ซื้อคอนโดฯ ควรเลี่ยง 3 ชั้นนี้ ไม่ใช่ “ชั้นทอง” ที่น่าอยู่ แถมยังขายต่อยาก!

    สถาปนิกแนะ! หลีกเลี่ยงซื้อคอนโด 3 ชั้นนี้ เสี่ยงทั้งความไม่สะดวก และขายต่อยาก ย้ำไม่ใช่ “ชั้นทอง” สำหรับการอยู่อาศัย

    เมื่อพูดถึงการซื้อคอนโด หลายคนอาจกังวลเรื่องคุณภาพก่อสร้าง หรือความน่าเชื่อถือของผู้พัฒนาโครงการ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในชุมชน แต่ในความเป็นจริงแล้ว สิ่งที่ทำให้หลายคนรู้สึกเสียดายหลังย้ายเข้าอยู่ เรื่องใหญ่เรื่องหนึ่งกลับกลายว่าเป็นเพราะตัดสินใจ “เลือกชั้นผิด”

    แม้บางคนจะมองว่าการเลือกชั้นคอนโดเป็นเรื่องเล็กน้อย หรือเชื่อว่าขอแค่ห้องสว่างและระบายอากาศดี ก็เพียงพอแล้ว แต่จากประสบการณ์การอยู่อาศัยระยะยาว มีชั้นบางชั้นที่ไม่ควรเลือกซื้อ เพราะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตและความสะดวกสบายในทุกๆ วัน โดยเว็บไซต์ SOHA ได้อ้างอิงคำแนะนำจากสถาปนิกผู้เชี่ยวชาญ ที่เตือนถึง 3 ชั้นที่ควรหลีกเลี่ยงในการซื้อคอนโด ได้แก่

    1. ชั้นเครื่องจักรและระบบอุปกรณ์ต่างๆ

    ชั้นนี้มักเป็นที่ตั้งของห้องเครื่องจักร เช่น ห้องเครื่องลิฟต์ ระบบปั้มน้ำ หรือเครื่องปรับอากาศกลาง ที่อาจอยู่ชั้นบนสุด ชั้นล่าง หรือซ่อนอยู่กลางอาคาร จุดเด่นของชั้นนี้คือเสียงรบกวน โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน ที่มีเสียงมอเตอร์ลิฟต์หรือเสียงเครื่องปรับอากาศทำงานอย่างต่อเนื่อง แม้เสียงจะไม่ดังมาก แต่เป็นเสียงความถี่ต่ำที่กันเสียงได้ยาก ทำให้รบกวนการนอนหลับและอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพในระยะยาว จึงแนะนำให้สอบถามข้อมูลชั้นนี้ให้ชัดเจนก่อนซื้อ เพราะหลายคนมักพบปัญหาหลังย้ายเข้าแล้ว ซึ่งในตอนนั้นจะถอยตัวกลับหรือแก้ไขใดๆ ก็คงเป็นไปได้ยาก

    2. ชั้นบนสุดของอาคาร

    ชั้นบนสุดมีข้อดีที่แสงสว่างดี วิวกว้าง ระบายอากาศได้ดี และความเป็นส่วนตัวสูง อีกทั้งมักจะสงบและมีราคาถูกกว่าชั้นกลาง แต่ผู้เชี่ยวชาญกลับไม่แนะนำให้ซื้อ เพราะมีข้อเสียหลายประการ เช่น ร้อนจัดในช่วงฤดูร้อน เนื่องจากหลังคาดูดซับความร้อนจากแสงแดด ทำให้ห้องภายในร้อนและอึดอัด, เสี่ยงน้ำรั่วซึมจากหลังคา, การอพยพยามเกิดเหตุฉุกเฉินทำได้ยากกว่า, ต้องพึ่งพาลิฟต์อย่างมาก และอาจถูกลมแรงพัดกระแทกได้

    การใช้เครื่องปรับอากาศเพื่อแก้ปัญหาความร้อน นอกจากเพิ่มค่าไฟฟ้าแล้วยังอาจกระทบสุขภาพ โดยเฉพาะเด็กและผู้สูงอายุ นอกจากนี้ การขึ้นลงชั้นบนสุดมักใช้เวลารอนาน และในกรณีเกิดแผ่นดินไหว ผู้ที่อยู่ชั้นสูงจะรู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนได้ชัดเจนกว่า

    3. ชั้นล่างสุด

    ชั้นล่างมีข้อจำกัดด้านแสงและการระบายอากาศ รวมถึงทัศนียภาพที่จำกัด และความเป็นส่วนตัวต่ำที่สุด การอยู่อาศัยที่นี่มักต้องปิดผ้าม่านบ่อยเพื่อป้องกันสายตาจากภายนอก ทำให้ห้องดูมืดและอึดอัด ทำให้ขาดแสงธรรมชาติและอากาศถ่ายเทเป็นเวลานาน อีกทั้งสภาพอากาศในชั้นล่างยังเสี่ยงความชื้นและเชื้อรา ซึ่งล้วนส่งผลต่อสุขภาพและอารมณ์ ไม่ต้องพูดถึงในกรณีที่เกิดภัยธรรมชาติอย่างน้ำท่วมรุนแรงเลย แน่นอนว่าที่พักในชั้นล่างสุดนี้จะได้รับผมกระทบอย่างหนักหน่วง

    อย่างไรก็ตาม ชั้นล่างยังคงมีข้อดีบางประการ คือ ราคาขายมักจะถูกกว่า เดินทางสะดวก ไม่ต้องพึ่งลิฟต์ เหมาะสำหรับผู้สูงอายุหรือผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายลำบาก กล่าวโดยสรุป ชั้นล่างเป็นทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับความต้องการบางอย่าง แต่ผู้ซื้อต้องพิจารณาผลประโยชน์ทางการเงินและคุณภาพชีวิตในระยะยาวอย่างรอบคอบก่อนตัดสินใจ

    ท้ายที่สุดการเลือกซื้อคอนโดไม่ใช่แค่เรื่องทำเล ราคา หรือสิ่งอำนวยความสะดวกเท่านั้น แต่ต้องคำนึงถึงชั้นที่อยู่อาศัยอย่างรอบคอบ เพราะส่งผลต่อคุณภาพชีวิตในระยะยาว สถาปนิกจึงแนะนำให้ผู้ซื้อศึกษาข้อมูลอย่างละเอียด และไปดูหน้างานจริงเพื่อหลีกเลี่ยงความผิดหวังในอนาคต!