Blog

  • KUBET – “น้องณดา” วันนี้ทำให้พ่อแม่ภูมิใจ “กบ สุวนันท์” ยินดีกับลูกสาว แม่ก็สวยลูกสาวก็เก่ง

    เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์แห่งความภาคภูมิใจสำหรับครอบครัว “ปุณณกันต์” เมื่อ “น้องณดา” ลูกสาวคนโตของอดีตนางเอกแถวหน้า กบ สุวนันท์ และ บรู๊ค ดนุพร ได้ฉายแววความสามารถคว้า รางวัลวิชาวิทยาศาสตร์ (Science Prize) ในงาน Speech Day 2025 ของโรงเรียน Harrow International School Bangkok

    และถึงแม้ คุณพ่อบรู๊ค จะติดภารกิจประชุมต่างประเทศ ไม่สามารถมาร่วมแสดงความยินดีในวันสำคัญของลูกสาวได้ แต่ก็ไม่ลืมที่จะส่งช่อดอกไม้สวยๆ มาเป็นกำลังใจและความภาคภูมิใจถึงน้องณดา บ่งบอกถึงความรักและแรงสนับสนุนจากครอบครัวอย่างเต็มเปี่ยม 

    โดย กบ สุวนันท์ ได้เผยความรู้สึกผ่านแคปชั่นสุดซึ้งว่า “พ่อกับแม่ภูมิใจกับวันนี้ของณดามากๆนะคะลูก มีความสุขกับรางวัล และทำดีต่อไปนะคะ พ่อติดงานไปประชุมต่างประเทศ เลยส่งดอกไม้สวยๆมายินดีกับลูกสาวนะคะ ขอบคุณรูปจากทุกๆคนนะค้าา #HarrowBangkok #speechday2025 #SciencePrize #Nada #Year9”

    และที่พลาดไม่ได้คือภาพความน่ารักอบอุ่นระหว่าง คุณแม่กบและน้องณดา ในวันสำคัญนี้ ซึ่งเผยให้เห็นถึงความสวยไม่สร่างของคุณแม่ กับไปกับความสดใสและน่ารักของลูกสาว น้องรดา ที่ฉายแววความเก่งกาจออกมาอย่างเต็มที่ เป็นภาพที่ใครเห็นก็ต้องอมยิ้มไปกับความรักและความผูกพันของแม่ลูกคู่นี้จริงๆ

     

     

     

  • KUBET – ฟ้าร้องฟ้าผ่า ควรถอดปลั๊กไฟหรือไม่? เผยคำตอบจาก บ.ผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อดัง

    เมื่อเกิดพายุฝนฟ้าคะนอง ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าหรือไม่? คำตอบจากบริษัทผลิตเครื่องใช้ไฟฟ้ายี่ห้อดัง ทำให้ผู้คนถึงกับสะดุ้ง

    ช่วงฤดูฝนที่มาพร้อมพายุฟ้าคะนองและฟ้าผ่าแบบฉับพลัน กลายเป็นเรื่องปกติที่หลายครอบครัวต้องเผชิญ แต่สิ่งที่หลายคนอาจยังไม่รู้ คือผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้าน โดยเฉพาะเมื่อเกิด “ไฟกระชากจากฟ้าผ่า (Lightning Surge)”

    Panasonic บริษัทผู้ผลิตสินค้าเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ระดับโลกจากญี่ปุ่น ได้ออกมาให้คำแนะนำที่ทำให้ผู้บริโภคต้องสะดุ้ง เพราะเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยของคนในบ้านและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับอุปกรณ์ไฟฟ้าอย่างคาดไม่ถึง

    Nick Kwan

    ไฟกระชากจากฟ้าผ่า: ภัยเงียบที่ซ่อนอยู่ในสายไฟ

    เมื่อเกิดฟ้าผ่า กระแสไฟฟ้าแรงสูงอาจวิ่งผ่านสายไฟ สายโทรศัพท์ หรือสายอากาศเข้าสู่บ้านได้โดยไม่รู้ตัว ส่งผลให้เครื่องใช้ไฟฟ้าเกิดความเสียหายอย่างถาวร

    แล้วเราควรป้องกันอย่างไร?

    Panasonic แนะนำว่า สิ่งสำคัญคือต้อง “เตรียมการก่อนที่จะได้ยินเสียงฟ้าร้อง” เช่น ใช้ปลั๊กพ่วงที่มีฟังก์ชันป้องกันไฟกระชาก ซึ่งจะช่วยดูดซับแรงดันไฟเกิน และลดความเสี่ยงที่เครื่องใช้ไฟฟ้าจะเสียหาย

    แม้จะไม่สามารถป้องกันได้ 100% แต่อุปกรณ์ป้องกันไฟกระชากสามารถช่วยลดโอกาสความเสียหายลงได้มาก

    อย่างไรก็ตาม หากไฟแสดงสถานะของปลั๊กพ่วงดับลง แปลว่าฟังก์ชันป้องกันไฟกระชากได้หมดอายุ ควรเปลี่ยนใหม่ทันที

    Lisa from Pexels

    ห้ามแตะปลั๊กไฟเมื่อฟ้าร้องเด็ดขาด!

    หากได้ยินเสียงฟ้าร้องใกล้บ้าน ควรหยุดแตะต้องปลั๊กไฟหรือเครื่องใช้ไฟฟ้าทุกชนิด เพราะเสี่ยงต่อการถูกไฟดูด

    โดยเฉพาะอุปกรณ์ที่เชื่อมต่อหลายสาย เช่น

    • ปลั๊กไฟของทีวี
    • สายอากาศทีวี
    • ปลั๊กไฟของโทรศัพท์หรือแฟกซ์
    • สายโทรศัพท์
    • แท่นชาร์จโทรศัพท์ไร้สาย
    • ปลั๊กไฟทุกชนิด

    อีกหนึ่งข้อแนะนำสำคัญจาก Panasonic คือ เมื่อไฟฟ้าดับ ควรถอดปลั๊กเครื่องใช้ไฟฟ้าออกทันที

    เนื่องจากเมื่อไฟกลับมาอีกครั้ง อุปกรณ์ที่ยังเสียบปลั๊กอยู่ทั้งหมดอาจทำงานพร้อมกัน จนทำให้เบรกเกอร์ตัดหรืออุปกรณ์เสียหายได้ โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดใหญ่ เช่น เครื่องปรับอากาศและไมโครเวฟ

    Panasonic ยังแนะนำให้ผู้บริโภคพิจารณาทำประกันอุปกรณ์ไฟฟ้าสำหรับกรณีฟ้าผ่า โดยเฉพาะหากมีการลงทุนซื้อเครื่องใช้ไฟฟ้าราคาแพง จะช่วยลดความเสียหายและค่าใช้จ่ายหากเกิดเหตุไม่คาดคิด

    ในยุคที่พายุฟ้าคะนองแบบฉับพลันเกิดบ่อย การเตรียมพร้อมด้วยปลั๊กป้องกันไฟกระชาก การหลีกเลี่ยงการแตะปลั๊กไฟเมื่อฟ้าร้อง และการถอดปลั๊กเมื่อไฟดับ จะช่วยลดความเสี่ยงต่ออันตรายและความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นกับเครื่องใช้ไฟฟ้าได้อย่างมาก

  • KUBET – คนไทยรู้จักดี! 1 ผลไม้มีแป้งชนิดพิเศษ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันได้ 5 มะเร็ง

    ผลไม้ 1 ชนิด มีแป้งชนิดพิเศษ ช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันมะเร็งได้ถึง 5 ชนิด คนไทยกินกันมานานแล้ว!

    งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์หลายชิ้นพบว่า ผลไม้ชนิดนี้มีคุณสมบัติเด่นในการช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และป้องกันโรคมะเร็งได้อย่างน่าทึ่ง

    “กล้วย” ถือเป็นผลไม้ที่คุ้นเคยอย่างยิ่งในไทย นอกจากกล้วยสุกที่รับประทานกันทั่วไปแล้ว คนไทยยังนิยมนำ “กล้วยดิบ” มาปรุงเป็นอาหารพื้นบ้านหลากหลายเมนู

    โดยจากงานวิจัยพบว่า กล้วยดิบมีแป้งชนิดพิเศษที่ให้ประโยชน์ต่อสุขภาพหลายด้าน โดยเฉพาะการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงของมะเร็งถึง 5 ชนิด

    Quang Nguyen Vinh

    กล้วยดิบ – ราชาแห่งแป้งทนต่อการย่อย

    เว็บไซต์ สุขภาพและชีวิต รายงานว่า ส่วนประกอบหลักของกล้วยดิบคือแป้ง โดยคิดเป็น 70–80% ของน้ำหนักแห้ง และที่โดดเด่นคือ กล้วยดิบมีปริมาณ แป้งทนต่อการย่อย (Resistant Starch) สูงเป็นพิเศษ

    งานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Food Science & Nutrition ปี 2024 ระบุว่า กล้วยดิบถือเป็น “ราชาแห่งแป้งทนต่อการย่อย” เพราะมีปริมาณแป้งชนิดนี้มากที่สุดเมื่อเทียบกับอาหารอื่น ๆ แม้กระทั่งธัญพืชซึ่งขึ้นชื่อว่าอุดมด้วยแป้งทนต่อการย่อย

    ตามข้อมูลจาก Euronews แป้งทนต่อการย่อยเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดพิเศษที่ไม่ถูกย่อยในลำไส้เล็ก แต่จะถูกย่อยและหมักในลำไส้ใหญ่แทน จึงถูกจัดให้อยู่ในกลุ่มเส้นใยอาหาร ด้วยคุณสมบัติพิเศษนี้ แป้งทนต่อการย่อยได้รับความสนใจอย่างมากจากวงการวิทยาศาสตร์ เนื่องจากให้ประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างน่าทึ่ง

    • การกินกล้วยดิบช่วยลดน้ำตาลในเลือดและป้องกันมะเร็ง
      ทั้งสองประโยชน์นี้เกิดจากแป้งทนต่อการย่อยที่มีอยู่ในกล้วยดิบในปริมาณสูงนั่นเอง
    • ช่วยลดน้ำตาลในเลือด
      แป้งทนต่อการย่อยในกล้วยดิบมีคุณสมบัติช่วยชะลอกระบวนการย่อยอาหาร ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดไม่พุ่งสูงอย่างรวดเร็ว ตามรายงานจาก NDTV ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้กล้วยดิบกลายเป็นอาหารที่เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมหรือลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างมีประสิทธิภาพ

    งานวิจัยร่วมจากมหาวิทยาลัยนิวคาสเซิลและมหาวิทยาลัยลีดส์ ประเทศอังกฤษ พบว่า แป้งทนต่อการย่อยในกล้วยดิบสามารถลดความเสี่ยงของมะเร็งในระบบทางเดินอาหารได้ถึง 60% โดยเฉพาะมะเร็งหลอดอาหาร มะเร็งกระเพาะอาหาร มะเร็งท่อน้ำดี มะเร็งตับอ่อน และมะเร็งลำไส้เล็กส่วนต้น

    นักวิจัยอธิบายว่า แป้งต้านการย่อยจะผ่านไปถึงลำไส้ใหญ่และเกิดกระบวนการหมัก ซึ่งกลายเป็นแหล่งอาหารชั้นดีของแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ ซึ่งแบคทีเรียเหล่านี้มีบทบาทสำคัญต่อสุขภาพ เช่น ช่วยระบบย่อยอาหาร เสริมภูมิคุ้มกัน ลดอาการผิดปกติในระบบทางเดินอาหาร และมีส่วนช่วยป้องกันโรคร้ายต่างๆ รวมถึงมะเร็ง

    นอกจากนี้ แป้งทนต่อการย่อยยังมีคุณสมบัติลดระดับกรดน้ำดีในลำไส้ ซึ่งกรดน้ำดีส่วนเกินอาจทำลายสารพันธุกรรม (DNA) และกลายเป็นปัจจัยเสี่ยงของมะเร็งในระยะยาว

    จากผลการศึกษานี้ นักวิจัยแนะนำว่า การกินกล้วยดิบวันละ 1 ผล อาจช่วยลดความเสี่ยงมะเร็งในระบบย่อยอาหารได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  • KUBET – อุ๊ย! ใครเอ่ย? “โต้ง ทูพี” รูปคู่สาวสวยหน้าคุ้นๆ ชาวเน็ตพากันถามใช่ ใช่ไหม?

    เหมือนข่าวคราวจะสงบได้สักพัก ล่าสุดหนุ่ม โต้ง ทูพี ก็ถูกจับตาอีกแล้ว เมื่อมีรูปคู่กับสาวสวยผมยาว ออกมา ซึ่งเป็นหนึ่งในรูปภาพโพสต์ล่าสุดของหนุ่ม โต้ง ทูพี ที่โพสต์แคปชั่นย้อนวันวานว่า “10 years throw back. 2015 around this time of the year,Woww”

    ซึ่งหลังจากนั้น เพจดังอย่าง เจ๊มอย108 V1 ก็ได้เอารูปคู่ โต้ง ทูพี กับสาวสวยคนดังกล่าวมาโพสต์อีกครั้ง จนหลายคนอยากรู้ว่า อุ้ย! เธอคือใครกันนะ พร้อมกับถามลูกเพจว่า “อุ๊ย ใครอ่าาาาาาาาา #อิพิมเมียโต้ง”

    งานนี้คอมเมนต์ก็เลยมารัวๆ เช่น ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ยินดีด้วยนะคะ,อุ้้ยยยยยย ไม่กล้าพิมพ์ ไม่มีเงินในบัญชี,คนกดถูกใจไวมาก พร้อมใส่ใจ,สาว ม ของพี่ ตน ใช่มั้ย,ไม่ต้องหลับต้องนอนกันแว้ววว,ไม่แผ่วเลย,คือใครเหรอ บอกบุญทีจ้า,มองแว้บแรก นึกว่าอุ้มลักขณา แต่ไม่น่าใช่,ใครอ่ะผู้หญิง,จะมีขึ้น storyอีกไหม,ใช่ ใช่ไหม,ว่าละต้องใช่ต้องใช่แน่ๆ,ก็ตรงแฮชแท็กก็คือเฉลยรึเปล่า,แฟนใหม่ เทอ หน้าคุ้นจัง อุ๊ปส์

    งานนี้เตรียมใส่ใจได้เลยจ้า ว่าจะมีใครโพสต์สตอรี่แบบรัวๆ อีกไหมน้าาาาา หรือถ้าจะเฉลยว่าเป็นเพื่อนก็ไ่แปลกใจเลยเพราะว่า โต้ง ทูพี เข้าเพื่อนเยอะแยะ

     

  • KUBET – แพทย์ไต้หวัน เตือนอย่ากิน “ปลาชนิดนี้” เสี่ยงมะเร็งโพรงจมูก 6 เท่า แต่ไทยยังกินกันอยู่!

    อย่ากิน “ปลาชนิดนี้!” แพทย์ไต้หวันเตือน เสี่ยงเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกมากขึ้น 6 เท่า หากลุกลาม โอกาสรอดชีวิตต่ำสุดเพียง 6 เดือน

    นายแพทย์โร่ว เป่ยเหริน รองผู้อำนวยการ และศาสตราจารย์ด้านโสต ศอ นาสิก ของคณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยไต้หวัน กล่าวว่า แม้ว่า “ปลา” จะเป็นแหล่งโปรตีนคุณภาพดี ช่วยดูแลสุขภาพหัวใจและหลอดเลือด แต่ควรหลีกเลี่ยง “ปลาเค็ม” หรืออาหารหมักดองประเภทเดียวกัน เพื่อหลีกเลี่ยงความเสี่ยงเกิดมะเร็งหลังโพรงจมูก

    มะเร็งหลังโพรงจมูก เป็นโรคมะเร็งที่อันตรายอย่างยิ่ง และหากมีการแพร่กระจายไปยังส่วนอื่นๆ ของร่างกาย จะมีอัตราการรอดชีวิตต่ำสุดที่ประมาณ 6 เดือน สาเหตุหลักของโรคนี้มี 3 ประการ ได้แก่ พันธุกรรมการติดเชื้อไวรัส EB (Epstein-Barr virus) และการบริโภคอาหารหมักดอง หากในครอบครัวมีคนเคยเป็นโรคนี้ สมาชิกคนอื่นก็จะมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น ส่วนไวรัส EB นั้นมีอยู่ทั่วไปในสิ่งแวดล้อม ทำให้หลีกเลี่ยงได้ยาก

    ดังนั้นแพทย์จึงเตือนว่า “หากมีประวัติคนในครอบครัวเป็น ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง” พร้อมแนะนำว่า ผู้ที่กังวลว่าจะเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูก ควรหลีกเลี่ยงอาหารหมักดอง เช่น ปลาเค็ม ผักดอง ซาไฉ่ หัวไชเท้าดอง และอาหารหมักอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง หากเริ่มกินอาหารประเภทนี้ตั้งแต่วัยเด็ก ความเสี่ยงจะเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ตัวอย่างเช่น หากทารกหรือเด็กเล็กเริ่มกินอาหารเสริมที่มีอาหารหมักดองเป็นจำนวนมาก ความเสี่ยงในการเป็นมะเร็งหลังโพรงจมูกเมื่อโตขึ้นจะมากกว่าคนอื่นถึง 7 เท่า

    แพทย์โร่วอธิบายเพิ่มเติมว่า อาหารหมักดองมีสารไนไตรต์ (Nitrite) ในปริมาณมาก ซึ่งเป็นอันตรายต่อร่างกาย และหากผู้บริโภคมีพันธุกรรมที่อ่อนแอ ไม่สามารถต้านทานไวรัส EB ได้ดี ก็จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้มากขึ้น “แต่ถ้าเริ่มกินอาหารหมักดองในช่วงโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว ความเกี่ยวข้องกับโรคมะเร็งนี้จะน้อยลง”

     

  • KUBET – ทายนิสัยจากยี่ห้อรถที่คุณใช้ บอกว่าคุณเป็นคนแบบไหน?

    ทุกวันนี้รถยนต์มีหลากหลายยีห้อให้เลือกมากมาย แต่ละยี่ห้อและรุ่นมีการบอกเป็นความตัวเอง แต่รู้กันหรือไม่เบื้องลึกอาจจะมีการบอกตามคาแลคเตอร์เฉพาะตัวที่บอกว่า คนใช้อาจจะมีนิสัยแบบไหน วันนี้ Sanook Auto จะมาเฉลยเรื่องนี้กันครับ

    ยี่ห้อรถที่สามารถบอกนิสัยคุณได้

    toyota_camry_2025_232 

    Toyota

    คนรักความคุ้มค่า, เน้นการใช้งานจริง, มองการณ์ไกล, ไม่ชอบความเสี่ยง, น่าเชื่อถือ, เป็นผู้ใหญ่, รักครอบครัว เป็นแบรนด์ที่ขึ้นชื่อเรื่องความทนทาน, ศูนย์บริการเยอะ, อะไหล่หาง่าย, ราคาขายต่อดี คนที่เลือก Toyota จึงมักจะเป็นคนที่มองถึงความคุ้มค่าในระยะยาวเป็นหลัก

    Lexus

    เป็นคนที่เรียกว่า “เศรษฐีเงียบ” หรือ “นักธุรกิจที่สุขุมรอบคอบ” ซึ่งให้ความสำคัญกับคุณภาพและความน่าเชื่อถือ มากกว่าการแสดงออกทางสถานะที่หวือหวา แต่ยังคงต้องการความไว้เนื้อเชื่อใจเพราะ Lexus เป็นรถที่ราคาสูงคุณภาพดี แต่ยังรักษาง่าย

     honda_en1_15

    Honda

    เป็นคนรุ่นใหม่, ทันสมัย, ชอบดีไซน์, มีความสปอร์ต, ให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีและฟังก์ชัน, ยังคงมองเรื่องความน่าเชื่อถือ เพราะ Honda มักจะมีดีไซน์ที่โฉบเฉี่ยวและมีลูกเล่นมากกว่า Toyota ในขณะที่ยังคงความน่าเชื่อถือแบบรถญี่ปุ่นไว้ได้ ทำให้ดึงดูดกลุ่มคนที่ต้องการความแตกต่างแต่ยังไม่กล้าเสี่ยง

    nissan_serena_epower_53

    Nissan 

    คนที่ไม่จำเป็นต้องตามใคร มีเหตุผลในการเลือกของตัวเองชัดเจน ไม่ว่าจะเป็นความคุ้มค่า เทคโนโลยี หรือความเชื่อมั่นในแบรนด์ที่สั่งสมมานาน เป็นคนที่ดูเหมือนจะเรียบง่าย แต่ลึกๆ แล้ว “คิดมาแล้ว” ก่อนตัดสินใจซื้อ

    mazda_cx5_review_151 

    Mazda

    คนมีสไตล์, รักการออกแบบ, ชอบขับรถ, มีความเป็นศิลปิน, ไม่ตามกระแสหลัก, ให้ความสำคัญกับอารมณ์และความรู้สึก เพราะ Mazda โดดเด่นเรื่องดีไซน์ Kodo ที่เป็นเอกลักษณ์และสมรรถนะการขับขี่ที่สนุก (Zoom-Zoom) คนที่เลือก Mazda มักจะยอมแลกความกว้างขวางหรือความประหยัดบางอย่างเพื่อดีไซน์ที่ถูกใจและการขับขี่ที่ดีกว่า

     

     

    ford 

    Isuzu / Ford 

    คนทำงาน, เจ้าของกิจการ, ชอบความทนทาน, สมบุกสมบัน, ลุยๆ, รักการเดินทางและการผจญภัย เพราะรถกระบะคือสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่งและการใช้งานหนัก คนที่เลือกใช้จึงมักมีไลฟ์สไตล์ที่เกี่ยวข้องกับการบรรทุกของ, การทำธุรกิจ, หรือการเดินทางไปในที่ต่างๆ

    benz_cla_c178_23

    Mercedes-Benz

    นักธุรกิจ, คนที่ประสบความสำเร็จ, เน้นภาพลักษณ์ที่ภูมิฐาน, สุขุม, หรูหราแบบคลาสสิก, ให้ความสำคัญกับสถานะทางสังคม เนื่องจาก แบรนด์ “ดาวสามแฉก” คือสัญลักษณ์ของความสำเร็จและความหรูหราที่ได้รับการยอมรับในสังคมไทยมาอย่างยาวนาน

    bmwm340ixdrive 

    BMW

    คนรุ่นใหม่ที่ประสบความสำเร็จ, ชอบความเร็ว, รักการขับขี่, มีความมั่นใจ, ภาพลักษณ์สปอร์ตและทันสมัย เพราะ BMW ได้สร้างภาพลักษณ์ของ “Ultimate Driving Machine” มาตลอด ผู้ที่เลือกมักจะเป็นคนที่ยังคงรักในสมรรถนะและความสนุกหลังพวงมาลัย ควบคู่ไปกับความหรูหรา

    volvo16 

    Volvo

    รักครอบครัว, ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยสูงสุด, เป็นคนรอบคอบ, ไม่ชอบโอ้อวด, มีความเป็นผู้ใหญ่สูง, อาจเป็นกลุ่มวิชาชีพเฉพาะทางเช่น แพทย์ หรืออาจารย์ เพราะรถอย่าง Volvo ยืนหนึ่งเรื่องเทคโนโลยีความปลอดภัยเสมอมา คนที่เลือกจึงมักเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับสวัสดิภาพของตัวเองและคนในครอบครัวมากกว่าความแรงหรือความหวือหวา

    tesla_mode_y_juniper_2025_07

    Tesla

    คนรักเทคโนโลยี, เป็น Early Adopter, ทันสมัย, ชอบความเรียบง่าย (Minimalist), สนใจนวัตกรรม, อาจมีภาพลักษณ์เรื่องการใส่ใจสิ่งแวดล้อม Tesla คือสัญลักษณ์ของนวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ผู้ที่เลือกใช้มักจะเป็นกลุ่มแรกๆ ที่เปิดรับเทคโนโลยีใหม่ๆ และชื่นชอบในความล้ำสมัยของแบรนด์

    china-brand

    BYD / GWM / NETA / MG (แบรนด์จีน)

    คนที่เปิดกว้าง, มองหาความคุ้มค่าด้านฟังก์ชัน, ไม่ยึดติดกับแบรนด์เดิมๆ, ฉลาดเลือก, ให้ความสำคัญกับออปชันและเทคโนโลยีที่ได้มาในราคาที่เหมาะสม แบรนด์เหล่านี้เข้ามาตีตลาดด้วยการให้เทคโนโลยีและออปชันที่มากกว่ารถญี่ปุ่นในราคาที่ใกล้เคียงกัน คนที่เลือกจึงเป็นกลุ่มที่ศึกษาข้อมูลมาอย่างดีและพร้อมจะลองของใหม่ที่ให้ความคุ้มค่ามากกว่า

    จริงๆ แล้วมีหลากหลายยี่ห้อมากกว่านี้แต่ทางเราขอเอาเฉพาะยี่ห้อที่คุณคุ้นเคยและเห็นกันมาที่สุดกันก่อน แต่สุดท้ายไม่ว่าคุณจะเลือกรถอะไร นิสัยก็ขึ้นกับตัวคุณ และควรจะเคารพกฎจราจรก่อนที่รถเหล่านั้นอาจจะไม่สามารถพาคุณไปถึงจุดหมายได้ครับ

  • KUBET – หนุ่มทดลองกินไข่ 150 ฟองใน 5 วัน เผยผลลัพธ์ที่ได้ ถึงขั้นอุทาน “นี่มันบ้าไปแล้ว!”

    ชายหนุ่มวัย 25 ปี ในสหรัฐฯ ถ่ายวิดีโอบันทึกการทดลองกินไข่ 150 ฟองใน 5 วัน ผลลัพธ์ที่ได้ทำเอาหลายคนถึงกับอึ้ง

    โจชัว อัลลาร์ด วัย 25 ปี จากเมืองโอคลาโฮมา สหรัฐอเมริกา ท้าทายตัวเองด้วยการกินไข่จำนวน 150 ฟองภายใน 5 วัน หรือเฉลี่ยวันละ 30 ฟอง โดยหวังว่าจะช่วยปรับรูปร่างให้ดีขึ้น ตามรายงานของ Daily Mail

    อัลลาร์ด เผยว่า เขาแบ่งกินวันละ 5 มื้อ โดยในแต่ละมื้อจะกินไข่ล้วน ๆ จำนวน 6 ฟอง โดยไม่กินอาหารชนิดอื่นเลย และเขายังได้ถ่ายวิดีโอบันทึกกระบวนการทั้งหมด ก่อนจะเผยแพร่ลงช่อง YouTube ส่วนตัวเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน ที่ผ่านมา

    เมื่อถึงวันสุดท้ายของการทดลองในวันที่ 5 อัลลาร์ด เผยว่า ร่างกายของเขาดูกระชับขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พร้อมแชร์ภาพถ่ายที่แสดงให้เห็นว่ารูปร่างของเขาผอมลงจริง ๆ จนทำให้ผู้ชมจำนวนมากต่างประหลาดใจ

    เมื่อนึกย้อนถึงการท้าทายตัวเองครั้งนี้ อัลลาร์ด กล่าวว่า “สุขภาพผมยังดีอยู่ ผมลดไขมันลงได้มาก และในเวลาแค่ 5 วัน ร่างกายของผมก็เฟิร์มขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ผมกินแค่ไข่ล้วน ๆ โดยไม่แตะอาหารอื่นหรืออาหารเสริมเลย”

    แม้แผนการกินจะฟังดูหฤโหด แต่อัลลาร์ดบอกว่า สิ่งที่ยากกว่าคือการ “ห้ามตัวเองไม่ให้กินเกิน 30 ฟองต่อวัน”

    “รู้สึกเหมือนจะติดไข่เลยล่ะ มันบ้าสุด ๆ” เขาเอ่ยด้วยความตกใจ

    เมื่อพูดถึงผลกระทบต่อสุขภาพจิต อัลลาร์ดยังเสริมอีกว่า การกินไข่ล้วนช่วยให้เขานอนหลับดีขึ้น และรู้สึกเครียดน้อยลงอย่างเห็นได้ชัด

    หลังจากจบการทดลองกินไข่วันละ 30 ฟองครบ 5 วัน อัลลาร์ดหยุดกินในปริมาณดังกล่าว แต่เขายังยืนยันว่า “ไข่” ยังคงเป็นหนึ่งในอาหารสุดโปรด เพราะถือว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง

    อัลลาร์ด อธิบายว่า ไข่อุดมไปด้วยไขมันดี โปรตีนคุณภาพสูง และกรดอะมิโนที่จำเป็น โปรตีนในไข่มีส่วนช่วยสร้างและซ่อมแซมเนื้อเยื่อในร่างกาย เช่น กล้ามเนื้อ กระดูก ผิวหนัง และเส้นผม ขณะที่กรดอะมิโนในไข่ช่วยส่งเสริมการย่อยอาหารและเสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้แข็งแรง

    “ผมคิดว่าไข่คือหนึ่งในอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วนที่สุด และผมก็ยังแนะนำให้ทุกคนกินไข่ แต่ไม่ได้หมายความว่าควรกินเยอะเท่าที่ผมเคยกิน” อัลลาร์ดย้ำ

    นอกจากนี้ เขายังแนะนำให้กินอาหารหลากหลายควบคู่กัน เช่น ปลา เนื้อแดง มันเทศ หรือสตรอว์เบอร์รี เพื่อเพิ่มพลังงานและสารอาหารให้ร่างกายอย่างสมดุล

    ผู้เชี่ยวชาญว่าอย่างไร?

    ศาสตราจารย์ทอม แซนเดอร์ส ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการจากมหาวิทยาลัยคิงส์คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ให้สัมภาษณ์กับ Daily Mail ว่า

    “ปริมาณไข่ที่อัลลาร์ดกินในแต่ละวันนั้น ให้พลังงานประมาณ 2,000 แคลอรี มีโปรตีนประมาณ 195 กรัม ไขมันรวม 135 กรัม ซึ่งในนั้นเป็นไขมันอิ่มตัวราว 35 กรัม และมีคอเลสเตอรอลประมาณ 10 กรัม”

    ศาสตราจารย์แซนเดอร์ส ระบุว่า “สำหรับคนที่มีสุขภาพแข็งแรง การบริโภคอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงอาจไม่เป็นอันตรายโดยตรง แต่การกินไข่ในปริมาณมากขนาดนั้นก็ยังมีความเสี่ยงอยู่”

    “ในบางกรณี การกินไข่มากเกินไปอาจทำให้ระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งถือเป็นหนึ่งในปัจจัยเสี่ยงที่อาจนำไปสู่โรคหัวใจ เช่น หัวใจวาย หรือโรคหลอดเลือดสมอง” ผู้เชี่ยวชาญเตือน

    ตามข้อมูลจากเว็บไซต์ Healthline มีการระบุว่า ผู้ใหญ่ที่มีสุขภาพดี ควรกินไข่เพียงวันละ 1–2 ฟอง เพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว

  • KUBET – ผัก 1 ชนิดมีธาตุเหล็กสูงกว่าเนื้อวัว จีนขนานนาม “ยาบำรุงตับ” คนไทยชอบกินมาก!

    ที่ไทยก็มี ผัก 1 ชนิดที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว แต่จีนขนานนามให้เป็น “ยาบำรุงตับ” เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารล้ำค่า

    นี่คือผักที่พบได้บ่อยบนโต๊ะอาหารของคนไทย อุดมด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และได้รับการขนานนามจากชาวจีนว่าเป็น “ยาบำรุงตับ”

    โดยทั่วไป เนื้อวัวมักถูกมองว่าเป็นแหล่งธาตุเหล็กชั้นดี ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ป้องกันภาวะโลหิตจาง และบำรุงสมอง อย่างไรก็ตาม นอกจากเนื้อวัวแล้ว ยังมีผักและพืชบางชนิดที่ให้ธาตุเหล็กสูงเช่นกัน โดยเฉพาะ “ยอดฟักทอง” (ทั้งใบและยอดของต้นฟักทอง) ซึ่งถือว่ามีธาตุเหล็กสูงเป็นพิเศษ

    ตามข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ (USDA) ผักยอดฟักทองต้ม 100 กรัม ให้ธาตุเหล็กถึง 3.2 มิลลิกรัม ขณะที่เนื้อวัว 100 กรัมมีเพียง 2.6 มิลลิกรัม แสดงให้เห็นว่าผักยอดฟักทองให้ธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัวอย่างชัดเจน

    ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย ยอดฟักทองจึงมีประโยชน์ต่อสุขภาพในหลายด้าน

    ประโยชน์ของยอดฟักทอง

    นพ.เหริน เป้ยฮว่า แห่งแผนกแพทย์แผนจีน โรงพยาบาลมหาวิทยาลัยกว่างโจว ประเทศจีน อธิบายว่า ยอดฟักทองมีฤทธิ์เย็น รสขม เข้าสู่เส้นลมปราณตับ ม้าม และกระเพาะอาหาร มีสรรพคุณช่วยลดความร้อนในร่างกาย ขับพิษ ขับปัสสาวะ ลดบวม ใช้รักษาฝี หนอง ผื่นผิวหนังดีซ่าน หยุดเลือด และบรรเทาอาการบิดได้

    เว็บไซต์ Sohu รายงานว่า ยอดฟักทองถูกชาวจีนยกให้เป็น “ยาบำรุงตับ” ตามหลักแพทย์แผนจีน ยอดฟักทองมีคุณสมบัติช่วยขับพิษ ลดความร้อน และหากรับประทานเป็นประจำ จะช่วยเสริมการทำงานของตับในการขจัดสารพิษ ลดภาระการทำงานของตับลงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    นพ.ต้วน กวน แพทย์แผนจีนจากโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-ญี่ปุ่น เปิดเผยว่า ยอดฟักทองยังมีส่วนช่วยลดความดันโลหิต และดูแลสุขภาพหัวใจ เนื่องจากมีใยอาหาร โพแทสเซียม วิตามิน และแร่ธาตุจำเป็นที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ควบคุมความดันโลหิต และรักษาจังหวะการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ จึงลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    แพทย์ยังเสริมอีกว่า ยอดฟักทองยังดีต่อระบบย่อยอาหาร เพราะมีใยอาหารสูงและกรดอะมิโนที่จำเป็น ซึ่งช่วยกระตุ้นการบีบตัวของลำไส้ ส่งเสริมการย่อยอาหาร และขจัดของเสียออกจากร่างกาย ช่วยลดอาการท้องผูก และป้องกันโรคในระบบทางเดินอาหาร

    นอกจากนี้ ยอดฟักทองยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ที่มีส่วนช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรง และต้านทานโรคได้ดีขึ้น

  • KUBET – เลื่อนแล้ว! ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง เริ่ม 1 ก.ค. 68

    เปิดลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 ผ่าน 2 ช่องทาง ทั้งแอปพลิเคชั่น Amazing Thailand และเว็บไซต์ www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com เริ่ม 1 ก.ค. 68

    โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เป็นหนึ่งในโครงการที่จะกู้วิกฤติศรัทธาของรัฐบาลชุดนี้ไม่น้อย เพราะก่อนหน้านี้นายสรวงศ์ เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ประกาศที่ทำเนียบเมื่อวานนี้ (24 มิ.ย. 68) ว่าที่ประชุม ครม. เห็นชอบงบประมาณ 1.57 แสนล้านบาท รวมถึงโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 1,750 ล้านบาท พร้อมกับตีปี๊บดังสนั่นไมค์กับนักข่าวว่า จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่งในคืนของวันที่ 24 มิ.ย. 68 สร้างความตกใจให้กับสายเที่ยวไม่น้อย จนต้องอดหลับอดนอนจ้องหน้าจอเพื่อลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง

    แต่แล้วฝันสลาย เมื่อมีประชาชนจำนวนมากแห่เข้าเว็บไซต์ เที่ยวไทยคนละครึ่ง และ แอป Amazing Thailand เกิดล่ม จนชาวเน็ตแห่ถล่มคอมเมนต์ยิ่งกว่าทัวร์ลงฮุนเซน ก่นด่าสารพัดถึงข้อการสื่อสารที่ไม่ตรงกันระหว่างรัฐมนตรีว่าการฯ และหน่วยงานที่จัดทำโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง

    ลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 เริ่มเมื่อไร

    อัปเดตล่าสุด www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com ขึ้นข้อความว่า “โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม 68 ถึง 31 ตุลาคม 2568”

    www.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.comwww.เที่ยวไทยคนละครึ่ง.com

    คุณสมบัติผู้รับสิทธิเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568

    • สัญชาติไทย อายุ 18 ปีขึ้นไป
    • มีบัตรประชาชน
    • ลงทะเบียนผ่าน Thai ID Application (ThaID) เพื่อยืนยันตัวตน

    ช่องทางการลงทะเบียนเที่ยวไทยคนละครึ่ง

    ไทม์ไลน์เที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568

    • เริ่มใช้สิทธิตั้งแต่วันที่ 4 ก.ค. – 31 ต.ค. 68
    • ชําระเงินก่อน เวลา 23.00 น. ของวันที่ทําการจอง (กรณีไม่ชําระสิทธิจะคืนการจองกลับสู่ระบบ)
    • ชําระค่าห้องพักอย่างน้อย 3 วันล่วงหน้า ก่อนวันเดินทางจริง

    เงื่อนไขโครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง 2568 จำนวนสิทธิทั้งหมด 500,000 สิทธิ

    • ที่พัก
      • 1 คน จะได้รับ 5 สิทธิ แบ่งเป็นเมืองหลัก 3 สิทธิ และเมืองน่าเที่ยว 2 สิทธิ
    • คูปอง
      • 500 บาท ต่อ 1 สิทธิ จำนวน 500,000 สิทธิ สามารถใช้ในร้านอาหาร กิจกรรมทางการท่องเที่ยว ฯลฯ ตามที่โครงการกำหนด
        • ร้านอาหาร
        • ร้านขายของที่ระลึก
        •  ร้านค้า OTOP
        • แหล่งท่องเที่ยว/กิจกรรมท่องเที่ยว
        • สปา/นวดเพื่อสุขภาพ
        •  รถเช่า/เรือเช่า
        • มูลค่าคูปอง 500 บาท/สิทธิ์
        •  นักท่องเที่ยวใช้จ่าย ภายใน 23.00 น. ของแต่ละวัน
        •  ทุกการใช้จ่าย รัฐช่วย 50% นักท่องเที่ยวชําระแก่ผูู้ประกอบการ 50% ของยอดการใช้จ่าย
        • ผู้ประกอบการ ต้องใช้บัญชีกรุงไทยสําหรับรับเงินจากนักท่องเที่ยว
        •  นักท่องเที่ยว ชําระค่าสินค้า/บริการ ด้วยระบบ Prompt Pay ธนาคารใดก็ได้
        • ผู้ประกอบการจะได้รับเงินโอนจากรัฐ ภายใน 14 วัน ทําการ

    เงื่อนไขการใช้สิทธิ

    • ค่าที่พักวันธรรมดา (จันทร์-ศุกร์) รัฐสนับสนุน 50% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท
    • วันหยุด และวันหยุดนักขัตฤกษ์ รัฐสนับสนุน 40% ของค่าที่พัก แต่ไม่เกิน 3,000 บาท

    เที่ยวเมืองหลัก

    • วันธรรมดา (จันทร์–ศุกร์) → รัฐช่วย 40%, จ่ายเอง 60%
    • วันหยุด เสาร์–อาทิตย์/นักขัตฤกษ์ → รัฐช่วย 40%, จ่ายเอง 60%

    เที่ยวเมืองรองหรือเมืองน่าเที่ยว

    วิธีลงทะเบียน “เที่ยวไทยคนละครึ่ง” ผ่านแอป Amazing Thailand 

    1. เข้าแอป Amazing Thailand
      เปิดแอปฯ แล้วเลือกเมนู “โครงการเที่ยวไทยคนละครึ่ง” จากนั้นกด “ประชาชนทั่วไป” แล้วเลือก “ยังไม่เคยเข้าร่วม” เพื่อเริ่มขั้นตอนการลงทะเบียน

    2. อ่านเงื่อนไขโครงการ
      ระบบจะแสดงรายละเอียดของโครงการ เช่น ระยะเวลาเข้าร่วม สิทธิประโยชน์ และข้อกำหนดต่าง ๆ ให้ผู้ใช้อ่านจนจบก่อนดำเนินการต่อ

    3. กรอกข้อมูลส่วนตัว
      กรอกชื่อ–นามสกุล, เลขบัตรประชาชน, วันเดือนปีเกิด, เบอร์โทรศัพท์ และข้อมูลที่จำเป็นอื่น ๆ จากนั้นกด ยืนยันการสมัครสมาชิก

    4. ยืนยันตัวตนผ่าน OTP
      ระบบจะส่งรหัส OTP ไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่กรอกไว้ ให้นำรหัสมากรอกในแอปให้ถูกต้องภายในเวลาที่กำหนด เพื่อยืนยันตัวตน

    5. เชื่อมต่อกับ ThaiID และยืนยันสิทธิ
      กรอกข้อมูลบัตรประชาชนเพิ่มเติมผ่านระบบ ThaiID เพื่อให้แอปตรวจสอบคุณสมบัติ หากผ่านเกณฑ์ ระบบจะแสดงปุ่ม “ยืนยันสิทธิ” เพื่อเข้าร่วมโครงการ หรือเลือก “สละสิทธิ” หากไม่ต้องการเข้าร่วม

    อ่านเพิ่มเติม

  • KUBET – เฉลยแล้วใบขับขี่ตลอดชีพ สามารถเพิกถอนไม่ให้ใช้ได้ไหม?

     ในสมัยก่อนการทำใบขับขี่จะมีแบบหนึ่งที่หลายคนอยากได้คือ ใบขับขี่แบบตลอดชีพ ซึ่งเป็นประเภทที่ กรมการขนส่งทางบน ออกให้ตั้งแต่เริ่มจนถึงปี 2546 ถึงยกเลิกไป ทำให้มีใบขับขี่ประเภทนี้ไม่เกิดอีก ทำให้คนสงสัยว่า ถ้าใบขับขี่ประเภทนี้ยังมีอยู่และคนขับรถมีอายุมากขึ้น อาจจะมีอุบัติเหตุบ่อย ถ้าจะหยุดใช้หรือระงับไม่ให้ใช้ทำได้หรือไม่ วันนี้ Sanook Auto มีคำตอบและเรื่องราวของใบขับขี่ตลอดชีพมาเล่าให้ฟัง

    ที่มาของใบขับขี่ตลอดชีพ / เหตุผลการยกเลิก

    ในอดีต กรมการขนส่งทางบก (ในยุคที่ยังอยู่ภายใต้การกำกับของกรมตำรวจ) ได้มีการออกใบขับขี่ตลอดชีพเพื่ออำนวยความสะดวกและลดภาระของประชาชนในการติดต่อราชการเพื่อต่ออายุใบอนุญาตบ่อยครั้ง อย่างไรก็ตาม ตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม พ.ศ. 2546 ได้มีการประกาศใช้พระราชบัญญัติรถยนต์ (ฉบับที่ 12) พ.ศ. 2546 ซึ่งกำหนดให้ยกเลิกการออกใบขับขี่ตลอดชีพ ด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยบนท้องถนน เนื่องจากสมรรถภาพทางร่างกายของผู้ขับขี่ เช่น สายตา การตัดสินใจ และการตอบสนอง ย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวัย การกำหนดให้มีการต่ออายุทุก 5 ปี จะทำให้มีการประเมินความพร้อมในการขับขี่เป็นระยะๆ

    lice

    กฎเกณฑ์สำคัญสำหรับผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพ

    1. สถานะทางกฎหมาย ใบขับขี่ตลอดชีพทุกรูปแบบ (ทั้งแบบกระดาษเคลือบพลาสติก และแบบสมาร์ทการ์ด) ยังคงใช้งานได้ตามปกติ และมีสถานะเทียบเท่ากับใบขับขี่ประเภท 5 ปี

    2. การทำใบใหม่ กรณีชำรุดหรือสูญหาย หากใบขับขี่ตลอดชีพชำรุดในสาระสำคัญ หรือสูญหาย เจ้าของสามารถติดต่อสำนักงานขนส่งทั่วประเทศเพื่อขอทำใบใหม่ได้ทันที โดยจะได้รับเป็นใบขับขี่ตลอดชีพเช่นเดิม ไม่ต้องสอบข้อเขียนหรือสอบขับรถใหม่ และไม่ต้องใช้ใบรับรองแพทย์ (ยกเว้นกรณีที่ข้อมูลในระบบไม่สมบูรณ์ อาจต้องมีการขอเอกสารเพิ่มเติม)

    3. การเปลี่ยนเป็นบัตรสมาร์ทการ์ด ผู้ที่ถือใบขับขี่ตลอดชีพแบบเก่า (แบบกระดาษ) สามารถเปลี่ยนเป็นใบขับขี่แบบสมาร์ทการ์ดได้ตามความสมัครใจ ซึ่งมีข้อดีคือมีความทนทาน, มีข้อมูลสองภาษา, และมี QR Code สำหรับตรวจสอบข้อมูลเพื่อความสะดวกและปลอดภัยยิ่งขึ้น

    4. ไม่มีการบังคับให้ทดสอบสมรรถภาพตามอายุ กรมการขนส่งทางบก ไม่มีนโยบาย เรียกผู้ถือใบขับขี่ตลอดชีพมาทดสอบสมรรถภาพร่างกายหรือทดสอบขับรถใหม่เมื่อมีอายุมากขึ้น การเพิกถอนใบขับขี่ด้วยเหตุผลด้านอายุเพียงอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ เนื่องจากไม่มีกฎหมายรองรับ

    ซึ่งปัจจุบันไม่มีแล้วเพราะกฏหมายที่ได้บอกขั้นต้น

    gettyimages-154495587-170667a

    เงื่อนไขที่อาจทำให้ใบขับขี่ตลอดชีพถูก “เพิกถอน”

    แม้จะเรียกว่า “ตลอดชีพ” แต่ใบขับขี่ประเภทนี้สามารถถูกเพิกถอนได้ตลอดไปเช่นกัน หากผู้ขับขี่กระทำการที่เข้าข่ายเงื่อนไขร้ายแรงตามที่กฎหมายกำหนด ซึ่งอำนาจในการเพิกถอนใบขับขี่เป็นอำนาจของ “ศาล” โดยจะเกิดขึ้นในกรณีต่อไปนี้:

    • ขับรถในระหว่างถูกสั่งพักใช้ใบอนุญาต หากเคยถูกเจ้าพนักงานจราจรสั่งพักใช้ใบขับขี่ (ชั่วคราว 30, 60, 90 วัน) แต่ยังฝ่าฝืนมาขับรถ และถูกจับกุม ศาลอาจมีคำสั่งให้เพิกถอนใบขับขี่ได้ ซึ่งเป็นการระงับแบบชั่วคราว
    • ใช้รถยนต์ในการกระทำความผิดอาญาร้ายแรง เช่น ใช้รถเป็นยานพาหนะในการปล้นทรัพย์ ชิงทรัพย์ ขนส่งยาเสพติด หรือก่ออาชญากรรมอื่นๆ ที่ศาลเห็นว่าเป็นภัยต่อสังคมอย่างร้ายแรง
    • ขับรถโดยประมาทจนทำให้ผู้อื่นเสียชีวิตหรือบาดเจ็บสาหัส ในคดีอาญาที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุบนท้องถนน หากศาลพิจารณาแล้วเห็นว่าผู้ขับขี่มีความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงจนเป็นเหตุให้เกิดความสูญเสียแก่ชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่น ศาลมีอำนาจสั่งเพิกถอนใบขับขี่ นอกเหนือจากโทษทางอาญาอื่นๆ
    • ขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้าม เช่น มีโรคประจำตัวร้ายแรงที่เป็นอุปสรรคต่อการขับรถอย่างปลอดภัยตามที่แพทยสภากำหนด หรือเป็นบุคคลวิกลจริตจิตฟั่นเฟือน (ซึ่งต้องมีกระบวนการพิสูจน์ทางการแพทย์และทางกฎหมาย)

    ดังนั้น แม้ใบขับขี่ตลอดชีพจะทำให้คุณต้องต้องไปต่อใบขับข่ และตำรวจเองไม่สามารถระงับหรือเพิกถอนหากเกิดเหตุได้ทันที แต่ถ้าเกิดเหตุอะไรที่ร้ายแรงจนเป็นคดีถึงชั้นศาล ก็มีความเสี่ยงที่จะถูกเพิกถอนสิทธิ์ในการขับขี่ได้เช่นเดียวกับผู้ถือใบขับขี่ประเภทอื่นๆ