Blog

  • KUBET – มรสุมชีวิต “เทพธิดาเซ็กซี่แห่งเอเชีย” นางเอกอีโรติกยุค 90 ตำนานหญิงแพศยา

    “เทพธิดาเซ็กซี่แห่งเอเชีย” นางเอกหนังอีโรติก ผู้โด่งดังจากบทหญิงแพศยาในประวัติศาสตร์ กับชีวิตจริงที่เจอมรสุมถาโถม

    ในวงการบันเทิงที่เต็มไปด้วยดาราเจิดจรัส มีเพียงไม่กี่คนที่สามารถยิ้มรับชีวิตท่ามกลางพายุแห่งโชคชะตาได้เหมือน หยาง ซือหมิน (Si-Man Yeung) ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยเรื่องราวพลิกผันยิ่งกว่าละคร 

    จาก “เทพธิดาแห่งเอเชีย” สู่กรงแห่งภาพลักษณ์

    เมื่อพูดถึง หยาง ซือหมิน หลายคนจะนึกถึงฉายา “เทพธิดาเซ็กซี่อันดับหนึ่งแห่งเอเชีย” ซึ่งทำให้เธอเป็นที่สนใจอย่างรวดเร็ว แต่ในขณะเดียวกันก็บดบังความสามารถที่แท้จริงของเธอ เธอเริ่มต้นจากวงการถ่ายแบบในไต้หวัน ก่อนจะมีชื่อเสียงในวงการบันเทิงญี่ปุ่น โดยเฉพาะบท “พาน จินเหลียน” หญิงแพศยาในประวัติศาสตร์จีน จากภาพยนตร์ New Jin Ping Mei (新金瓶梅) ปี 1996 ที่ทำให้ผู้ชมหลงใหล ความสวยและรูปร่างของเธอกลายเป็นประเด็นพูดถึงกว้างขวาง

    ในช่วงเวลาเดียวกัน ซู ฉี ซึ่งเป็นนางแบบจากไต้หวันก็เดบิวต์ในหนังแนวอีโรติกเช่นกัน แต่หากเทียบกัน ณ ตอนนั้น หยาง ซือหมิน ได้รับความนิยมมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม ซู ฉีสามารถเบนเข็มเข้าสู่วงการภาพยนตร์กระแสหลักได้สำเร็จ ขณะที่ หยาง ซือหมิน ยังไม่สามารถหลุดพ้นจากภาพจำเดิมได้

    ชีวิตที่ไม่ได้มีแค่บทบาทในจอ

    แต่โชคชะตากลับโหดร้ายยิ่งกว่าเสียงวิจารณ์ เมื่อตอนที่อาชีพของเธอกำลังรุ่งโรจน์ เธอต้องเผชิญกับโศกนาฏกรรมหลายอย่างติดกัน พ่อเสียชีวิตจากอุบัติเหตุ แม่ถูกวินิจฉัยว่าเป็นมะเร็ง และไม่นานนักเธอเองก็พบว่าตัวเองเป็นมะเร็งเต้านมเมื่อปี 1999 ความสูญเสียสามชั้นนี้เล่นงานเธออย่างหนัก แต่เธอกลับไม่ยอมแพ้

    เธอจัดการงานศพพ่อด้วยความเข้มแข็ง หาทางรักษาแม่ด้วยความพยายามเต็มที่ และแม้ต้องขึ้นเขียงผ่าตัด เธอก็ยังบอกตัวเองว่า “ฉันต้องไม่ล้ม” ความเจ็บปวดจากเคมีบำบัดและความกลัวเรื่องโรคไม่เคยพรากความหวังในชีวิตของเธอไป กลับกัน มันทำให้เธอมองเห็นว่า “คุณค่าของชีวิต ไม่ได้ถูกนิยามจากภาพลักษณ์ภายนอก”

    ปลดเปลื้องบทบาท สู่ชีวิตใหม่ที่เรียบง่าย

    หลังผ่านบททดสอบระหว่างความเป็นและความตาย หยาง ซือหมิน เริ่มเข้าใจชีวิตในมุมใหม่ ขณะพักฟื้น เธอไม่ได้จมอยู่กับความทุกข์ แต่กลับหันมาทบทวนสิ่งที่หัวใจต้องการ เธอค่อย ๆ ถอยห่างจากวงการบันเทิง วางมือจากคำชื่นชมและแสงไฟ เปลี่ยนไปใช้ชีวิตที่เติมเต็มจิตใจมากกว่า

    การหันหลังให้วงการไม่ใช่การยอมแพ้ แต่มันคือการเลือกด้วยตัวเอง เธอทิ้งภาพลักษณ์เซ็กซี่ แล้วหันกลับมารู้จักตัวเอง ใช้ชีวิตเรียบง่าย และค้นพบคุณค่าแท้จริงบนความธรรมดา

    จากดาวดังสู่เจ้าของร้านบะหมี่

    แม้ปัจจุบันจะไม่ค่อยมีข่าวของเธอในสื่อ แต่เรื่องราวของเธอกลับสร้างแรงบันดาลใจได้อย่างแท้จริง หยาง ซือหมิน สอนให้เราเห็นว่า “ความแข็งแกร่งที่แท้จริง” ไม่ได้มาจากหน้าตาหรือชื่อเสียง แต่มาจากหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ต่อชีวิต

    หลังจากออกจากวงการ เธอหันมาทำธุรกิจร้านอาหารในไต้หวัน และพบรักกับชายชาวญี่ปุ่น ทั้งคู่ไม่ได้จดทะเบียนสมรสและต่างคนต่างอาศัยอยู่คนละที่ แต่ความผูกพันของพวกเขากลับมั่นคงยิ่งกว่า

     

     

  • KUBET – ใบหน้าที่แท้จริงของ “คลีโอพัตรา” งดงามแค่ไหน นักวิจัยใช้เทคโนโลยี จำลองจากหลักฐาน

    ไขปริศนาใบหน้าจริงของ “คลีโอพัตรา” ด้วยเทคโนโลยี AI, 3D และนิติวิทยาศาสตร์

    ในยุคที่เทคโนโลยีก้าวหน้าอย่างก้าวกระโดด นักวิทยาศาสตร์และนักโบราณคดีได้ร่วมมือกันใช้เครื่องมือทันสมัยหลากหลายรูปแบบ เพื่อ “เสกคืนชีพใบหน้าของคลีโอพัตรา” หนึ่งในราชินีผู้มีชื่อเสียงที่สุดในประวัติศาสตร์โลก โดยผสมผสานทั้ง การสแกนภาพ 3 มิติ, นิติวิทยาศาสตร์ และปัญญาประดิษฐ์ (AI) เพื่อสร้างภาพใบหน้าที่ใกล้เคียงกับความเป็นจริงมากที่สุด จากหลักฐานโบราณวัตถุ ภาพแกะสลัก เหรียญโบราณ และเอกสารทางประวัติศาสตร์

    คลีโอพัตรา ในภาพยนตร์

    เทคโนโลยีหลักที่ใช้สร้างใบหน้าคลีโอพัตรา

    • การสแกน 3 มิติ และสร้างแบบจำลองด้วยคอมพิวเตอร์: ผู้เชี่ยวชาญได้สแกนรูปปั้น เหรียญ และสิ่งของโบราณที่เชื่อว่าเป็นภาพของคลีโอพัตรา เพื่อนำข้อมูลเหล่านี้มาสร้างแบบจำลองลักษณะใบหน้า เช่น สันจมูก โหนกแก้ม และหน้าผาก
    • AI และ Deep Learning: ปัญญาประดิษฐ์ขั้นสูงวิเคราะห์ข้อมูลจากกะโหลก (หากมี), ภาพศิลป์โบราณ และคำบรรยายในเอกสารประวัติศาสตร์ เพื่อนำมาสร้างภาพใบหน้าที่สมจริง บางครั้งสามารถแสดงสีหน้าและการเคลื่อนไหวได้
    • นิติวิทยาศาสตร์ (Forensic Reconstruction): นักวาดภาพและนักนิติวิทยาศาสตร์ใช้วิธีคล้ายกับในงานสืบสวนอาชญากรรม โดยจำลองกล้ามเนื้อและผิวหนังบนแบบจำลองกะโหลกเพื่อคาดคะเนรูปลักษณ์ของคลีโอพัตรา

    ตัวอย่างผลงานการจำลองใบหน้าที่น่าจดจำ

    • ปี 2007: ทีมผู้เชี่ยวชาญนิติวิทยาศาสตร์ได้สร้างรูปปั้นจำลองใบหน้าของคลีโอพัตรา โดยอิงจากการสแกน 3 มิติและการปั้นด้วยมือ ผลลัพธ์คือใบหน้าที่มีจมูกเรียวยาว โหนกแก้มสูง และหน้าผากเด่น แสดงถึงเชื้อสายผสมระหว่างกรีกและอียิปต์

    • Sally Ann Ashton: นักอียิปต์วิทยาผู้มีชื่อเสียง ได้สร้างภาพ 3 มิติของคลีโอพัตราโดยอิงจากวัตถุโบราณ เช่น แหวนและเหรียญสมัยพระนางครองราชย์ โดยใบหน้าที่ออกมานั้นมีลักษณะของหญิงสาวเชื้อสายผสมแบบเมดิเตอร์เรเนียน ต่างจากภาพลักษณ์ที่ถูกโรแมนติกในสื่อฝั่งตะวันตก
    • เวอร์ชันจาก AI: ปัจจุบันบนแพลตฟอร์มอย่าง TikTok และ YouTube มีการใช้ AI เพื่อสร้างภาพใบหน้าคลีโอพัตราในแบบดิจิทัล โดยมักแสดงออกเป็นหญิงสาวดวงตาเรียว จมูกเด่น และผิวเข้มแบบเมดิเตอร์เรเนียน ซึ่งสะท้อนเชื้อสายกรีกมาซิโดเนียและการเติบโตในอียิปต์

    ข้อจำกัดของการจำลอง

    แม้เทคโนโลยีจะก้าวไกลเพียงใด แต่ปัจจุบันก็ยังไม่มีภาพจริงหรือมัมมี่ของคลีโอพัตราที่ได้รับการยืนยันอย่างแน่ชัด การจำลองทั้งหมดจึงอิงจากการตีความวัตถุโบราณ เหรียญ และคำบรรยายในเอกสารโบราณ ทำให้แม้ภาพเหล่านี้จะใกล้เคียงความจริงที่สุดในเชิงวิทยาศาสตร์ ก็ยังคงมีความคลาดเคลื่อนหรืออาศัยจินตนาการในระดับหนึ่ง

    สรุป:

    การผสานเทคโนโลยีอย่าง ภาพ 3 มิติ, นิติวิทยาศาสตร์ และ AI ได้ช่วยเปิดมุมมองใหม่ในการเข้าใจรูปลักษณ์ที่แท้จริงของคลีโอพัตรา แม้จะไม่สามารถยืนยันได้ว่าใบหน้าดังกล่าวถูกต้องสมบูรณ์ 100% แต่ก็ถือเป็นการพยายามอย่างมีหลักฐานและหลักวิทยาศาสตร์ที่สุดในยุคปัจจุบัน

    อ้างอิง

    1. YouTube
    2. Trendhunter
    3. YourWeather
    4. TikTok
    5. YouTube
    6. YouTube
    7. Infobae
    8. Perfect Corp
    9. TikTok
    10. KIPIC
    11. YouTube
    12. Mobirise
    13. Knightstemplar.co
    14. TikTok
    15. Reddit
    16. YouTube
    17. Reddit
    18. Media.io
    19. YouTube
    20. Stable Diffusion
    21. Instagram
    22. Craiyon
    23. Animascorp
    24. Modem World
    25. EG Digital Library
    26. IMS Global
    27. KIPIC
    28. Cleopatra Enterprise
    29. My Modern Met
    30. SUN Scholar
  • KUBET – “ดี้ ปัทมา” ภูมิใจลูกสาว “พญ.โสวิชญา” เป็นอาจารย์หมอแล้ว สวยน่ารักเก่งมาก

    ดี้ ปัทมา ภูมิใจมากลูกสาวสุดที่รักสอบผ่านเป็นอาจารย์หมอแล้ว แพทย์หญิงพลอย-โสวิชญา ปานทอง แพทย์อายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด

    เป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมากสำหรับครอบครัวของนักแสดงรุ่นใหญ่ ดี้-ปัทมา ปานทอง ที่นอกจากสามี เอ๋ กษมา จะอบอุ่นและแสนดีแล้ว ลูกสาวสุดที่รักเพียงคนเดียว พลอย โสวิชญา ทั้งสวยน่ารักและเรียนเก่งมากๆ ปัจจุบันเรียนเป็นคุณหมอ อยู่ที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย และลูกสาวได้แต่งงานกับคุณหมอด้วยกัน ต้องบอกว่าเป็นคู่ที่น่ารักเหมาะสมกันมากๆ คุณแม่ปลื้มใจกับลูกสาวเป็นที่สุด 

    ก่อนหน้านี้ แม่ดี้ ได้ลงภาพแสดงความยินดีกับลูกสาว หมอพลอย และลูกเขย รับวุฒิบัตร รับวุฒิบัตรจบอายุรกรรมศาสตร์แล้ว  

    ล่าสุด คุณแม่ดี้ ปัทมา ได้ลงภาพแห่งความภาคภูมิใจในตัวลูกสาว หมอพลอย จบหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านต่อยอด อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด  

    “จบอีกแล้วจร้า ได้เข้ารับการฝึกอบรมหลักสูตรแพทย์ประจำบ้านต่อยอด อนุสาขาอายุรศาสตร์โรคหัวใจและหลอดเลือด ฝ่ายอายุรศาสตร์ ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2566 ถึง 30 มิถุนายน 2568 ให้ไว้ ณ วันที่ 30 มิถุนายน 2568 ขอบคุณหมออั๋นที่คอยดูแลดวงใจของแม่ @sowitchayap ขอบคุณลูกสาวที่ตั้งใจเรียนและรักษาคนไข้ ขอให้บุญกุศลนี้จงดลบันดาลให้ลูกทั้งสอง มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงนะคะ #รักหมอ #อาจารย์” 

    ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ 

  • KUBET – “10 นามสกุลเก่าแก่ของไทย” เห็นที่ไหนรู้ไว้เลยว่าบรรพบุรุษคือคนเก่งของยุค!

    พาไปรู้จักกับ 10 นามสกุลเก่าแก่ของไทยในยุครัชกาลที่ 6 ที่สืบทอดคุณูปการมายาวนาน

    ในห้วงเวลาแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ความเป็นสากลในสมัยรัชกาลที่ 6 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงมีพระราชดำริให้ประชาชนไทยมี “นามสกุล” อย่างเป็นทางการ เพื่อประโยชน์ด้านการปกครองและเพื่อให้เทียบเคียงกับธรรมเนียมของนานาอารยประเทศ

    พระองค์จึงทรงตราพระราชบัญญัติขนานนามสกุลขึ้นเมื่อวันที่ 22 มีนาคม พุทธศักราช 2455 นับเป็นจุดเริ่มต้นของการจารึกชื่อเสียงตระกูลต่างๆ ไว้อย่างเป็นระบบในประวัติศาสตร์ชาติไทย

    บรรดานามสกุลที่ได้รับพระราชทานในยุคแรก ล้วนแต่เป็นตระกูลเก่าแก่ที่มีบทบาทสำคัญต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน ทั้งในฐานะขุนนาง นักปกครอง ข้าราชบริพาร และผู้ถวายงานรับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท หลายตระกูลได้สืบทอดเกียรติภูมิและคุณงามความดีจากบรรพบุรุษมาอย่างต่อเนื่อง และบางสายยังมีความเกี่ยวเนื่องกับราชสกุลอย่างลึกซึ้ง

    บทความนี้จะพาคุณไปรู้จัก 10 นามสกุลสำคัญที่มีหลักฐานทางประวัติศาสตร์บันทึกไว้อย่างชัดเจน เพื่อยืนยันถึงความดีความชอบและรากเหง้าทางสังคมในยุคบุกเบิกของการตั้งนามสกุลไทย

    1751523217996

    1. บุนนาค

    ตระกูลเก่าแก่ที่มีต้นสายจากพ่อค้าชาวเปอร์เซียชื่อ “เฉกอะหมัด” ซึ่งเข้ามารับราชการในกรุงศรีอยุธยา ต่อเนื่องจนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ เชื้อสายของบุนนาคหลายคนดำรงตำแหน่งขุนนางใหญ่ ผู้สำเร็จราชการแผ่นดิน และมีสายสัมพันธ์กับราชวงศ์อย่างลึกซึ้ง

    2. ณ บางช้าง

    สืบเชื้อสายจากวงศ์พระร่วงแห่งกรุงศรีอยุธยา เป็นต้นตระกูลของท่านผู้หญิงนาค ภริยาเจ้าพระยาจักรี ผู้เป็นสมเด็จพระอมรินทราบรมราชินี และพระบรมราชชนนีของรัชกาลที่ 2 ตระกูลนี้แตกออกเป็นราชสกุลสำคัญหลายสาย เช่น กุญชร, ปราโมช, มาลากุล และสกุลดังอื่นๆ

    3. วัชโรทัย

    ต้นตระกูลคือพระยาอุทัยธรรม เจ้ากรมภูษามาลา ซึ่งถวายงานตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา สืบทอดตำแหน่งด้านเครื่องแต่งกายหลวงต่อเนื่องมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน

    4. สุจริตกุล

    มีต้นสายจากขุนนางในราชสำนักอยุธยา เช่น หลวงอาสาสำแดง และท้าวสุจริตธำรง มีบทบาทในราชสำนักรัตนโกสินทร์ พระอัครมเหสีหลายพระองค์ เช่น พระนางเจ้าสุนันทา, พระนางเจ้าสว่างวัฒนา และพระนางเจ้าเสาวภาผ่องศรี ล้วนมีเชื้อสายจากตระกูลนี้

    5. ณ ป้อมเพชร

    สืบเชื้อสายจากขุนนางอยุธยาที่ตั้งบ้านเรือนอยู่แถบป้อมเพชร ลูกหลานในยุครัตนโกสินทร์ เช่น พระสมุทบุรานุรักษ์ ได้รับพระกรุณาแต่งตั้งเป็น “พระยาชัยวิชิตวิศิษฏ์ธรรมธาดา” อธิบดีกรมราชทัณฑ์คนแรกของไทย

    1751523505523

    6. โรจนกุล

    ตระกูลของเจ้าพระยาพิษณุโลก สืบเชื้อสายจากพราหมณ์ศิริวัฒนะ ราชปุโรหิตในสมัยสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 3 แห่งกรุงศรีอยุธยา

    7. อมาตยกุล

    เป็นตระกูลขุนนางที่รับราชการต่อเนื่องจากกรุงศรีอยุธยา กรุงธนบุรี จนถึงกรุงรัตนโกสินทร์ โดยลูกหลานได้รับตำแหน่งทางราชการหลากหลาย ไม่ต่ำกว่า 15 รัชกาล

    8. ณ นคร

    สืบเชื้อสายจากพระเจ้าขัตติยราชนิคม เจ้าผู้ครองนครศรีธรรมราช จากราชวงศ์ศรีธรรมาโศกราช เคยเป็นหลวงนายสิทธิ์ในกรุงศรีอยุธยา และปลัดเมืองนครศรีธรรมราชในเวลาต่อมา

    9. บุรณศิริ

    ต้นสกุลคือเจ้าพระยาสุธรรมมนตรี สืบสายจากพราหมณ์เมืองพาราณสี เข้ารับราชการตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์ และได้เป็นเจ้าพระยาธรรมกรณาธิบดีในรัชกาลที่ 4

    10. ราชตระกูลสายสมเด็จพระปฐมบรมมหาชนก

    สืบสายจากเจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน) ผู้เป็นราชทูตเดินทางไปฝรั่งเศสในสมัยสมเด็จพระนารายณ์ สายราชสกุลที่สืบมา ได้แก่ นรินทรางกูร, เทพหัสดิน, มนตรีกุล, อิศรางกูร, เจษฎางกูร และนรินทรกุล

    *หมายเหตุ: ภาพเปิดบทความ คือพระรูปหมู่เจ้านายผู้สืบสายราชสันตติวงศ์สายตรงในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 ซึ่งเป็นพระราชโอรสในรัชกาลที่ 2

  • KUBET – 5 อันดับ “ผักยอดฮิต” คนไทยกินกันเยอะมาก แต่จริงๆ “แทบไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ”

    จัดอันดับผักยอดฮิตที่คนไทยกินกันเยอะมาก แต่จริงๆ “แทบไม่มีประโยชน์ทางโภชนาการ”

    แม้ผักจะเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อเรื่องประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่ความจริงแล้ว ผักบางชนิดที่คนไทยนิยมกินกันกลับมีคุณค่าทางโภชนาการต่ำ หรือแทบไม่มีประโยชน์ต่อร่างกายเลย แถมบางชนิดหากกินดิบ หรือกินมากเกินไป ยังอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

    5 อันดับผักยอดฮิตที่ “ประโยชน์น้อย” หรือ “แทบไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ”

    อันดับ ผัก เหตุผล
    1 ถั่วงอก นิยมกินมาก แต่มีใยอาหารต่ำ เสี่ยงปนเปื้อนเชื้อโรคสูง และอาจมีสารฟอกขาว ไม่มีวิตามินหรือแร่ธาตุเด่น
    2 กะหล่ำปลี กินดิบมากๆ อาจขัดขวางการดูดซึมไอโอดีน มีใยอาหารบ้างแต่สารอาหารหลักน้อย
    3 มันฝรั่ง ให้พลังงานสูง (แป้ง) แต่โปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุน้อย เมื่อเทียบกับผักอื่นๆ
    4 แฟง (ฟักเขียว) มีน้ำเป็นหลัก สารอาหารหลักน้อยมาก ไม่มีวิตามินหรือแร่ธาตุสำคัญ
    5 น้ำผักผลไม้สำเร็จรูป แทบไม่มีใยอาหาร วิตามินน้อยมาก มักมีแต่น้ำตาลและสารแต่งกลิ่น

    รายละเอียดเพิ่มเติม

    • ถั่วงอก – แม้จะเป็นผักยอดนิยมในหลายเมนู แต่มีใยอาหารต่ำ ไม่มีสารอาหารเด่น และเสี่ยงต่อเชื้อแบคทีเรียหรือสารฟอกขาว โดยเฉพาะเมื่อกินดิบมากๆ
    • กะหล่ำปลี – มีใยอาหารบ้างแต่สารอาหารอื่นน้อย หากกินดิบเป็นประจำ อาจขัดขวางการดูดซึมไอโอดีน เสี่ยงต่อภาวะไทรอยด์ต่ำ และทำให้เกิดอาการท้องอืด
    • มันฝรั่ง – นิยมต้ม ทอด หรือใส่ในอาหารจานเดียว ให้พลังงานสูงจากแป้ง แต่สารอาหารอื่นน้อยมาก โดยเฉพาะวิตามินและแร่ธาตุที่พบในผักสีเขียว
    • แฟง (ฟักเขียว) – ผักที่มีน้ำเป็นส่วนใหญ่ ไม่มีสารอาหารเด่น นิยมในเมนูแกงจืดแต่ไม่เสริมประโยชน์ทางโภชนาการเท่าผักชนิดอื่น
    • น้ำผักผลไม้สำเร็จรูป – แม้จะดูเหมือนเพื่อสุขภาพ แต่แทบไม่มีใยอาหาร วิตามินสูญเสียไปกับกระบวนการผลิต และมักมีแต่น้ำตาลและกลิ่นแต่งเพิ่มรสชาติ

    ข้อควรระวัง

    • ผักบางชนิด เช่น ถั่วงอก กะหล่ำปลี มันฝรั่ง และผักแปรรูป หากกินดิบหรือมากเกินไป อาจเป็นอันตรายต่อร่างกายได้
    • ควรเลือกกินผักหลากหลาย โดยเฉพาะผักใบเขียวเข้มและผักสีสด ที่มีสารอาหารสูง

    สรุป: ผักบางชนิดแม้จะเป็นที่นิยม แต่กลับมีประโยชน์ทางโภชนาการต่ำ หรืออาจให้โทษหากกินผิดวิธี การเลือกผักอย่างชาญฉลาดและหลากหลาย คือกุญแจสำคัญของการกินเพื่อสุขภาพที่แท้จริง

    แหล่งอ้างอิง

  • KUBET – 4 อาหารที่คุ้นเคย แต่ “ไม่ควรกินคู่กับเต้าหู้” เสี่ยงกระทบต่อสุขภาพ หลายคนยังปรุงรวมกัน!

    เปิดชื่อ 4 อาหาร ที่ควรเลี่ยงรับประทานร่วมกับ “เต้าหู้” เสี่ยงกระทบต่อสุขภาพ ย่อยยาก-ดูดซึมแคลเซียมไม่ดี

    เต้าหู้นับเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในอาหารไทยและเอเชีย ด้วยราคาย่อมเยา เต็มไปด้วยสารอาหาร และสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งแบบผัด ทอด ต้ม หรือนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เต้าหู้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีแคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช

    ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการระบุว่า เต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนพืชคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกาย และยังมีใยอาหารที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อีกทั้งยังมีแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ที่ช่วยบำรุงกระดูก เลือด และระบบภูมิคุ้มกัน

    อย่างไรก็ตาม แม้เต้าหู้จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก แต่การรับประทานร่วมกับอาหารบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารหรือการดูดซึมสารอาหารได้เช่นกัน ดังนี้

    1. กุ้ง

    กุ้งและเต้าหู้ต่างเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมชั้นเยี่ยม แต่เมื่อนำมารับประทานร่วมกัน อาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด หรือย่อยยาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีระบบย่อยอาหารไวหรือมีปัญหาทางเดินอาหาร

    2. ผักโขม

    ผักโขมมีธาตุเหล็กและวิตามินสูง แต่ก็มีกรดออกซาลิก (Oxalic acid) ซึ่งอาจทำปฏิกิริยากับแคลเซียมในเต้าหู้ กลายเป็นแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งไม่สามารถดูดซึมได้ และอาจตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดผลเสียต่อไตหรือระบบย่อยอาหาร ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานผักโขมและเต้าหู้ร่วมกัน

    3. น้ำผึ้ง

    แม้น้ำผึ้งจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและอุดมด้วยวิตามิน แต่การรับประทานร่วมกับเต้าหู้อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างโปรตีนในเต้าหู้กับสารบางชนิดในน้ำผึ้ง ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ยากขึ้น เสี่ยงต่อการระคายเคืองระบบย่อยหรือท้องเสีย

    4. หน่อไม้

    หน่อไม้เป็นอาหารที่หลายคนโปรดปราน แต่ก็มีกรดออกซาลิกสูงเช่นเดียวกับผักโขม เมื่อรับประทานร่วมกับเต้าหู้ซึ่งมีแคลเซียมอยู่มาก อาจลดประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียม และส่งผลเสียต่อการบำรุงกระดูกในระยะยาว

    ข้อควรระวังในการบริโภคเต้าหู้

    แม้เต้าหู้จะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ควรบริโภคอย่างพอดี เนื่องจากมีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน หากรับประทานมากเกินไป อาจรบกวนสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านมหรือเนื้องอกในมดลูก

    นอกจากนี้ เต้าหู้ที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูปอย่างเหมาะสมอาจมีสารที่รบกวนการย่อยอาหาร เช่น กรดไฟติก และเอนไซม์ต้านทริปซิน ซึ่งหากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้การดูดซึมสารอาหารบางชนิดลดลง

    ท้ายที่สุด “เต้าหู้” ยังคงเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่การจับคู่กับอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ผักโขม น้ำผึ้ง และหน่อไม้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการดูดซึมแร่ธาตุของร่างกาย ดังนั้น ควรใส่ใจในการเลือกเมนูประกอบเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเต้าหู้อย่างเต็มที่ และปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว

  • KUBET – ชายผู้ไปมาแล้ว 193 ประเทศ เผยประเทศเดียวที่หลงรัก จนลาออกจากงาน-ย้ายมาอยู่

    ชายผู้เดินทางไปมาแล้ว 193 ประเทศ เผยประเทศเดียวที่เขาหลงรัก จนยอมลาออกจากงานและย้ายไปอยู่

     

    “แรนดี้ วิลเลียมส์” นักเดินทางชาวอเมริกันจากซานดิเอโก้ รัฐแคลิฟอร์เนีย ประเทศสหรัฐอเมริกา สามารถกล่าวได้อย่างภาคภูมิว่าเขาไปครบทั้ง 193 ประเทศ ที่เป็นสมาชิกสหประชาชาติแล้ว หลังจากเช็กอินที่เติร์กเมนิสถานเมื่อปี 2023 ซึ่งแน่นอนว่าคำถามที่ตามมาก็คือ ประเทศไหนคือที่โปรดในใจเขา

    ย้อนกลับไปในปี 2019 ตอนที่ แรนดี้ วิลเลียมส์ เดินทางไปได้เพียง 120 ประเทศ เขาได้เปิดเผยว่ามีประเทศหนึ่งที่เขาหลงรักจนยอมลาออกจากงาน และย้ายไปอยู่ที่นั่นอย่างถาวร

    Facebook / Ramblin’ Randy

    ในการให้สัมภาษณ์กับ LOST iN เขาเล่าว่า “ผมมักจะถูกถามเสมอว่าประเทศที่ชอบที่สุดคือที่ไหน คำตอบของผมง่ายมาก เพราะมันเป็นประเทศเดียวที่ผมเก็บข้าวของทุกอย่าง ลาออกจากงาน ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง แล้วก็ย้ายไปอยู่ที่นั่น”

    “ผมพบเมืองหนึ่งริมชายฝั่งชื่อเรซีเฟ (Recife) ตอนนั้นผมยังไม่ได้ออกจากสนามบินเลย แค่บินผ่านชายฝั่งก็เห็นตึกสูงสีพาสเทลสวยงามเรียงรายอยู่ริมชายหาด มันทำให้ผมนึกถึงไมอามีบีชขึ้นมา”

    “ในการเดินทางครั้งต่อมา ผมไปเยือนที่นั่นจริง ๆ หาห้องพักจนเจอ แล้วก็กลับบ้านไปบอกหัวหน้าว่าผมอยากคุยด้วย จากนั้นก็แจ้งว่าผมจะลาออกและย้ายไปอยู่บราซิล มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นที่สุดช่วงหนึ่งในชีวิตผมเลยครับ”

    iStockphoto

    เรซีเฟ (Recife) ขึ้นชื่อเรื่องหาดโบอาเวียเจ็ม วัฒนธรรมที่มีชีวิตชีวา และถนนหนทางที่มีเสน่ห์ ซึ่งทั้งหมดนี้ดูจะมากพอที่จะทำให้แรนดี้ตัดสินใจละทิ้งชีวิตเดิมของเขาเพื่อย้ายมาอยู่ที่นี่

    แต่หากใครไม่ได้ชื่นชอบบราซิลเป็นพิเศษ แรนดี้ยังแนะนำในบล็อกของเขาว่า สวิตเซอร์แลนด์ จิบูตี อาร์เมเนีย และบรูไน ก็เป็นประเทศโปรดของเขาเช่นกัน

  • KUBET – บทเรียนชีวิต: ชายผู้ถูกล็อตเตอรี 11,000 ล้านบาท แต่สุดท้ายเหมือนตกนรกทั้งเป็น

    ชีวิตที่พังทลายหลังถูกรางวัล Powerball: บทเรียนจาก แจ็ค วิตเทเกอร์

    แจ็ค วิตเทเกอร์ ชายชาวอเมริกันจากรัฐเวสต์เวอร์จิเนีย เคยใช้ชีวิตอย่างปกติสุข มีฐานะปานกลาง ไม่ได้ร่ำรวยแต่ก็ไม่ขัดสน

    จนกระทั่งเดือนธันวาคม ปี 2002 ชีวิตของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล เมื่อถูกรางวัลแจ็กพอต Powerball มูลค่ากว่า 314.9 ล้านดอลลาร์ หรือราว 11,000 ล้านบาท ซึ่งนับว่าเป็นหนึ่งในรางวัลที่ใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ในขณะนั้น

    อย่างไรก็ดี วิตเทเกอร์  เลือก “รับเงินก้อนเดียว” แทนการรับเงินแบบแบ่งจ่ายตลอด 30 ปี ทำให้หลังหักภาษีแล้วเหลือประมาณ 113.4 ล้านดอลลาร์ หรือราว 3,700 ล้านบาทเท่านั้น แต่ก็ยังทำให้เขากลายเป็นมหาเศรษฐีอยู่ดี (สวนทางกับบรรดานักวิเคราะห์ทางการเงินที่ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า นี่คือจุดเริ่มต้นแรกของการตัดสินใจผิดพลาดของเขา)

    ในช่วงแรก เขาก็ใช้ชีวิตตามแบบคนรวยใจบุญ แจกเงินบริจาคให้โบสถ์ มอบทุนการศึกษา ให้ทิปพนักงานเสิร์ฟหลักหมื่นดอลลาร์ และกลายเป็นคนดังแห่งเวสต์เวอร์จิเนีย

    แต่ไม่นาน ความฟุ่มเฟือยและการใช้เงินไม่ยั้งก็กลายเป็นต้นตอของหายนะ…

     x

    จากเศรษฐีใจดี สู่เป้าหมายของอาชญากรรม

    วิตเทเกอร์ มักพกเงินสดจำนวนมากติดตัว เขาเริ่มเข้าคาสิโนบ่อยขึ้น และไม่ระวังตัว จนถูกขโมยเงินถึงสองครั้งในไม่กี่เดือน ครั้งแรกกว่า 545,000 ดอลลาร์ หน้าคลับเปลื้องผ้า และครั้งต่อมา 200,000 ดอลลาร์ จากการลืมล็อกรถ

    เพื่อนฝูงเริ่มแวะเวียนมาขอยืมเงินมากขึ้นจนเขาระบายกับสื่อว่า “ผมไม่มีเพื่อนเหลืออยู่เลย ทุกคนแค่อยากยืมเงิน…”

    แม้แต่การไปโบสถ์กับครอบครัวก็กลายเป็นเรื่องไม่สบายใจ เพราะผู้คนเข้ามาขอความช่วยเหลือไม่หยุด

     07091

    สูญเสียครั้งใหญ่ ที่เงินก็ช่วยอะไรไม่ได้

    ไม่นานชีวิตคู่ของเขาก็พัง ภรรยายื่นฟ้องหย่า ขอละเมิดทรัพย์สินสมรส ลูกสาววัย 42 ปีเสียชีวิตด้วยโรคเรื้อรัง ส่วนหลานสาว “แบรนดี” ผู้เป็นที่รัก ก็กลายเป็นโศกนาฏกรรมที่เขาไม่มีวันลืม

    วิตเทเกอร์ ให้ทุกอย่างกับ แบรนดี ทั้งบ้าน รถ และเงินก้อนใหญ่ หวังให้เธอมีชีวิตที่ดี แต่กลับกลายเป็นว่าเธอกลายเป็นเป้าของการขู่ลักพาตัว ตกเป็นเหยื่อของยาเสพติด และต้องออกจากโรงเรียนมาเรียนที่บ้าน

    แม้เขาพยายามช่วยเหลือ ส่งบำบัดหลายครั้ง จ้างตำรวจคุ้มกัน ไล่จับพ่อค้ายาเอง แต่ก็ไม่สามารถหยุดแบรนดี้จากการถลำลึกได้

    ปี 2004 แบรนดี หายตัวไป และถูกพบเป็นศพในสนามหน้าบ้านแฟนหนุ่ม มีสารเสพติดในร่างกาย ทั้งโคเคนและเมทาโดน

     jack

    เงินไม่ใช่ทางออก

    หลังจากสูญเสียหลานสาว ชีวิตของ วิตเทเกอร์ ยิ่งดิ่งลง เขามีปัญหากฎหมายกับคาสิโน Caesars Atlantic City จากเช็กเด้ง 1.5 ล้านดอลลาร์ และยังมีคดีล่วงละเมิดทางเพศ ก่อนตกลงยุติคดีแบบลับๆ

    ปี 2007 เขาออกมายอมรับว่าเงินรางวัลที่เคยได้แทบไม่เหลือแล้ว

    “ตั้งแต่ผมถูกรางวัลลอตเตอรี่ ผมคิดว่าความโลภของผมมันไม่มีขีดจำกัดเลย”

    “เมื่อคุณมีอะไรบางอย่าง ก็จะมีคนอื่นที่อยากได้มันอยู่เสมอ ผมได้แต่คิดว่าผมน่าจะฉีกล็อตเตอรี่นั่นทิ้งไปตั้งแต่แรก”

     2016120201

    จุดจบของเศรษฐีผู้โชคร้าย

    ปี 2016 บ้านของเขาถูกไฟไหม้เสียหายหมดสิ้น ชีวิตเขาต่อสู้กับการดื่มและการพนันอย่างหนัก จนสุดท้ายเสียชีวิตในปี 2020 ขณะมีอายุ 72 ปี

    จากเศรษฐีที่โลกอิจฉา วิตเทเกอร์ กลายเป็นตัวอย่างของ “ฝันร้ายหลังถูกรางวัล” ที่ถูกกล่าวถึงในแง่ลบมากที่สุดคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ Powerball

  • KUBET – “จตุรงค์ ม๊กจก” ถูกรางวัลที่ 1? โชว์ลอตเตอรี่ 6 ใบ พร้อมเงินปึกหนา คอมเมนต์สนั่น

    ทำเอาแฟนๆ ต่างตาลุกวาวกันเป็นแถว สำหรับนักแสดงหนุ่มอารมณ์ดี จตุรงค์ ม๊กจก หลังได้โพสต์ภาพลอตเตอรี่จำนวน 60 ที่ถูกรางวัลที่ 1 งวดประจำวันที่ 1 ก.ค. 68 ที่ผ่านมา

    โดย จตุรงค์ ได้เขียนแคปชั่นไว้ว่า “6 ใบ 36 ล้าน เอาไงดีเนี๊ย #ไม่ใช่กู #ลอตเตอรี่พลัส”

    จากนั้นได้มีคอมเมนต์เข้ามาร่วมแสดงความยินดีกันอย่างรัวๆ จนในที่สุด จตุรงค์ ต้องเขียนอธิบายเพิ่มเติมว่า “ไม่เห็น #ไม่ใช่กู กันหรอ คนไทยไม่ค่อยชอบอ่านหนังสือเน๊อ”

    ซึ่งต่อมา จตุรงค์ ก็ได้โพสต์ภาพคู่กับเงินปึกใหญ่ และบอกอย่างชัดๆ “แหม!!! ถ้าถูกจริง ณ.เวลานี้คงปิดโทรศัพท์ แล้วยืน สูดอากาศบนด่านฟ้า ของเรือสำราญ ในทะเลเมดิเตอร์เรเนียน แล้วละ.. แค่นี้ก่อนนะ ต้องไปขายลูกชิ้นกับน้ำพริกเผา ที่รัฐสภา งานออกบูธ นะ #ไม่ใช่ของกู #ลอตเตอรี่พลัส”

  • KUBET – หวยลาววันนี้ 2 กรกฎาคม 2568 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร

    ลุ้นผลหวยลาววันนี้ 02/07/68 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 2 กรกฎาคม 2568 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 2 กรกฎาคม 2568 Laolottery หวยลาว ออกรางวัลทุก วันจันทร์ วันพุธ และ วันศุกร์

    รายงานผลหวยลาว 2 กรกฎาคม 2568 (02/07/68) ผลหวยลาว 6 ตัวออกรางวัลดังนี้

    ตรวจหวยลาว งวดประจำวันที่  2 กรกฎาคม 2568

    • เลข 6 ตัว : 102206
    • เลข 5 ตัว : 02206
    • เลข 4 ตัว : 2206
    • เลข 3 ตัว : 206
    • เลข 2 ตัว : 06

    เลขนามสัตว์

    • 34 ກວາງ กวาง
    • 15 ໜູ หนู
    • 02 ຫອຍ หอย
    • 01 ປານ້ອຍ ปลาเล็ก

    ผลสลากพัฒนา 5/45

    07 / 24 / 36 / 05 / 27

     May be an image of text that says

    เงินรางวัล

    เลข 4 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 6,000 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 6,000,000 กีบ
    เลข 3 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 500 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 500,000 กีบ
    เลข 2 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 60 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 60,000 กีบ

    อ่านเพิ่มเติม