Blog

ช่องแช่แข็งในตู้เย็นไม่ใช่ที่เก็บอาหารได้ทุกชนิด อาหารบางอย่างหากนำไปแช่ในนี้จะทำให้สูญเสียคุณค่าทางโภชนาการ หรือบางครั้งอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพด้วย

ช่องแช่แข็งในตู้เย็น หรือที่หลายคนเรียกว่า ช่องฟรีซ เป็นจุดที่เหมาะสำหรับการเก็บรักษาอาหาร ช่วยลดการเดินตลาดบ่อยครั้ง และป้องกันการสูญเสียอาหารอย่างเปล่าประโยชน์ แต่ก็ไม่ใช่อาหารทุกชนิดที่จะเหมาะกับการแช่แข็ง

เชฟชอว์น มาติเยวิช ผู้สอนที่สถาบันการศึกษาด้านอาหารนครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา อธิบายว่า น้ำในอาหารจะขยายตัวเมื่อถูกแช่แข็งจนเย็นจัด เกิดเป็นผลึกน้ำแข็งที่อาจทำลายโครงสร้างของเซลล์อาหาร ทำให้เมื่ออาหารละลาย กลายเป็นของนุ่มเละ รสชาติหายไป มีน้ำแยกออกมา และที่สำคัญคือสูญเสียสารอาหาร อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย พร้อมกันนั้นยังเป็นการใช้ไฟฟ้าโดยเปล่าประโยชน์อีกด้วย

ต่อไปนี้คือ 6 ประเภทอาหารที่หลายคนคุ้นเคย แต่หากไม่อยากเสียทั้งแรงเก็บรักษาและเงินทอง ควรหลีกเลี่ยงการแช่แข็ง

1. ผักใบเขียวและสมุนไพรสด

ผักบางชนิด เช่น ผักสลัด ผักโขม ผักชี หรือโหระพา จะเน่าเสียง่ายเมื่อแช่แข็งโดยตรง เพราะโครงสร้างของผักเหล่านี้บางและเปราะบาง เมื่อโดนความเย็นจัด น้ำแข็งที่เกิดขึ้นจะทำลายเนื้อเยื่อผัก ทำให้ผักเหี่ยวเละ เปลี่ยนเป็นสีดำ และสูญเสียความสดกรอบหลังละลาย อีกทั้งยังเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของแบคทีเรียด้วย

โดยเฉพาะวิตามินส่วนใหญ่ที่ไวต่ออุณหภูมิจะถูกทำลายไปด้วย หากจำเป็นต้องเก็บรักษานาน ควรลวกผักในน้ำร้อนก่อน แล้วรีบนำไปแช่เย็น หรือจะบดผสมกับน้ำมันมะกอกเพื่อทำเป็นซอสปรุงอาหารแทนก็ได้

2. ไข่ที่ยังไม่แกะเปลือก

การนำไข่ที่ยังมีเปลือกไปแช่ช่องแช่แข็งเป็นความผิดพลาดที่พบบ่อย เพราะเมื่อน้ำภายในไข่แข็งตัวและขยายตัว จะทำให้เปลือกแตกร้าว เปิดโอกาสให้แบคทีเรียเข้าสู่ไข่ได้ง่าย

เมื่อไข่ละลาย ไข่แดงมักเปลี่ยนสภาพเป็นเนื้อแป้งและยากต่อการปรุงอาหาร หากไม่สังเกตเห็นรอยร้าว อาจเผลอรับประทานไข่ที่ปนเปื้อนแบคทีเรีย ทำให้เสี่ยงติดเชื้อซัลโมเนลล่า ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของอาหารเป็นพิษ มีอาการปวดท้อง ไข้ และท้องเสียเรื้อรัง

3. ชีสเนื้อนุ่ม

ชีสประเภทครีมชีส ริคอตต้า หรือบริ มีลักษณะเนื้อละเอียดและมีความชื้นสูง เมื่อนำไปแช่แข็งแล้วละลาย ชีสจะเกิดการแยกน้ำ เป็นก้อน และเสียรสชาติ ไม่เพียงแต่รสชาติเปลี่ยนไปเท่านั้น แต่ชีสที่แยกชั้นยังเสี่ยงต่อการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย หากเก็บรักษาไม่มิดชิด

การบริโภคชีสที่เปลี่ยนสภาพแล้วอาจทำให้เกิดอาการท้องอืด คลื่นไส้ หรือในบางกรณีเสี่ยงติดเชื้อแบคทีเรียที่สร้างสารพิษได้ด้วย

4. ผลไม้และผักที่มีน้ำสูง

เช่น มะเขือเทศ แตงกวา องุ่น ส้ม หรือแตงโม มีน้ำเป็นส่วนประกอบมาก เมื่อนำไปแช่แข็ง น้ำในเนื้อจะกลายเป็นผลึกน้ำแข็ง ทำลายโครงสร้างเซลล์ ทำให้ผลไม้และผักเหล่านี้กลายเป็นเนื้อเละและมีน้ำออกมาเมื่อละลาย

หากรับประทานในสภาพสด ผลไม้ที่เปลี่ยนสภาพจะมีกลิ่นแปลก รสเปรี้ยวเล็กน้อย หรือความรู้สึกเหนียว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าอาหารเริ่มเน่าเสียหรือมีเชื้อแบคทีเรียเจริญเติบโต

การบริโภคผลไม้หรือผักที่เน่าเสียอาจเสี่ยงทำให้ปวดท้อง ท้องเสีย หรืออาหารเป็นพิษจากเชื้อแบคทีเรียที่เจริญเติบโตในสภาพการเก็บรักษาที่ไม่เหมาะสม

5. ผลิตภัณฑ์จากนมและครีมบางชนิด

เช่น โยเกิร์ต ครีมสด (heavy cream) ที่ไม่มีสารเสริมความคงตัว หรือซอสมายองเนส เมื่อแช่แข็งจะเกิดการแยกน้ำ กรดขึ้น และเสียโครงสร้าง หลังละลายจะมีลักษณะเหลวเหมือนน้ำ มีกลิ่นผิดปกติหรือรสเปรี้ยวเล็กน้อย ซึ่งเป็นสัญญาณของการหมักบ่มที่ไม่ควบคุม

หากบริโภคผลิตภัณฑ์นมที่เน่าเสีย อาจทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานผิดปกติ มีอาการท้องอืด และเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาในลำไส้ โดยเฉพาะเด็กเล็กและผู้สูงอายุที่มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอ

6. อาหารทอด

เช่น ไก่ทอด เฟรนช์ฟรายส์ หรือปอเปี๊ยะทอด หากนำไปแช่ช่องแช่แข็งจะดูดความชื้นและเสียความกรอบ เมื่ออุ่นซ้ำจะกลายเป็นเหนียวและเละ น้ำมันในอาหารจะเกิดปฏิกิริยาออกซิเดชันจนมีกลิ่นเหม็น และอาจสร้างสารพิษอย่างอะคริลาไมด์ ซึ่งเกี่ยวข้องกับการเกิดมะเร็งหากบริโภคบ่อยครั้ง

นอกจากนี้ อาหารทอดที่เก็บในช่องแช่แข็งนาน ๆ ยังเสี่ยงสะสมแบคทีเรีย หากการแช่แข็งไม่ลึกพอหรือการละลายผิดวิธี ซึ่งเป็นอันตรายต่อสุขภาพด้วยเช่นกัน

“หน่อไม้” อาหารพื้นบ้านที่คนไทยคุ้นเคยมานาน ถูกมองว่าเป็นเพียงของกินราคาถูก ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ บางคนถึงขั้นบอกว่า “กินไปก็เปล่าประโยชน์”

แต่ความจริงแล้ว หน่อไม้ซ่อนคุณค่าไว้มากกว่าที่คุณคิด!

บทความนี้จะพาไปหาคำตอบว่า หน่อไม้มีสารอาหารอะไรบ้าง? มีประโยชน์ต่อร่างกายจริงหรือไม่? และควรกินอย่างไรให้ปลอดภัยและได้ประโยชน์สูงสุด

หน่อไม้คืออะไร?

หน่อไม้ คือส่วนยอดอ่อนของต้นไผ่ที่ยังไม่โตเต็มที่ นำมาประกอบอาหารได้หลากหลายชนิด เช่น แกงหน่อไม้ ต้มจิ้มน้ำพริก หน่อไม้ดอง หรือหน่อไม้ผัดเผ็ด มีรสสัมผัสกรุบกรอบเฉพาะตัว จึงเป็นที่นิยมของคนไทยทั่วประเทศ

หน่อไม้มีสารอาหารอะไรบ้าง?

ข้อมูลจากกระทรวงสาธารณสุขและฐานข้อมูลโภชนาการของกรมอนามัยระบุว่า หน่อไม้มีสารอาหารหลากหลาย โดยเฉพาะ:

• ใยอาหาร (Fiber) ช่วยเรื่องการขับถ่าย ป้องกันอาการท้องผูก
• โปรตีน โดยเฉพาะในหน่อไม้สด มีปริมาณโปรตีนมากกว่าที่คิด
• โพแทสเซียม ช่วยควบคุมความดันโลหิต
• ฟอสฟอรัส และ แคลเซียม ที่มีส่วนช่วยบำรุงกระดูก
• วิตามินบี หลายชนิดที่ช่วยในการเผาผลาญพลังงาน

หน่อไม้ยังมีแคลอรีต่ำ เหมาะกับคนควบคุมน้ำหนัก และยังไม่มีไขมันเลย จึงถือเป็นอาหารที่เหมาะกับคนรักสุขภาพ

ข้อควรระวังในการบริโภคหน่อไม้

แม้หน่อไม้จะมีประโยชน์ แต่ก็มีข้อควรระวังบางประการ เช่น:

• ไฮโดรเจนไซยาไนด์ (Hydrogen cyanide) ซึ่งอาจพบในหน่อไม้สด โดยเฉพาะหน่อไม้ดิบ หากรับประทานมากโดยไม่ผ่านการต้มอาจเป็นอันตรายได้
• โซเดียมสูง ในหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้บรรจุกระป๋อง อาจไม่เหมาะกับผู้ที่ควบคุมความดันโลหิต

เพื่อความปลอดภัยควรต้มหน่อไม้ให้สุกก่อนทุกครั้ง และหลีกเลี่ยงการรับประทานดิบ

บทสรุป

ดังนั้นคำกล่าวที่ว่า “หน่อไม้ไร้สารอาหาร ไม่มีประโยชน์” เท่ากับ ไม่เป็นความจริง หน่อไม้มีคุณค่าทางโภชนาการหลายด้าน ช่วยส่งเสริมสุขภาพได้หากรับประทานอย่างถูกวิธี

เลือกกินหน่อไม้แบบสดใหม่ ปรุงสุก และไม่เติมเกลือหรือโซเดียมมากเกินไป จะทำให้คุณได้รับประโยชน์จากหน่อไม้อย่างเต็มที่แน่นอน

รู้แบบนี้แล้ว ครั้งหน้าที่เจอหน่อไม้ในจานอาหาร ก็มั่นใจได้เลยว่า…มันไม่ได้ “ไร้ประโยชน์” อย่างที่เคยเชื่อกัน!

ปลื้มปริ่มและภูมิใจสุดๆ สำหรับ นุสบา ปุณณกันต์ หลังจากที่ลูกจากทั้ง 2 คน น้องปุณณ์ และ น้องกันต์ ได้มอบของขวัญที่วิเศษที่สุดในปีนี้อย่างประเมินค่าไม่ได้เลย

ล่าสุด นุสบา เผยรูปภาพขณะกำลังไปส่งลูกชายคนโต น้องปุณณ์ ที่สนามบิน เพราะได้รับคัดเลือกให้ไปทำวิจัยด้านศัลยกรรมพาสติกที่ประเทศสหรัฐอเมริกา

โดยมีข้อความว่า “ของขวัญที่มีค่าที่สุดในปีนี้…คือของขวัญจากลูกชายสองคน

ของขวัญชิ้นแรก… น.พ.ปุณณ ปุณณกันต์ ได้รับคัดเลือกให้ไปทำงานวิจัยด้านศัลยกรรมพลาสติคที่สหรัฐอเมริกาหลังสำเร็จการศึกษาในปีนี้

… ทั้งดีใจแต่แอบใจหายคิดถึง รอบนี้พอไหวเพราะเดี๋ยวอีก 3 เดือนต้องกลับมางานรับปริญญาที่รามาฯ และ มหิดลศาลายา

ทำให้สุดความสามารถและทำให้ดีที่สุดนะลูกรัก

I will always be the wind beneath your wings”

สัญญาณโรคเบาหวาน ที่อาจปรากฏหลังตื่นนอนตอนเช้า เภสัชกรเตือนให้เฝ้าระวัง 3 อาการสำคัญ

โรคเบาหวานเป็นภาวะสุขภาพที่พบได้บ่อย และอาจเป็นอันตรายหากไม่ได้รับการวินิจฉัยหรือรักษาอย่างเหมาะสม แม้ว่าอาการของโรคเบาหวานจะไม่ได้รุนแรงหรือแสดงออกชัดเจนเสมอไป ทำให้หลายคนไม่รู้ตัวว่ากำลังเผชิญกับโรคนี้ แต่การสังเกตอาการตั้งแต่เนิ่นๆ จะช่วยให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาอย่างทันท่วงที

ล่าสุด “แอบบาส คานานี” (Abbas Kanani) เภสัชกรจาก Chemist Click สหราชอาณาจักร ได้เปิดเผยถึง 3 อาการสำคัญที่อาจบ่งชี้ว่าเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 ซึ่งสามารถสังเกตได้ทันทีหลังตื่นนอนในตอนเช้า

สัญญาณเตือน 3 อย่าง ที่ควรสังเกต!

1. กระหายน้ำมากผิดปกติ 
   หากคุณรู้สึกกระหายน้ำอย่างรุนแรงหรือบ่อยครั้ง แม้จะดื่มน้ำแล้ว อาจเป็นสัญญาณเริ่มต้นของโรคเบาหวาน อาการนี้เกิดจากระดับน้ำตาลในเลือดที่สูง ส่งผลให้ร่างกายพยายามขับน้ำตาลออกทางปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ

2. รู้สึกหิวตลอดเวลา 
   แม้จะรับประทานอาหารไปแล้ว แต่ยังรู้สึกหิวอย่างต่อเนื่อง อาจเกิดจากร่างกายไม่สามารถนำพลังงานจากอาหารไปใช้งานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งเป็นลักษณะเฉพาะของโรคเบาหวานชนิดที่ 2

3. ปัสสาวะบ่อย 
   หากคุณต้องลุกไปเข้าห้องน้ำหลายครั้งในช่วงเช้าหรือรู้สึกอยากปัสสาวะบ่อยกว่าปกติ อาจเป็นผลจากร่างกายพยายามขับน้ำตาลส่วนเกินทางปัสสาวะ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งอาการหลักของโรคนี้

คานานีแนะนำว่า ควรรับประทานอาหารเช้าภายใน 1 ถึง 1 ชั่วโมงครึ่งหลังตื่นนอน เนื่องจากช่วงเช้าเป็นเวลาที่ระดับน้ำตาลในเลือดตามธรรมชาติมักจะสูง การรับประทานอาหารอย่างเหมาะสมจะช่วยควบคุมระดับน้ำตาลให้สมดุล

โรคเบาหวานชนิดที่ 2 คืออะไร? ตามข้อมูลจากระบบบริการสุขภาพแห่งชาติของสหราชอาณาจักร (NHS) โรคเบาหวานชนิดที่ 2 เกิดจากฮอร์โมนอินซูลินทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ หรือร่างกายผลิตอินซูลินไม่เพียงพอ ส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงเกินไป โรคนี้พบได้ในผู้ใหญ่และบางกรณีในเด็ก

ขณะที่ยังมีอาการอื่นๆ ที่พบบ่อยของโรคเบาหวานชนิดที่ 2 เช่น เหนื่อยล้าง่ายผิดปกติ, น้ำหนักลดลงโดยไม่ตั้งใจ, มองเห็นไม่ชัด, แผลหายช้ากว่าปกติ และคันบริเวณอวัยวะเพศ ทั้งนี้ อาการอาจค่อยๆ พัฒนาอย่างช้าๆ โดยบางรายอาจไม่มีอาการชัดเจนเลย

แล้วเมื่อไรควรพบแพทย์? หากคุณพบว่าตัวเองมีอาการเหล่านี้ ควรรีบปรึกษาแพทย์โดยเร็ว เพราะการตรวจเลือดอย่างง่ายสามารถวินิจฉัยโรคเบาหวานได้อย่างชัดเจน การวินิจฉัยเร็วจะช่วยให้ควบคุมโรคได้อย่างมีประสิทธิภาพและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อนในอนาคต

• เช็กสักนิด! หมอเตือนผัก 4 ชนิด ติดอันดับ “ราชาตับเน่า” กินแล้วอย่าโทษตับเสื่อมก่อนวัย
• แพทย์อเมริกัน แนะนำเครื่องดื่ม 3 ชนิด ที่ตับและระบบย่อยอาหาร “ชอบ” ทุกอย่างมีขายในไทย!

ขั้นตอนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ชิง 2 สิทธิ์ ส่วนลดที่พัก และคูปอง ผ่านแอปฯ Amazing Thailand

ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง เริ่มวันนี้ 1 ก.ค. 2568 เปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ผ่านแอปฯ Amazing Thailand ตั้งแต่เวลา 08.00 น. เพื่อรับสิทธิ์ส่วนลดค่าที่พักสูงสุด 50% และคูปองดิจิทัล 500 บาท ใช้เที่ยวได้ 2 สิทธิในเมืองน่าเที่ยว และอีก 3 สิทธิในเมืองหลัก เริ่มเข้าพักได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. ถึง 31 ต.ค. 2568 เที่ยวไทยคนละครึ่งช่วยกระตุ้นท่องเที่ยว ฟื้นเศรษฐกิจไทยแบบฉ่ำๆ ทั้งคนเที่ยวและผู้ประกอบการ

ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ลงทะเบียนผ่านช่องทางไหนบ้าง

• เว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com
• App Amazing Thailand

เตรียมตัวก่อนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง

• ดาวน์โหลดแอป ThaiID  (Google Play และ App Store) ลงทะเบียนยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย

• ดาวน์โหลดแอป Amazing Thailand (Google Play และ App Store) 

ขั้นตอนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ผ่านแอป Amazing Thailand

1.เข้าแอปพลิเคชัน Amazing Thailand

2.เลือก โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

3.เลือก ประชาชนทั่วไป

4.กด “ลงทะเบียนหากยังไม่เคยเข้าร่วมโครงการ”

5.อ่านเงื่อนไข และกด ยอมรับ เพื่อดำเนินการต่อ

6.กรอกข้อมูลส่วนตัว และที่อยู่ แล้วกด “ถัดไป” ตามลำดับ

7.ตรวจสอบข้อมูลและกด “ยืนยันข้อมูล”

8.สร้างบัญชีผู้ใช้งานและยืนยันเบอร์โทรผ่าน OTP หรือ อีเมล์

9.ตั้งรหัส PIN และยืนยัน

10.กดยืนยันสิทธิ์ หากผ่านเงื่อนไข

11.เข้าสู่หน้าแรกของโครงการเพื่อเริ่มใช้งาน

ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ได้ถึงวันไหน?

ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ได้ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2568

เริ่มใช้สิทธิ์เที่ยวไทยคนละครึ่ง ได้ตั้งแต่เมื่อไร?

• เริ่มใช้สิทธิ์เข้าพักได้ตั้งแต่ 4 กรกฎาคม – 31 ตุลาคม 2568
• คูปองส่วนลดใช้ได้ถึง เวลา 23.00 น. ของวันเช็กเอาต์

ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ได้รับสิทธิอะไรบ้าง?

สิทธิส่วนลดค่าที่พักสูงสุด 50%

สูงสุดไม่เกิน 3,000 บาทต่อห้อง หรือคืนสูงสุด 5 ห้อง หรือ 5 คืน

เมืองหลัก 3 สิทธิ วันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐสนับสนุน 50% ของค่าที่พักแต่ไม่เกิน 3,000 บาท วันหยุดและวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐสนับสนุน 40% ของค่าที่พักแต่ไม่เกิน 3,000 บาท

เมืองรอง หรือ เมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ รัฐสนับสนุน 50% ของค่าที่พักแต่ไม่เกิน 3,000 บาท

สิทธิคูปองส่วนลด 500 บาท

จะได้คูปองก็ต้องเมื่อเช็กอินเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว เป็นส่วนลด 50% ทุกๆ การใช้จ่ายสูงสุดไม่เกิน 500 บาทต่อวัน ใช้กับร้านอาหาร และบริการที่ร่วมโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

ถ้าเข้าพักมากกว่า 1 คืน จะต้องเช็กอินด้วยแอปฯ Amazing Thailand เพื่อยืนยันตัวตนทุกวันก่อน 16.00 น. เพื่อรับคูปองประจำวันในเวลา 17.00 น. และคูปองจะหมดอายุเวลา 23.00 น. ของวันถัดไปตามสิทธิที่ได้รับ

สรุป เปิดลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 1 ก.ค. 2568 เวลา 8 โมงเช้า ผ่านแอป Amazing Thailand โดยต้องยืนยันตัวตนล่วงหน้าผ่านแอป ThaID ใช้สิทธิเที่ยวได้ทุกจังหวัด เมืองหลัก เมืองรอง จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน และเช็คเอาท์ได้ถึง 31 ต.ค. 2568

• สรุป ไม่ต้องรีบลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งวันนี้ สิทธิ์จะหมดอยู่ที่ใครจ่ายก่อน

อ่านเพิ่มเติม

• เมืองหลัก เมืองรองมีอะไรบ้าง? เช็กก่อนใช้สิทธิ เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 พรุ่งนี้
• ขั้นตอนการใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อเข้าพักโรงแรม

เปิดลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ผ่านแอปฯ Amazing Thailand ชิงสิทธิ์ส่วนลดที่พัก 50% และคูปองมูลค่า 500 บาท เริ่มแล้ววันนี้ (1 ก.ค. 68)

รัฐบาลเปิดลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง ผ่านแอปฯ Amazing Thailand เริ่มแล้ววันนี้ (1 ก.ค. 68) โดยแจกสิทธิ์ส่วนลดที่พัก 50% และคูปอง รวมจำนวนทั้งสิ้น 500,000 สิทธิ์

ซึ่งใน 500,000 สิทธิ์ จะแบ่งเป็นเมืองหลัก 22 จังหวัด จำนวน 300,000 สิทธิ์ และเมืองรอง-เมืองน่าเที่ยว 33 จังหวัด จำนวน 300,000 สิทธิ์

โครงการ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568” คืออะไร?

โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยรัฐบาล สนับสนุนค่าที่พัก 40-50% และมอบ e-Coupon มูลค่า 500 บาท เพื่อใช้จ่ายในร้านค้า/กิจกรรมท่องเที่ยว ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค. 2568

รายละเอียดโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

สิทธิ์ส่วนลดค่าที่พัก

• รัฐบาลสนับสนุนค่าที่พักสูงสุด 50% ของราคาที่พักต่อห้องต่อคืน ทั้งนี้ไม่เกิน 3,000 บาท ต่อห้องต่อคืน
• จำกัดสิทธิ์คนละไม่เกิน 5 ห้อง หรือ 5 คืน โดยเมืองหลัก 3 สิทธิ์ และเมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ์
• เมื่อจองที่พักแล้ว ไม่สามารถยกเลิกได้แต่สามารถเลื่อนวันเข้าพักได้ การเลื่อนเข้าพักต้องเป็นไปตามเงื่อนไขที่โครงการกำหนด

ส่วนลดค่าอาหาร-ค่าเข้าสถานที่ท่องเที่ยว

• คูปองอาหาร-ท่องเที่ยวมูลค่า 500 บาทต่อห้องต่อคืน ให้กับประชาชน เมื่อเช็กอินที่พักสำเร็จ
• จะได้รับคูปองอาหาร-ท่องเที่ยว วันละ 1 ครั้ง โดยคูปองจะหมดอายุเวลา 23:00 น. ของวันเช็กเอาต์
• คูปองอาหาร-ท่องเที่ยวสามารถใช้ได้ที่ร้านอาหารและสถานที่ท่องเที่ยวที่ร่วมโครงการ โดยประชาชนชำระ 50% และรัฐบาลสนับสนุนอีก 50% ผ่านการตัดเงินจากคูปอง

ทั้งนี้ ประชาชนจะได้รับสิทธิ์เมื่อลงทะเบียนสำเร็จ และใช้จ่ายในโรงแรม ร้านอาหาร หรือ สถานที่ท่องเที่ยว ได้ทุกจังหวัดทั่วประเทศ ยกเว้นจังหวัดตามบัตรประชาชนของผู้ใช้สิทธิ์

• เช็กคุณสมบัติ เที่ยวไทยคนละครึ่ง ก่อนลงทะเบียนจริงพรุ่งนี้ 1 ก.ค. 68

ขั้นตอนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง

1. เตรียมตัวก่อนลงทะเบียน

• ดาวน์โหลดแอป ThaiID (ThaID) และลงทะเบียนยืนยันตัวตนให้เรียบร้อย
• ดาวน์โหลดแอป Amazing Thailand

2. เริ่มลงทะเบียน (1 ก.ค. 68 เวลา 08.00 น.)

• เปิดแอป Amazing Thailand
• เลือก “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” > กด “ลงทะเบียน”
• กรอกข้อมูลส่วนตัว / ยืนยันเบอร์ OTP / ตั้งรหัส PIN
• ระบบจะเชื่อมกับ ThaID เพื่อยืนยันตัวตน

3. จองที่พัก

• เลือกที่พักที่ร่วมโครงการผ่านแอป
• จองล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน
• ชำระเงินผ่าน PromptPay ภายใน 23.00 น. ของวันที่จอง

4. เข้าพักและรับสิทธิ์

• เช็กอินผ่านแอป Amazing Thailand + ยืนยันตัวตนด้วยแอป ThaID
• รับ e-Coupon 500 บาท ใช้จ่ายร้านค้า/กิจกรรมที่ร่วมโครงการ

เริ่มใช้สิทธิ์ได้ตั้งแต่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค. 2568
สามารถจองได้สูงสุด 5 สิทธิ์/คน (เมืองหลัก 3, เมืองรอง 2)

อ่านเพิ่มเติม

• อัปเดต! ขั้นตอนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เริ่มเช้าวันนี้
• เมืองหลัก เมืองรองมีอะไรบ้าง? เช็กก่อนใช้สิทธิ เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 พรุ่งนี้
• ขั้นตอนการใช้สิทธิ์ “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” เพื่อเข้าพักโรงแรม

สถิติหวย 1 กรกฎาคม ย้อนหลัง 10 ปี เช็กเลขเด่นก่อนลุ้นงวด 1/7/68

ใกล้ถึงวันหวยออกอีกครั้ง คอหวยหลายคนเริ่มขุดสถิติย้อนหลังเพื่อหาแนวทางในการเสี่ยงโชค โดยเฉพาะงวดวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ที่จะมีการออกรางวัล ณ สำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล สนามบินน้ำ จังหวัดนนทบุรี

สำหรับใครที่กำลังมองหาเลขเด็ดหรือเลขที่ออกซ้ำบ่อย ๆ เว็บไซต์ Sanook ได้รวบรวม สถิติหวยงวด 1 กรกฎาคม ย้อนหลัง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2558-2567 มาให้วิเคราะห์กันอย่างจุใจ ซึ่งพบว่าเลขเด่นที่น่าจับตามองในรอบ 10 ปี ได้แก่ 58, 89, 29 และเลขที่ออกซ้ำมากกว่า 1 ครั้ง เช่น 17, 60, 83 รวมถึงเลขสลับที่น่าสนใจอย่าง 16, 61

 

งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2567

รางวัลที่ 1 : 434503
เลขหน้า 3 ตัว 839, 975
เลขท้าย 3 ตัว 647, 778
เลขท้าย 2 ตัว 89

งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2566

รางวัลที่ 1 : 922605
เลขหน้า 3 ตัว : 867, 281
เลขท้าย 3 ตัว 947, 491
รางวัลเลขท้าย 2 ตัว 16

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2565

รางวัลที่ 1 : 981417
เลขหน้า 3 ตัว : 242, 287
เลขท้าย 3 ตัว : 002, 542
เลขท้าย 2 ตัว : 61

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2564

รางวัลที่ 1 : 713517
เลขหน้า 3 ตัว : 073, 794
เลขท้าย 3 ตัว : 414, 511
เลขท้าย 2 ตัว : 29

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2563

รางวัลที่ 1 : 347258
เลขหน้า 3 ตัว : 095, 362
เลขท้าย 3 ตัว : 094, 307
เลขท้าย 2 ตัว : 83

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2562

รางวัลที่ 1 : 943647
เลขหน้า 3 ตัว : 239, 864
เลขท้าย 3 ตัว : 006, 375
เลขท้าย 2 ตัว : 86

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2561

รางวัลที่ 1 : 963623
เลขหน้า 3 ตัว : 429, 901
เลขท้าย 3 ตัว : 210, 217
เลขท้าย 2 ตัว : 83

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2560

รางวัลที่ 1 : 112360
เลขหน้า 3 ตัว : 226, 489
เลขท้าย 3 ตัว : 005, 688
เลขท้าย 2 ตัว : 26

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2559

รางวัลที่ 1 : 082460
เลขหน้า 3 ตัว : 169, 609
เลขท้าย 3 ตัว : 173, 302
เลขท้าย 2 ตัว : 53

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2558

รางวัลที่ 1 : 759049
เลขท้าย 3 ตัว : 081, 565, 567, 814
เลขท้าย 2 ตัว : 26

งวดประจําวันที่ 1 กรกฎาคม 2557

รางวัลที่ 1 : 378477
เลขท้าย 3 ตัว : 123, 271, 441, 864
เลขท้าย 2 ตัว : 39

ผลสลากกินแบ่งรัฐบาลย้อนหลัง งวดวันที่ 1 กรกฎาคม

ปี	รางวัลที่ 1	เลขหน้า 3 ตัว	เลขท้าย 3 ตัว	เลขท้าย 2 ตัว
2567	434503	839, 975	647, 778	89
2566	922605	867, 281	947, 491	16
2565	981417	242, 287	002, 542	61
2564	713517	073, 794	414, 511	29
2563	347258	095, 362	094, 307	83
2562	943647	239, 864	006, 375	86
2561	963623	429, 901	210, 217	83
2560	112360	226, 489	005, 688	26
2559	082460	169, 609	173, 302	53
2558	759049	–	081, 565, 567, 814	26

แนวโน้มเลขที่ออกบ่อยในรอบ 10 ปี

• เลขท้าย 2 ตัว: 83 ออกซ้ำ 2 ครั้ง (ปี 2561, 2563)
• เลขท้าย 2 ตัว: 26 ออกซ้ำ 2 ครั้ง (ปี 2560, 2558)
• เลขสลับกัน: 16 และ 61 ปรากฏในปี 2566 และ 2565
• เลขชุดน่าสนใจ: 17, 60, 29, 58, 89

หมายเหตุ: ข้อมูลทั้งหมดอ้างอิงจากผลการออกรางวัลจริงของสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล

ดราม่ารับตรง! เด็กจีนสอบได้คะแนนอันดับ 1 แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำประกาศ “ไม่รับเข้าเรียนเด็ดขาด” โศกนาฎกรรมพ่อแม่รังแกฉัน แอบอ้างเชื้อชาติให้ลูกได้สิทธิ์พิเศษ

เมื่อพูดถึงการสอบเข้ามหาวิทยาลัยในประเทศจีน หลายคนมักเปรียบเทียบว่าเป็น “สงครามตัดสินชะตาชีวิต” เพราะเพียงไม่กี่คะแนน อาจเปลี่ยนอนาคตของนักเรียนคนหนึ่งโดยสิ้นเชิง โดยเฉพาะเมื่อเป้าหมายคือการได้เข้าศึกษาต่อในมหาวิทยาลัยระดับประเทศ เช่น มหาวิทยาลัยปักกิ่ง หรือมหาวิทยาลัยชิงหัว ซึ่งเป็นความฝันสูงสุดของนักเรียนจีนจำนวนมาก

เมื่อพูดถึงเรื่องนี้หลายคนคงนึกถึงเหตุการณ์สุดช็อกที่เกิดขึ้นในปี 2009 ซึ่งเคยเขย่าวงการการศึกษาแดนมังกร เมื่อ “เหอซวนหยาง” นักเรียนชายจากนครฉงชิ่ง ทำคะแนนสอบวิชาสายสังคมศาสตร์ได้สูงถึง 659 ซึ่งเป็นคะแนนสูงสุดในจังหวัด กลายเป็น “เด็กทองคำ” ที่สื่อท้องถิ่นพากันชื่นชมและยกย่องว่าเป็นต้นแบบของ “ลูกบ้านคนอื่น” ที่ผู้ปกครองทุกคนใฝ่ฝัน

ความสามารถระดับนี้ทำให้มหาวิทยาลัยปักกิ่งติดต่อเชิญเขาเข้าเรียนในคณะบริหารทันที พร้อมทำข้อตกลงรับเข้าเรียนไว้ล่วงหน้า ทว่าผ่านไปไม่กี่วัน มหาวิทยาลัยกลับล้มเลิกข้อตกลง พร้อมประกาศชัดเจนว่า “จะไม่มีวันรับนักเรียนคนนี้เด็ดขาด!” แล้วเหตุผลที่พลิกชะตาของเด็กคนนี้ คืออะไร….?

เมื่อมีการตรวจสอบเอกสารอย่างละเอียด พบว่าเหอซวนหยางได้แอบอ้างว่าเป็นชนกลุ่มน้อย “เผ่าถัวเจีย” ทั้งที่จริงเขาเป็นคนเชื้อสายฮั่น ซึ่งการระบุชนกลุ่มน้อยในระบบสอบเข้ามหาวิทยาลัยจีนจะได้รับสิทธิ์ บวกคะแนนพิเศษ สูงถึง 20 คะแนน ทำให้เขาได้ขึ้นแท่นเป็นอันดับ 1 ของจังหวัดในครั้งนั้น

เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ไม่เพียงแต่มหาวิทยาลัยปักกิ่งเท่านั้นที่ปฏิเสธ แต่มหาวิทยาลัยชั้นนำอีกหลายแห่งต่างประกาศไม่รับเขาเข้าศึกษา ทำให้เหอซวนหยางต้องเสียโอกาสการศึกษาทั้งหมดในปีนั้น แม้จะเป็นเด็กคนหนึ่งที่นับว่ามีความสามารถจริงๆ ก็ตาม

ทั้งนี้ ยังมีการเปิดเผยเบื้องหลังการ “โกง” ที่ไม่ใช่แค่เรื่องของเด็ก เมื่อเหอซวนหยางมาจากครอบครัวที่มีฐานะดีและมีอิทธิพลในแวดวงการศึกษา พ่อของเขาเป็นหัวหน้าฝ่ายรับนักเรียนระดับอำเภอ ส่วนแม่เป็นรองผู้อำนวยการหน่วยงานของรัฐ ทั้งคู่ร่วมมือกันเปลี่ยนข้อมูลในเอกสารลูกชาย หวังให้ลูกได้เปรียบในการสอบ

ผลจากการกระทำครั้งนี้ทำให้ทั้งสองคนถูกลงโทษทางวินัยและถูกลดตำแหน่ง ขณะที่ลูกชายต้องกลายเป็นประเด็นร้อนในสื่อ จากที่เคยถูกยกย่องกลับถูกสังคมตั้งคำถามและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก

• ลูกสอบเข้ามหาลัยฯ ได้คะแนนสูงสุด จู่ๆ หายตัวลึกลับ ตามหา 9 ปี ถึงรู้ความจริงบีบหัวใจ
• ปู่ไม่เชื่อ หลานสาวหัวกะทิ สอบได้ 47/750 คะแนน แต่เห็นสิ่งที่เขียนลงกระดาษ ร้องไห้โฮ

แต่เรื่องราวยังไม่จบ… แม้จะต้องเผชิญกับแรงกดดันมหาศาล เหอซวนหยางไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจใช้เวลา 1 ปีเต็มในการอ่านหนังสือสอบใหม่ และปีต่อมาก็สามารถสอบได้คะแนนสูงกว่าเดิมอีก 15 คะแนน แม้จะไม่ได้เป็นที่ 1 ของจังหวัดเหมือนเดิม แต่คะแนนยังติดอันดับท็อป 10

คราวนี้ มหาวิทยาลัยปักกิ่งกลับมาเชิญเขาเข้าเรียนอีกครั้ง โดยยืนยันว่าผลคะแนนในรอบใหม่นั้นถูกต้องและไม่มีการแอบอ้างใดๆ อีก ทั้งยังพิจารณาว่าเหตุผิดพลาดครั้งก่อนนั้นไม่ได้เกิดจากตัวเด็กโดยตรง แต่เกิดจากการตัดสินใจของผู้ปกครอง

เมื่อเข้าสู่รั้วมหาวิทยาลัยอย่างภาคภูมิ เหอซวนหยางปรากฏตัวต่อหน้าสื่อมวลชนอย่างสงบนิ่ง พร้อมยอมรับความผิดพลาดในอดีต และยืนยันว่าครั้งนี้เขาได้เข้าสู่มหาวิทยาลัยด้วยความสามารถล้วนๆ

ขณะเดียวกัน เรื่องราวของเหอซวนหยางถือเป็นบทเรียนที่สังคมควรจำ สะท้อนให้เห็นว่าการโกงหรือใช้ “ทางลัด” แม้เพียงเล็กน้อยในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นด่านสำคัญในชีวิต อาจนำมาซึ่งผลลัพธ์ร้ายแรงที่เปลี่ยนชีวิตทั้งครอบครัว

เพียงคะแนนพิเศษ 20 คะแนนที่ได้มาอย่างไม่สุจริต กลับทำลายโอกาสในปีสำคัญที่สุดของเด็กคนหนึ่ง และหากไม่ใช่เพราะเขามีความพยายามและความสามารถที่แท้จริง อาจไม่มีโอกาสแก้ตัวในปีถัดไป นี่จึงเป็นบทเรียนที่เตือนใจผู้ปกครองและนักเรียนทุกคนว่า ความซื่อสัตย์และความสามารถจริงเท่านั้น ที่จะพาไปถึงฝันได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

ถ่ายทอดหวย 1/7/68 หวยงวดนี้ออกวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล ตรวจหวย ตรวจลอตเตอรี่ ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล สลากกินแบ่งรัฐบาล วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ร่วมฟังถ่ายทอดสดหวย ร่วมลุ้นรางวัลที่ 1 เลขท้าย 2 ตัว เลขท้าย 3 ตัวและรางวัลอื่นๆ ได้ที่นี่ และ Sanook พร้อมรายงานผลสลากกินแบ่งรัฐบาลแบบรวดเร็วทันใจ

ติดตามชม “ถ่ายทอดหวย” ผลการออกรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 ก.ค. 68 ได้เวลามาร่วมลุ้นรางวัลที่ 1 ไปพร้อมๆ กันในเวลาประมาณ 14:30 น.

• ตรวจหวยย้อนหลัง 

ชมถ่ายทอดสด การออกผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวด 1 กรกฎาคม 2568

 

 สลากกินแบ่งรัฐบาล กำหนดเงินรางวัลต่อชุด ดังนี้

• สลากกินแบ่งรัฐบาล รางวัลที่ 1 รางวัลละ 6,000,000 บาท (6 ล้านบาท)
• รางวัลเลขหน้า 3 ตัว มี 2 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
• รางวัลเลขท้าย 3 ตัว มี 2 รางวัล รางวัลละ 4,000 บาท
• รางวัลเลขท้าย 2 ตัว รางวัลละ 2,000 บาท
• รางวัลที่ 2 มี 5 รางวัล รางวัลละ 200,000 บาท
• รางวัลที่ 3 มี 10 รางวัล รางวัลละ 80,000 บาท
• รางวัลที่ 4 มี 50 รางวัล รางวัลละ 40,000 บาท
• รางวัลที่ 5 มี 100 รางวัล รางวัลละ 20,000 บาท

เงื่อนไขการตรวจผลรางวัลสลากกินแบ่งรัฐบาล

• สลากกินแบ่งรัฐบาล ผู้ถูกรางวัลมีสิทธิเรียกร้องเงินรางวัลภายใน 2 ปี นับแต่วันออกรางวัลสลาก หากพ้นกำหนดจะนำส่งเป็นรายได้แผ่นดิน
• ผู้ขอรับเงินรางวัลต้องชำระค่าอากรแสตมป์ ในอัตรา 1 บาท ของเงินรางวัล ทุก 200 บาท หรือเศษของ 200 บาท

ตรวจหวยงวดอื่นๆ เพิ่มเติม

• ตรวจหวย 1 กรกฎาคม 2568
• ตรวจผลสลากกินแบ่งรัฐบาล

ลุ้นผลหวยลาววันนี้ 30/06/68 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 30 มิถุนายน 2568 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 30 มิถุนายน 2568 Laolottery หวยลาว ออกรางวัลทุก วันจันทร์ วันพุธ และ วันศุกร์

รายงานผลหวยลาว 30 มิถุนายน 2568 (30/06/68) ผลหวยลาว 6 ตัวออกรางวัลดังนี้

ตรวจหวยลาว งวดประจำวันที่ 30 มิถุนายน 2568

• เลข 6 ตัว : 625673
• เลข 5 ตัว : 25673
• เลข 4 ตัว : 5673
• เลข 3 ตัว : 673
• เลข 2 ตัว : 73

เลขนามสัตว์

• 34 ກວາງ กวาง
• 14 ແມວບ້ານ แมวบ้าน
• 08 ກະຕ່າຍ กระต่าย
• 06 ເສືອ เสือ

ผลสลากพัฒนา 5/45

34 / 22 / 27 / 05 / 21

 

เงินรางวัล

เลข 4 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 6,000 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 6,000,000 กีบ
เลข 3 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 500 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 500,000 กีบ
เลข 2 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 60 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 60,000 กีบ

อ่านเพิ่มเติม

• ตรวจหวยลาว หวยลาววันนี้ หวยลาวล่าสุด หวยลาวออกวันนี้
• ตรวจหวยลาวย้อนหลัง