KUBET – 4 อาหารที่คุ้นเคย แต่ “ไม่ควรกินคู่กับเต้าหู้” เสี่ยงกระทบต่อสุขภาพ หลายคนยังปรุงรวมกัน!

เปิดชื่อ 4 อาหาร ที่ควรเลี่ยงรับประทานร่วมกับ “เต้าหู้” เสี่ยงกระทบต่อสุขภาพ ย่อยยาก-ดูดซึมแคลเซียมไม่ดี

เต้าหู้นับเป็นวัตถุดิบยอดนิยมในอาหารไทยและเอเชีย ด้วยราคาย่อมเยา เต็มไปด้วยสารอาหาร และสามารถนำไปประกอบอาหารได้หลากหลาย ทั้งแบบผัด ทอด ต้ม หรือนึ่ง โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก เต้าหู้ถือเป็นตัวเลือกที่ดีเพราะมีแคลอรี่ต่ำและอุดมไปด้วยโปรตีนจากพืช

ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการระบุว่า เต้าหู้อุดมไปด้วยโปรตีนพืชคุณภาพสูง ช่วยเสริมสร้างกล้ามเนื้อ ฟื้นฟูร่างกาย และยังมีใยอาหารที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร ลดคอเลสเตอรอล และลดความเสี่ยงของโรคหัวใจ อีกทั้งยังมีแร่ธาตุสำคัญ เช่น แคลเซียม ธาตุเหล็ก และสังกะสี ที่ช่วยบำรุงกระดูก เลือด และระบบภูมิคุ้มกัน

อย่างไรก็ตาม แม้เต้าหู้จะเป็นอาหารที่มีประโยชน์มาก แต่การรับประทานร่วมกับอาหารบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อระบบย่อยอาหารหรือการดูดซึมสารอาหารได้เช่นกัน ดังนี้

1. กุ้ง

กุ้งและเต้าหู้ต่างเป็นแหล่งโปรตีนและแคลเซียมชั้นเยี่ยม แต่เมื่อนำมารับประทานร่วมกัน อาจส่งผลให้ระบบย่อยอาหารทำงานหนักขึ้น เกิดอาการแน่นท้อง ท้องอืด หรือย่อยยาก โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่มีระบบย่อยอาหารไวหรือมีปัญหาทางเดินอาหาร

2. ผักโขม

ผักโขมมีธาตุเหล็กและวิตามินสูง แต่ก็มีกรดออกซาลิก (Oxalic acid) ซึ่งอาจทำปฏิกิริยากับแคลเซียมในเต้าหู้ กลายเป็นแคลเซียมออกซาเลต ซึ่งไม่สามารถดูดซึมได้ และอาจตกค้างในร่างกาย ก่อให้เกิดผลเสียต่อไตหรือระบบย่อยอาหาร ดังนั้นจึงไม่ควรรับประทานผักโขมและเต้าหู้ร่วมกัน

3. น้ำผึ้ง

แม้น้ำผึ้งจะมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและอุดมด้วยวิตามิน แต่การรับประทานร่วมกับเต้าหู้อาจเกิดปฏิกิริยาระหว่างโปรตีนในเต้าหู้กับสารบางชนิดในน้ำผึ้ง ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ยากขึ้น เสี่ยงต่อการระคายเคืองระบบย่อยหรือท้องเสีย

4. หน่อไม้

หน่อไม้เป็นอาหารที่หลายคนโปรดปราน แต่ก็มีกรดออกซาลิกสูงเช่นเดียวกับผักโขม เมื่อรับประทานร่วมกับเต้าหู้ซึ่งมีแคลเซียมอยู่มาก อาจลดประสิทธิภาพในการดูดซึมแคลเซียม และส่งผลเสียต่อการบำรุงกระดูกในระยะยาว

ข้อควรระวังในการบริโภคเต้าหู้

แม้เต้าหู้จะเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่ก็ควรบริโภคอย่างพอดี เนื่องจากมีสารไฟโตเอสโตรเจน (Phytoestrogen) ซึ่งมีโครงสร้างคล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจน หากรับประทานมากเกินไป อาจรบกวนสมดุลฮอร์โมนในร่างกาย โดยเฉพาะในผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับฮอร์โมน เช่น มะเร็งเต้านมหรือเนื้องอกในมดลูก

นอกจากนี้ เต้าหู้ที่ไม่ได้ผ่านการแปรรูปอย่างเหมาะสมอาจมีสารที่รบกวนการย่อยอาหาร เช่น กรดไฟติก และเอนไซม์ต้านทริปซิน ซึ่งหากรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้การดูดซึมสารอาหารบางชนิดลดลง

ท้ายที่สุด “เต้าหู้” ยังคงเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ แต่การจับคู่กับอาหารบางชนิด เช่น กุ้ง ผักโขม น้ำผึ้ง และหน่อไม้ อาจส่งผลกระทบต่อระบบย่อยอาหารและการดูดซึมแร่ธาตุของร่างกาย ดังนั้น ควรใส่ใจในการเลือกเมนูประกอบเพื่อให้ได้รับประโยชน์จากเต้าหู้อย่างเต็มที่ และปลอดภัยต่อสุขภาพในระยะยาว

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *