Blog

  • KUBET – เปิดอาชีพยอดนิยม “คนกัมพูชา” มาทำงานอะไรที่ “ไทย”

    เปิด 11 อาชีพยอดนิยม แรงงานต่างด้าวกัมพูชา มาทำงานอะไรในประเทศไทย

    แรงงานต่างด้าว หรือแรงงานข้ามชาติ เป็นอีกหนึ่งฟันเฟืองสำคัญของระบบเศรษฐกิจไทยที่เรายังพึ่งพาต่อเนื่องทุกปี และจำนวนแรงงานต่างด้าวก็มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มประเทศ CLMV (กัมพูชา, ลาว, เมียนมา และเวียดนาม)

    ปัจจุบันประเทศไทยเปิดให้แรงงานต่างด้าวเข้ามาทำงานภายใต้กรอบกฎหมาย คือ พระราชกำหนดการบริการจัดการการทำงานของคนต่างด้าว พ.ศ. 2560 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ. 2561 รวมถึงกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้อง โดยสามารถจำแนกประเภทของแรงงานต่างชาติที่ได้รับอนุญาตให้ทำงานในไทยได้ดังนี้

    1. คนต่างด้าวตลอดชีพ ได้แก่ ผู้ที่ได้รับอนุญาตให้อาศัยและทำงานในประเทศไทยตามประกาศของคณะปฏิวัติ ฉบับที่ 322 ลงวันที่ 13 ธันวาคม 2515
    2. คนต่างด้าวตามมาตรา 59 (ประเภททั่วไป) ได้แก่ ผู้ที่มีถิ่นพำนักในประเทศไทย หรือได้รับอนุญาตให้อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามกฎหมายว่าด้วยคนเข้าเมือง โดยไม่ใช่ในฐานะนักท่องเที่ยวหรือผู้เดินทางผ่าน และไม่มีลักษณะต้องห้ามตามที่กำหนดในกฎกระทรวง
    3. คนต่างด้าวตามมาตรา 59 (ประเภทนำเข้าตาม MoU) ได้แก่ แรงงานสัญชาติเมียนมา ลาว กัมพูชา และเวียดนาม ที่เข้ามาทำงานภายใต้ข้อตกลงระหว่างรัฐบาลไทยกับประเทศคู่ภาคี
    4. คนต่างด้าวตามมาตรา 62 (ประเภทส่งเสริมการลงทุน) ได้แก่ ผู้ที่เข้ามาทำงานในประเทศไทยตามกฎหมายว่าด้วยการส่งเสริมการลงทุน เช่น พระราชบัญญัติส่งเสริมการลงทุน พ.ศ. 2520, พระราชบัญญัตินิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย พ.ศ. 2522 และพระราชบัญญัติปิโตรเลียม พ.ศ. 2514 ซึ่งครอบคลุมถึงนักลงทุน ช่างฝีมือ และผู้เชี่ยวชาญ
    5. คนต่างด้าวตามมาตรา 63/1 (ประเภทชนกลุ่มน้อย) ได้แก่ บุคคลที่ยังไม่ได้รับสัญชาติไทยตามกฎหมายว่าด้วยสัญชาติ และอยู่ระหว่างรอกระบวนการพิสูจน์สถานะ โดยกระทรวงมหาดไทยออกเอกสารเพื่อใช้ยื่นขอใบอนุญาตทำงาน
    6. คนต่างด้าวตามมาตรา 64 ได้แก่ แรงงานสัญชาติเมียนมา ลาว และกัมพูชา ที่เข้ามาทำงานตามแนวชายแดนในลักษณะไป-กลับ หรือเข้ามาเป็นการชั่วคราวตามฤดูกาล ภายใต้ข้อตกลงว่าด้วยการสัญจรข้ามแดนระหว่างประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน
    7. คนต่างด้าวตามมาตรา 63/2 ได้แก่ แรงงานชาวกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ที่ได้รับอนุญาตให้อยู่และทำงานในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวตามมติคณะรัฐมนตรี เช่นมติวันที่ 24 กันยายน 2567 มติวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2568 รวมถึงกลุ่มแรงงานที่อยู่ระหว่างการต่ออายุจากมติเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2566 และ 3 ตุลาคม 2566 และแรงงานที่เคยมีสถานะไม่ถูกต้องตามกฎหมายแต่ได้รับการขึ้นทะเบียนภายใต้มติดังกล่าว

    ccbd5b0a5d7baf64856d3645121ea_1

    ข้อมูลสำนักบริหารแรงงานต่างด้าว กรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ระบุ แรงงานต่างด้าวที่เข้ามาทำงานในไทย ณ เดือน พ.ค. 68 มีจำนวนต่างด้าวที่ได้รับอนุญาตทำงานคงเหลือทั่วราชอาณาจักรไทย รวมทั้งสิ้น 4,080,613 คน โดยในจำนวนนี้มีแรงงานกัมพูชารวมอยู่ด้วย โดย Sanook Money แยกออกมาให้เห็นชัดๆ ดังนี้

    • แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตทำงานแบบไป-กลับหรือตามฤดูกาล จำนวน 22,297 คน
    • แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานตาม MOU จำนวน 183,704 คน
    • แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติ 24 ก.ย. 67 (จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมาย) จำนวน 109,892 คน
    • แรงงานกัมพูชา ซึ่งเป็นแรงงานตามมติ ครม. 24 ก.ย. 67 และมติ ครม. 4 ก.พ. 68 จำนวน แบ่งเป็น 2 กลุ่ม
      • แรงงานกัมพูชากลุ่มที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว 130,395 คน
      • แรงงานกัมพูชากลุ่มที่อยู่ระหว่างการดำเนินการ 65,154 คน

    เปิดอาชีพยอดนิยมคน “กัมพูชา” ทำงานอะไรในประเทศไทย

    ccbd5b0a5d7baf64856d3645121ea

    แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตทำงานแบบไป-กลับหรือตามฤดูกาล จำนวน 22,297 คน จำแนกตามประเภทกิจการ ดังนี้

    • กิจการเกษตรและปศุสัตว์ จำนวน 13,288 คน
    • กิจการก่อสร้าง จำนวน 1,878 คน
    • กิจการต่อเนื่องการเกษตร จำนวน 1,349 คน
    • กิจการต่อเนื่องปศุสัตว์ จำนวน 20 คน
    • กิจการรีไซเคิล รับซื้อของเก่า คัดแยกขยะ จำนวน 143 คน
    • กิจการเหมืองแร่และเหมืองหิน จำนวน 3 คน
    • กิจการผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับโลหะ จำนวน 109 คน
    • กิจการผลิตหรือจำหน่ายอาหารและเครื่องดื่ม จำนวน 534 คน
    • กิจการผลิตหรือจำหน่ายวัสดุก่อสร้าง จำนวน 147 คน
    • กิจการแปรรูปหิน จำนวน 1 คน
    • กิจการผลิตหรือจำหน่ายเสื้อผ้าสำเร็จรูปฯ จำนวน 425 คน
    • กิจการผลิตหรือจำหน่ายผลิตภัณฑ์พลาสติกฯ จำนวน 71 คน
    • กิจการผลิตหรือจําหน่ายผลิตภัณฑ์กระดาษ จำนวน 1 คน
    • กิจการผลิตหรือจําหน่ายผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์ฯ จำนวน 60 คน
    • กิจการขนถ่ายสินค้าทางบก น้ำ คลังสินค้า จำนวน 16 คน
    • กิจการค้าส่ง ค้าปลีก แผงลอยในตลาดฯ จำนวน 1,133 คน
    • กิจการอู่ซ่อมรถ ล้าง อัด ฉีด จำนวน 16 คน
    • กิจการสถานีบริการน้ำมัน แก๊ส เชื้อเพลิง จำนวน 56 คน
    • กิจการสถานศึกษา มูลนิธิ สมาคม สถานพยาบาล จำนวน 1 คน
    • กิจการให้บริการต่างๆ ยกเว้นกิจการรับเหมาฯ จำนวน 2,838 คน
    • กิจการแปรรูปสัตว์น้ำ จำนวน 27 คน
    • งานบ้าน จำนวน 181 คน

    แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตให้เข้ามาทำงานตาม MOU จำนวน 183,704 คน จำแนกตามหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้

    ccbd5b0a5d7baf64856d3645121ea_2

    • เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ จำนวน 14,951 คน
    • การประมง จำนวน 1,742 คน
    • การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน จำนวน 105 คน
    • การผลิต จำนวน 68,636 คน
    • การก่อสร้าง จำนวน 50,492 คน
    • การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ จำนวน 28,746 คน
    • การขนส่ง สถานที่เก็บสินค้า และการคมนาคม จำนวน 1,545 คน
    • การบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าและบริการทางธุรกิจ จำนวน 790 คน
    • การบริการด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ จำนวน 185 คน
    • การบริการชุมชน สังคมและบริการส่วนบุคคลอื่นๆ จำนวน 13,515 คน
    • ลูกต้างในครัวเรือนส่วนบุคคล 2,997 คน

    แรงงานกัมพูชาที่ได้รับอนุญาตทำงานตามมติ 24 ก.ย. 67 (จดทะเบียนสถานะไม่ถูกกฎหมาย) จำนวน 109,892 คน จำแนกตามหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้

    ccbd5b0a5d7baf64856d3645121ea_4

    • เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ จำนวน 12,854 คน
    • การประมง จำนวน 392 คน
    • การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน จำนวน 30 คน
    • การผลิต จำนวน 14,101 คน
    • การก่อสร้าง จำนวน 56,453 คน
    • การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ จำนวน 12,275 คน
    • การขนส่ง สถานที่เก็บสินค้า และการคมนาคม จำนวน 1,785 คน
    • การบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าและบริการทางธุรกิจ จำนวน 709 คน
    • การบริการด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ จำนวน 78 คน
    • การบริการชุมชน สังคมและบริการส่วนบุคคลอื่นๆ จำนวน 10,002 คน
    • ลูกจ้างในครัวเรือนส่วนบุคคล 1,213 คน

    แรงงานกัมพูชา ซึ่งเป็นแรงงานตามมติ ครม. 24 ก.ย. 67 และมติ ครม. 4 ก.พ. 68 จำนวน โดยเป็นแรงงานกัมพูชากลุ่มที่ได้รับอนุญาตทำงานแล้ว 130,395 คน จำแนกตามหมวดอุตสาหกรรม ดังนี้

    ccbd5b0a5d7baf64856d3645121ea_3

    • เกษตรกรรม การล่าสัตว์ และการป่าไม้ จำนวน 13,557 คน
    • การประมง จำนวน 1,170 คน
    • การทำเหมืองแร่และเหมืองหิน จำนวน 94 คน
    • การผลิต จำนวน 23,094 คน
    • การก่อสร้าง จำนวน 51,347 คน
    • การขายส่ง การขายปลีก การซ่อมแซมยานยนต์ จักรยานยนต์ จำนวน 22,150 คน
    • การขนส่ง สถานที่เก็บสินค้า และการคมนาคม จำนวน 1,725 คน
    • การบริการด้านอสังหาริมทรัพย์ การให้เช่าและบริการทางธุรกิจ จำนวน 1,253 คน
    • การบริการด้านสุขภาพและงานสังคมสงเคราะห์ จำนวน 188 คน
    • การบริการชุมชน สังคมและบริการส่วนบุคคลอื่นๆ จำนวน 12,947 คน
    • ลูกจ้างในครัวเรือนส่วนบุคคล 2,870 คน

    สรุป อาชีพยอดนิยมที่คนกัมพูชาเข้ามาทำงานในประเทศไทย มีดังนี้

    • กิจการเกษตรและปศุสัตว์
    • กิจการให้บริการต่างๆ ยกเว้นรับเหมาฯ
    • กิจการก่อสร้าง
    • กิจการต่อเนื่องการเกษตร

    อ่านเพิ่มเติม

  • KUBET – นับถึง 100 ก็ไม่ลุก! “กำปั้นญี่ปุ่น” สุดห้าวท้าทาย “นอร์แมน” สุดท้ายหลับยาว (คลิป)

    ถูกยกให้เป็นเต็งหนึ่งรางวัล “น็อกเอาต์แห่งปี” จากสื่อหลายสำนักทันทีสำหรับการปิดเกมสุดโหดของ ไบรอัน นอร์แมน จูเนียร์ กำปั้นชาวสหรัฐฯ เจ้าของเข็มขัด องค์กรมวยโลก (WBO) รุ่นเวลเตอร์เวต

    boxxc2

    โดย นักชกมะกันวัย 24 ปี ขึ้นป้องกันตำแหน่งครั้งที่ 2 กับ จิน ซาซากิ กำปั้นญี่ปุ่นวัย 23 ปี ที่สังเวียน โออิตะ ซิตี้ เจเนรัล ยิมเนเซียม, ประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 19 มิถุนายน ที่ผ่านมา

    boxxc24

    ซึ่งก่อนการชกในงานแถลงข่าว นักชกเจ้าถิ่น สุดห้าวเดินปรี่เข้าหาหวังยั่วยุทางด้านฝั่งแชมป์โลก ก่อนที่ทางทีมงานจะรีบเข้ามาแยกทั้งคู่ออกจากกันไม่ให้เหตุการณ์บานปลาย

    boxxc4

    เกมการชกเป็นไปอย่างดุเดือดเมื่อทางด้าน จิน ซาซากิ ที่มั่นใจมากในไฟต์นี้เดินเข้าหาฝั่งแชมป์ทันที แต่มาโดนหมัดถากๆ หล่นลงไปให้กรรมการนับ 8 แม้จะลุกมาสู้ได้ต่อแต่ก็โดนต่อยหล่นอีกครั้งแต่ดีที่ประคองตัวครบยก

    เกมการชกดำเนินมาถึงยกที่ 5 ไบรอัน นอร์แมน จูเนียร์ ได้จังหวะทิ้งฮุกซ้ายเข้าเต็มคางส่ง จิน ซาซากิ หงายท้องลงไปนอนแน่นิ่งสุดน่ากลัว ทำให้กรรมการตัดสินใจโบกมือยุติการชกทันที ก่อนที่ทางพี่เลี้ยงจะหามลงเปลส่งโรงพยาบาลเป็นการด่วน

  • KUBET – เปิดบ้าน “ญาญ่า” สร้างไว้ที่เขาใหญ่ อลังการสวยงามเหมือนยกนอร์เวย์ไว้ที่ไทย

     ญาญ่า เปิดบ้านเขาใหญ่ที่กำลังจะเสร็จสมบูรณ์ บรรยากาศสวยงามน่าอยู่มาก ยกบ้านนอร์เวย์มาไว้ที่ไทยเลย

    บ้านพักตากอากาศที่เขาใหญ่ของนางเอกว่าที่เจ้าสาวซุปตาร์ ญาญ่า อุรัสยา ที่สร้างไว้เพื่อครอบครัวสำหรับคุณพ่อคุณแม่และตนเองได้พักผ่อนแบบใกล้ชิดกับธรรมชาติ ซึ่ง ญาญ่า ทุ่มทุนสร้างแบบงบไม่อั้นเลยจริงๆ เพราะภาพที่ออกมานั้นบ้านสวยงามมาก แม้จะยังไม่เสร็จแต่ก็สัมผัสได้ถึงความอลังการ 

    ก่อนหน้านี้ได้ย้อนไปถึงวันที่ ญาญ่า ได้ลงภาพที่ดินผืนงามวิวภูเขา พร้อมกับที่เธอได้นอนชื่นชมพร้อมกับบอกว่าตรงนี้คือห้องนอน และห้องนั่งเล่นไว้มองวิวภูเขา บอกเลยว่าวิวหลักพันล้านมากๆ วันนั้นยังเห็นภาพไม่ชัดว่าวิวภูเขาของเธอเป็นอย่างไร 

    ล่าสุด แม่ปลา ได้อัปเดตบ้านที่เขาใหญ่ที่สร้างใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้ว โดยบอกว่า “สร้างบ้านต้องทำใจว่าจะใช้เวลานานกว่าที่คิด 555 แต่อยากให้เสร็จเร็วๆ อยากไปอยู่แล้ว”

    และได้เห็นภาพมุมกว้างของบ้าน บอกเลยว่าวิวภูเขาจริงๆ เพราะเพียงเปิดประตูออกมาก็ได้เห็นภูเขาตั้งเด่นเป็นตระหง่านอยู่ใกล้ๆ โอบล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียว เป็นบรรยากาศที่น่าอยู่ที่สุด คาดว่าเสร็จทันหน้าหนาวปลายปีนี้แน่นอน รอชมกันได้เลยจ้า

  • KUBET – “น้องปีใหม่” รีวิวอาหารกับ “พ่อสงกรานต์-น้ามายด์ ณภศศิ” โมเมนต์น่ารักช็อตพ่อกับลูกสาว

    น้องปีใหม่ รีวิวอาหารกับ พ่อสงกรานต์ และ อามายด์ ณภศศิ แต่ละช็อตน่ารักมาก โมเมนต์พ่อกับลูกสาวสร้างรอยยิ้มสุดๆ 

    เป็นความน่ารักของ น้องปีใหม่ ในโหมดของบล็อกเกอร์สาวน้อยรีวิวอาหารกับคุณพ่อ สงกรานต์ เตชะณรงค์ และคุณน้าคนสวย มายด์ ณภศศิ แฟนสาวของคุณพ่อ ก่อนหน้านี้ได้เห็นลีลาของสาวน้อยไปแล้ว และพี่ๆ แฟนคลับต่างลงความเห็นว่าทำได้ดีมากจริงๆ ดูเพลินมาก เห็นแล้วอยากตามรอยไปลองลิ้มชิมรสอาหารเลยทีเดียว 

    ล่าสุด น้องปีใหม่ รับบทสาวน้อยรีวิวอาหารอีกครั้ง ซึ่ง พ่อสงกรานต์ บอกว่าลูกสาวอยากทานเนื้อ จึงมาพาลองเมนูสเต๊กเนื้อ นักรีวิวรุ่นจิ๋วทำได้ดีไม่มีผิดหวังอีกแล้ว ให้คะแนนตามความเป็นจริงอย่างน่ารัก ยิ่งฟังเพลินสุดๆ และได้ฟังเต็มๆ น้องปีใหม่ สปีชอิงลิชรัวๆ กับคุณพ่อ 

    นอกจากจะได้ดูการรีวิวอาหารของ น้องปีใหม่ แล้ว ยังได้เห็นโมเมนต์น่ารักของคุณพ่อกับลูกสาวอีกด้วย ฟีลเพื่อนเล่นกันน่ารักมาก 

  • KUBET – ลองให้ AI “ตั้งชื่อลูก” ภาษาไทย ถูกกฎหมายและทันสมัย แต่ละชื่อเพราะมากๆ

    ตั้งชื่อลูกด้วย AI ได้ไหม? ลองให้ AI ตั้งชื่อไทยที่ถูกกฎหมายและทันสมัย

    ในยุคที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทกับชีวิตประจำวันมากขึ้น แม้แต่เรื่องละเอียดอ่อนอย่าง “การตั้งชื่อลูก” ก็เริ่มมีคุณพ่อคุณแม่หัวทันสมัยหลายคน หันมาใช้บริการ AI เพื่อช่วยคิดชื่อให้ลูกชายหรือลูกสาวของตน แล้วแบบนี้…ตั้งชื่อด้วย AI จะปลอดภัย ถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่?

    ชื่อที่ถูกกฎหมาย ต้องผ่านเกณฑ์อะไรบ้าง?

    ก่อนจะไปดูชื่อที่ AI ตั้งให้ ลองทำความเข้าใจเบื้องต้นกันก่อนว่า “ชื่อคนไทย” ตาม พ.ร.บ.ชื่อบุคคล พ.ศ. 2505 ต้องไม่เข้าข่ายลักษณะต้องห้าม เช่น

    • ห้ามใช้คำหยาบหรือไม่สุภาพ
    • ห้ามใช้พระปรมาภิไธย พระนาม หรือชื่อบุคคลในราชวงศ์
    • ห้ามใช้คำที่ทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นข้าราชการ บุคคลสำคัญ หรือสถาบัน
    • ห้ามมีตัวอักษรหรือสัญลักษณ์พิเศษที่ไม่ใช่ภาษาไทย

    AI คิดชื่อไทยให้ลูกชาย-ลูกสาว ลองดู 10 ตัวอย่าง

    เราให้ AI สร้างชื่อจริงของคนไทย (ไม่ใช่ชื่อเล่น) โดยยึดหลักภาษาสละสลวย ทันสมัย อ่านง่าย ความหมายดี และตรวจสอบตามกฎหมายเรียบร้อยแล้ว ไม่มีคำต้องห้ามหรือคำที่อาจกระทบต่อสถาบันสำคัญใด ๆ

    ชื่อสำหรับเด็กชาย

    1. นารินทร์ – ผู้เป็นที่รัก, มีความสง่างาม
    2. ธันวกร – ผู้ยิ่งใหญ่เหมือนพระอาทิตย์ในเดือนธันวาคม
    3. อคิราห์ – ผู้ไม่มีจุดจบ, ความเป็นนิรันดร์
    4. ธีรพัฒน์ – ผู้พัฒนาอย่างมีปัญญา
    5. ปรินทร – ผู้ปกครองที่สง่างาม

    ชื่อสำหรับเด็กหญิง

    1. ลลิน – ดอกไม้ที่บานสะพรั่ง
    2. ธาราทิพย์ – สายน้ำแห่งความศักดิ์สิทธิ์
    3. พริมา – ผู้เป็นที่หนึ่ง, อันดับหนึ่ง
    4. จิรารัตน์ – ผู้มีความงามเป็นนิรันดร์
    5. ศศิวิมล – ดวงจันทร์ที่บริสุทธิ์

    ตรวจสอบผ่าน! ใช้ได้จริง ถูกกฎหมาย 100%

    รายชื่อทั้งหมดนี้ เราตรวจสอบกับหลักเกณฑ์ของ กรมการปกครอง แล้วว่าไม่ติดข้อห้ามตามพระราชบัญญัติชื่อบุคคล ไม่มีคำต้องห้าม และไม่มีคำที่คล้ายพระปรมาภิไธยแต่อย่างใด

    ข้อแนะนำก่อนใช้ชื่อที่ AI คิดให้

    • ตรวจสอบความหมายจากผู้รู้หรือพจนานุกรม
    • หลีกเลี่ยงชื่อที่อ่านยากหรือสะกดยาก
    • ลองสอบถามเจ้าหน้าที่ที่ว่าการอำเภอก่อนยื่นคำขอ

    การตั้งชื่อลูกไม่ใช่แค่เรื่องของความไพเราะ แต่ยังเกี่ยวข้องกับกฎหมาย ความเชื่อ และอัตลักษณ์ในอนาคตของลูกคุณด้วย การใช้ AI เป็นไอเดียเบื้องต้นถือเป็นสิ่งที่น่าสนใจในยุคดิจิทัล แต่การตรวจสอบความเหมาะสมและกฎหมายยังต้องทำโดยคนจริงอย่างระมัดระวัง

    แหล่งอ้างอิง

    1. กรมการปกครอง
    2. พระราชบัญญัติชื่อบุคคล พ.ศ. 2505
  • KUBET – ส่องเงินเดือนทหาร เงินเดือนชั้นนายพล ได้ค่าตอบแทนเท่าไหร่

    ส่องเงินเดือนทหาร ชั้น “นายพล” กับภารกิจรักษาและปกป้องอธิปไตย ได้รับค่าตอบแทนเดือนละเท่าไหร่

    พระราชบัญญัติระเบียบราชการทหาร (ฉบับที่ 10) พ.ศ. 2558 มาตรา 12/1 ให้ข้าราชการทหาร ทหารกองประจำการ และนักเรียนในสังกัดกระทรวงกลาโหมได้รับเงินเดือนดังต่อไปนี้ (โดย Sanook Money จะขอพุ่งเป้าไปที่เงินเดือนนายทหารสัญญาบัตรชั้นนายพล)

    เงินเดือนทหารชั้นนายพล

    นายทหารสัญญาบัตรยศพลตรี พลเรือตรี พลอากาศตรี ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.6

    • เริ่มต้นที่ 29,980-69,040 บาท

    นายทหารสัญญาบัตรยศพลโท พลเรือโท พลอากาศโท ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.7

    • เริ่มต้นที่ 35,090-74,320 บาท

    นายทหารสัญญาบัตรยศพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.8

    • เริ่มต้นที่ 39,090-76,800 บาท

    นายทหารสัญญาบัตรยศจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ หรือพลเอก พลเรือเอก พลอากาศเอก ที่ครองอัตราจอมพล จอมพลเรือ จอมพลอากาศ ให้ได้รับเงินเดือนระดับ น.9

    • เริ่มต้นที่ 51,960-78,030 บาท

    อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแค่เงินเดือนของนายทหารสัญญาบัตรชั้นนายพล ซึ่งยังไม่รวม เงินบริหารระดับสูง, ค่าตอบแทนแบบรายเดือน-เหมาจ่าย และเงินเพิ่มอื่นๆ อีก

  • KUBET – ท่านอนคู่รัก บ่งบอกอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้บ้าง?

    ท่านอนคู่รัก บ่งบอกอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ได้บ้าง? ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ได้เสนอข้อสังเกตว่า ท่านอนของคนสองคนที่นอนร่วมเตียงกันอาจสะท้อนถึงความใกล้ชิด ความสบายใจ หรือแม้แต่ปัญหาที่อาจซ่อนอยู่ในความสัมพันธ์ได้ แล้วคู่ของคุณนอนท่าไหน?

    นอนช้อนกัน (Spooning)

    ท่านอนคลาสสิกที่คนหนึ่งนอนตะแคงและโอบอีกคนจากด้านหลัง แสดงถึงความอบอุ่นใจและความไว้วางใจในกันและกัน เป็นท่าที่พบได้บ่อยในคู่รักหลายคู่

    นอนคว่ำ (Stomach Sleeping)

    เมื่อนอนคว่ำโดยไม่สัมผัสกัน อาจสื่อถึงความกังวลหรือความรู้สึกห่างเหิน อย่างไรก็ตาม ถ้าเป็นท่าที่ทั้งคู่ถนัดก็ไม่จำเป็นต้องกังวล แต่ควรสังเกตว่ามีผลกระทบต่อสุขภาพหรือไม่

    หันหลังให้กัน (Back-to-Back)

    การนอนตะแคงหันหลังให้กัน อาจหมายถึงความสบายใจและมั่นคงในความสัมพันธ์ โดยไม่จำเป็นต้องสัมผัสกันตลอดเวลา ท่านี้อาจมีชื่อว่า cherish หรือ liberty ขึ้นอยู่กับว่าร่างกายสัมผัสกันหรือไม่

    นอนอยู่คนละมุมเตียง (Cliffhangers)

    การนอนห่างกันสุดขอบเตียง อาจสื่อถึงปัญหาที่ยังไม่ได้แก้ไข หรือความเครียดที่สะสม แต่อาจเกิดจากสภาพอากาศหรือความร้อนด้วยเช่นกัน ควรเปิดใจพูดคุยกันเพื่อทำความเข้าใจ

    นอนก่ายกันแน่น (Intertwined)

    การโอบกอดแนบชิดและขาก่ายกันแสดงถึงความใกล้ชิดลึกซึ้ง มักพบในคู่ที่เพิ่งเริ่มต้นความสัมพันธ์ แต่ท่านี้อาจไม่สบายสำหรับการนอนตลอดคืน

    หันหน้าเข้าหากัน (Face-to-Face)

    การนอนหันหน้าเข้าหากันโดยมีบางส่วนของร่างกายสัมผัสกัน บ่งบอกถึงความเคารพ ความรัก และความสบายใจซึ่งกันและกัน เป็นท่าที่สะท้อนความสนิทสนมได้ดี

    หนุนไหล่ (Head on Shoulder)

    เมื่อนอนหนุนไหล่กัน โดยอีกฝ่ายโอบแขนรอบตัว แสดงถึงความห่วงใยและการปกป้อง แม้จะไม่เหมาะกับการนอนทั้งคืน แต่เป็นสัญญาณของความรักและความใกล้ชิด

    ท่านอนปลาดาว (Starfish)

    หากคู่รักคนหนึ่งเหยียดแขนขาเต็มพื้นที่เตียง จนอีกฝ่ายไม่มีที่ขยับตัว อาจแสดงถึงความไม่เท่าเทียม หรือการละเลยความต้องการของอีกฝ่าย ควรพูดคุยเพื่อปรับสมดุลความสัมพันธ์

    นอนกับสัตว์เลี้ยง (With Pets)

    การนอนร่วมกับสัตว์เลี้ยง เช่น สุนัขหรือแมว สามารถเพิ่มความผ่อนคลายและความปลอดภัยให้กับเจ้าของ แต่ก็อาจรบกวนการนอนหากสัตว์เคลื่อนไหวหรือใช้พื้นที่มากเกินไป

    บทสรุป

    ท่านอนของคู่รักอาจไม่สามารถบอกทุกอย่างได้ แต่สามารถสะท้อนถึงความรู้สึกและความผูกพันที่ซ่อนอยู่ได้ในระดับหนึ่ง การสังเกตพฤติกรรมและพูดคุยกันอย่างเปิดใจจะช่วยให้ความสัมพันธ์แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

     

     

  • KUBET – หวยลาววันนี้ 20 มิถุนายน 2568 ผลหวยลาววันนี้ ออกอะไร

    ลุ้นผลหวยลาววันนี้ 20/6/68 ถ่ายทอดสดหวยลาว หวยลาวล่าสุด หวยลาวพัฒนา 20 มิถุนายน 2568 หวยลาวย้อนหลัง หวยลาว 6 ตัว วันนี้ออกอะไร งวด 20 มิถุนายน 2568 Laolottery หวยลาว ออกรางวัลทุก วันจันทร์ วันพุธ และ วันศุกร์

    รายงานผลหวยลาว 20 มิถุนายน 2568 (20/6/68) ผลหวยลาว 6 ตัวออกรางวัลดังนี้

    ตรวจหวยลาว งวดประจำวันที่ 20 มิถุนายน 2568

    • เลข 6 ตัว : 341056
    • เลข 5 ตัว : 41056
    • เลข 4 ตัว : 1056
    • เลข 3 ตัว : 056
    • เลข 2 ตัว : 56

    เลขนามสัตว์

    • 27 ເຕົ່າ เต่า
    • 08 ກະຕ່າຍ กระต่าย
    • 26 ນາກບິນ นาค
    • 37 ລິ່ນ ตัวนิ่ม

    ผลสลากพัฒนา 5/45

    33 / 36 / 21 / 11 / 42

    เงินรางวัล

    • เลข 4 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 6,000 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 6,000,000 กีบ
    • เลข 3 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 500 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 500,000 กีบ
    • เลข 2 ตัว ถ้าถูกจะได้เงินรางวัลเท่ากับ จำนวนที่ซื้อคูณด้วย 60 ตัวอย่างเช่น ซื้อ 1,000 กีบ จะได้ 60,000 กีบ

  • KUBET – 6 พฤติกรรมใช้หม้อหุงข้าวแบบผิด ๆ ที่ “บ่มมะเร็ง” ไม่รู้ตัว หลายคนยังทำอยู่ทุกวัน

    6 พฤติกรรมเสี่ยงเวลาใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้า ที่หลายคนทำเป็นประจำ แต่ไม่รู้ว่าอาจ “บ่มเพาะมะเร็ง” โดยไม่รู้ตัว

    หม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นของใช้คู่ครัวที่แทบทุกบ้านต้องมี แต่แม้จะคุ้นเคยแค่ไหน หากใช้งานผิดวิธีโดยไม่รู้ตัว ก็อาจกลายเป็นการ “เพาะมะเร็งเงียบ” ในทุก ๆ วันโดยไม่รู้ตัว

    ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าหม้อหุงข้าวไฟฟ้าเป็นสาเหตุของโรคมะเร็งโดยตรง แต่การใช้งานผิดวิธี ไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ อาจทำให้เกิดสารอันตรายที่สามารถเข้าสู่ร่างกายได้ และเมื่อสะสมในระยะยาว ก็อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคต่าง ๆ โดยเฉพาะมะเร็ง

    ดังนั้นหากคุณหรือคนในครอบครัวมีพฤติกรรมเหล่านี้แม้เพียงข้อเดียว ควรรีบปรับเปลี่ยนโดยด่วน

    1. ใช้หม้อหุงข้าวที่เคลือบกันติดหลุดลอกหรือมีรอยขีดข่วนเยอะ

    เมื่อสารเคลือบผิวหลุดออก สารพิษอาจปนเปื้อนลงในข้าวที่กิน และเสี่ยงต่อการสะสมในร่างกายได้ในระยะยาว

    เมื่อสารเคลือบกันติดภายในหม้อหลุดลอกออก เศษไมโครพลาสติกหรือชิ้นส่วนโพลิเมอร์อาจปะปนลงในอาหารระหว่างการหุง หากเป็นสารเคลือบราคาถูก บางชนิดเมื่อเจอความร้อนสูงอาจสลายตัวกลายเป็นสารพิษ เช่น PFOA หรือ PTFE ซึ่งปล่อยไอระเหยเป็นพิษ ส่งผลกระทบต่อการทำงานของตับ ระบบฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคมะเร็ง

    2. ทิ้งข้าวไว้ในหม้อนานเกินไปหลังสุก

    การปล่อยให้ข้าวเย็นอยู่ในหม้อที่อุณหภูมิห้องเป็นเวลานาน เป็นสภาพแวดล้อมที่เหมาะสำหรับการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย Bacillus cereus ซึ่งไม่สามารถถูกทำลายได้หมดด้วยความร้อนในการอุ่นซ้ำ อาจทำให้เกิดอาหารเป็นพิษ เช่น ท้องเสียหรืออาเจียน หากมีการติดเชื้อในระบบทางเดินอาหารเรื้อรัง อาจทำให้เยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย ส่งผลต่อระบบภูมิคุ้มกัน และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่และลำไส้ตรงในระยะยาว

    3. ไม่ทำความสะอาดหม้อหุงข้าวเป็นประจำหรือทำผิดวิธี

    คราบอาหาร ไอน้ำ และสภาพปิดสนิทของหม้อหุงข้าว เป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและเชื้อราที่ดีเยี่ยม โดยเฉพาะบริเวณฝาหม้อและร่องระบายน้ำที่มักถูกละเลย หากไม่ทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ อาหารที่หุงในหม้อสกปรกอาจปนเปื้อนสารพิษจากเชื้อรา (Aflatoxin) ซึ่งเป็นหนึ่งในสารก่อมะเร็งตับที่ร้ายแรงที่สุด และได้รับการเตือนจากองค์การอนามัยโลก (WHO) แล้วว่าอันตรายจริงในระยะยาว

    4. ใช้ของมีคมสัมผัสกับผิวหม้อบ่อยครั้ง

    การใช้ช้อนโลหะ ตะเกียบปลายแหลม หรือแผ่นขัดที่หยาบขูดบริเวณด้านในของหม้อ อาจทำให้สารเคลือบกันติดหลุดลอกเร็วยิ่งขึ้น เสี่ยงต่อการปนเปื้อนของสารเคมี นอกจากนี้ หากหม้อชั้นในเคลือบบนฐานอะลูมิเนียม เมื่อผิวเคลือบหลุด อาหารอาจสัมผัสกับโลหะโดยตรง ซึ่งอาจเพิ่มโอกาสรับสารอะลูมิเนียมสะสมในร่างกาย ส่งผลให้ระบบประสาทเสื่อม ความจำถดถอย และอาจเชื่อมโยงกับโรคอัลไซเมอร์หรือความผิดปกติของระบบเผาผลาญ

    5. ใช้หม้อชั้นในที่ทำจากอะลูมิเนียมเปลือยหรือวัสดุคุณภาพต่ำ

    หม้อหุงข้าวราคาประหยัดบางรุ่นใช้หม้อชั้นในที่ไม่มีการเคลือบผิว เป็นอะลูมิเนียมล้วน ซึ่งมีโอกาสเกิดปฏิกิริยาออกซิไดซ์ได้ง่าย โดยเฉพาะเมื่อหุงอาหารที่มีฤทธิ์เป็นกรด เช่น น้ำพริก ต้มยำ หรือซุปเปรี้ยว อะลูมิเนียมอาจละลายปนเปื้อนในอาหาร และเมื่อสะสมในร่างกาย อาจกระทบตับ ระบบประสาท และการทำงานของลำไส้ อีกทั้งยังถูกตั้งข้อสงสัยว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับความผิดปกติของฮอร์โมน และเพิ่มความเสี่ยงต่อมะเร็งทางเดินอาหาร

    6. ใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าทำอาหารที่มีน้ำมันเยอะ เปรี้ยวจัด หรือแปลกจากที่ควรใช้

    แม้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าจะใช้งานได้หลากหลาย แต่การนำไปทำเมนูที่มีน้ำมันมาก ความเปรี้ยวสูง หรือส่วนผสมที่ไม่เหมาะสม อาจทำให้วัสดุภายในเสื่อมสภาพเร็ว และเสี่ยงต่อการปล่อยสารอันตรายเมื่อโดนความร้อนสูง ทั้งยังอาจทำให้หม้อเสียหายก่อนเวลาอันควร และส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

    บางคนใช้หม้อหุงข้าวไฟฟ้าในการทำอาหารหลากหลาย เช่น ต้มยำ ตุ๋นกระดูก หรือแม้แต่ผัดทอด แต่แท้จริงแล้วอาหารเหล่านี้ต้องใช้ระดับความร้อนและระยะเวลาการปรุงที่แตกต่างจากการหุงข้าว ซึ่งอาจทำให้สารเคลือบผิวด้านในหม้อเสียหายเร็วขึ้น

    โดยเฉพาะอาหารที่มีน้ำมันเยอะ มีฤทธิ์เป็นกรด หรือใส่เครื่องปรุงรสจัด อาจเกิดปฏิกิริยากับสารเคลือบหรือโลหะภายในหม้อ จนเกิดสารอันตราย เช่น อะคริลาไมด์ (acrylamide) หรือสารออกซิแดนต์ที่เป็นพิษ หากทำบ่อย ๆ และรับเข้าสู่ร่างกายในระยะยาว อาจเพิ่มความเสี่ยงของการอักเสบเรื้อรัง และโรคมะเร็งได้ในที่สุด

  • KUBET – ป่วยเข้าห้องฉุกเฉิน เพราะกิน “แตงโม” เฉลยจุดพลาดเล็กๆ ผลไม้ธรรมดากลายเป็นยาพิษ

    เตือนภัย เข้าห้องฉุกเฉินเพราะกิน “แตงโม” เฉลยจุดผิดพลาด ทำให้ผลไม้ธรรมดาๆ เกิดพิษ จนเกือบกลายเป็นฆาตกร

    แตงโม ถือเป็นผลไม้ยอดฮิตคลายร้อนในช่วงหน้าร้อน แต่แม้จะอร่อยชื่นใจ ก็มีข้อควรระวังที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากกินผิดวิธี อาจนำไปสู่ อาการป่วยรุนแรงหรือถึงขั้นอันตรายต่อชีวิตได้

    ตามรายงานจาก Sohu ประเทศจีน มีเหตุการณ์เตือนภัยเกี่ยวกับการกินแตงโมหลายกรณี เช่น:

    • หญิงวัยกลางคนในมณฑลเหอหนาน รู้สึกเวียนหัว คลื่นไส้ และท้องเสีย หลังจากกินแตงโมเพียงไม่กี่ชิ้น เธอต้องเข้ารับการรักษาฉุกเฉินที่โรงพยาบาล และพบว่าแตงโมที่กินอาจมีการเจือปนไนเตรต หรือเน่าเสียจากการปนเปื้อน

    • ครอบครัวคุณจางในมณฑลจี๋หลิน กินแตงโมที่แช่ไว้ในตู้เย็นเป็นเวลา 2 วัน แล้วเริ่มมีอาการป่วยตอนกลางดึก และถูกวินิจฉัยว่าเป็น โรคกระเพาะลำไส้อักเสบจากอาหารเป็นพิษ

    • คุณเฉินจากเมืองฝูโจว มีไข้สูงถึง 40.2°C หลังจากกินแตงโมแช่น้ำแข็งที่ทิ้งไว้ข้ามคืน เธอมีอาการช็อกและหมดสติจาก การติดเชื้อแบคทีเรียซัลโมเนลลา แต่โชคดีที่ได้รับการช่วยเหลือทันเวลา

    กรณีเหล่านี้เป็นเครื่องเตือนใจให้ระมัดระวังเรื่อง วิธีการเก็บรักษาและการบริโภคแตงโมอย่างถูกต้อง เพื่อหลีกเลี่ยงเหตุร้ายที่เกิดจากความประมาทชั่วขณะ

    ทำไมแตงโมกลายเป็นอาหารอันตราย?

    แม้แตงโมจะมีรสหวานฉ่ำ สดชื่น แต่ก็สามารถเน่าเสียและเป็นแหล่งเพาะเชื้อแบคทีเรียได้ง่าย โดยมีสาเหตุหลัก ๆ ดังนี้:

    1. การเก็บรักษาไม่เหมาะสม

    เมื่อแตงโมถูกหั่น ผิวสัมผัสของเนื้อแตงโมจะสัมผัสกับอากาศโดยตรง ทำให้เชื้อโรคเติบโตได้รวดเร็ว โดยเฉพาะในอุณหภูมิห้องที่เกิน 30°C ภายในไม่กี่ชั่วโมงแตงโมอาจส่งกลิ่นเหม็นหรือมีลักษณะเหนียว

    คำแนะนำ: หลังจากหั่น ควรห่อด้วยพลาสติกแรปแล้วแช่ตู้เย็นทันที และกินให้หมดภายใน 24 ชั่วโมง

    2. การปนเปื้อนข้ามจากอุปกรณ์ครัว

    ตามคำแนะนำจาก รศ.ดร. เหงียน ซวี ถินห์ (มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีฮานอย) ระบุว่า หากใช้เขียงหรือมีดที่ไม่สะอาด เช่น เพิ่งใช้หั่นเนื้อดิบหรือผักดิบ แล้วนำมาหั่นแตงโมต่อ อาจทำให้แตงโมปนเปื้อนเชื้อแบคทีเรียอย่าง อีโคไล (E.coli)

    คำแนะนำ: ควรล้างอุปกรณ์ทุกชิ้นให้สะอาด และถ้าเป็นไปได้ ควรลวกด้วยน้ำร้อนก่อนใช้งาน

    3. ปัญหาคุณภาพแตงโม

    แตงโมที่มีความเสียหายระหว่างปลูก เก็บเกี่ยว หรือขนส่ง อาจมีรอยช้ำหรือเน่าเสียภายในแม้ภายนอกดูปกติ เช่น การถูกแมลงเจาะส่งผลให้เนื้อข้างในเน่า

    คำแนะนำ: ควรเลือกแตงโมที่เปลือกเรียบ ไม่มีรอยตำหนิหรือรอยบาด

    กินแตงโมอย่างไรให้ปลอดภัย

    1. เลือกแตงโมสดใหม่: เปลือกควรเรียบ ต้นขั้วสีเขียว เสียงเคาะควรแน่นและทึบ

    2. ล้างอุปกรณ์ก่อนหั่น: ใช้น้ำร้อนฆ่าเชื้อมีดและเขียงก่อนใช้งาน

    3. แช่เย็นอย่างถูกวิธี: หากกินไม่หมด ให้ห่อด้วยพลาสติกและแช่เย็นทันที

    4. กลุ่มเสี่ยงควรระวัง:

      • ผู้ป่วยเบาหวานควรกินแตงโมในปริมาณจำกัด

      • ผู้มีระบบย่อยอาหารอ่อนแอไม่ควรกินแตงโมแช่เย็นจัด

    หน้าร้อนเป็นฤดูที่เสี่ยงต่ออาหารเป็นพิษ เนื่องจากอุณหภูมิสูงและความชื้นมาก อาหารเน่าเสียง่าย วิธีป้องกันคือ :

    • เลือกซื้ออาหารจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบวันหมดอายุ

    • แยกเก็บอาหารดิบและอาหารสุก

    • ควบคุมอุณหภูมิตู้เย็น (ไม่เกิน 4°C) และช่องแช่แข็ง (ต่ำกว่า -18°C)

    • ล้างมือก่อน/หลังทำอาหาร ใช้เขียงและมีดแยกกันระหว่างอาหารดิบกับสุก

    • หลีกเลี่ยงอาหารริมทางหรืออาหารเย็นที่ไม่สะอาด