ผู้เขียน: admin

  • KUBET – “ไขมันไตรกลีเซอไรด์สูง” ห้ามกินอะไร และอาหารอะไรที่ควรรับประทาน

    “ไตรกลีเซอไรด์” เป็นไขมันชนิดหนึ่งที่ไหลเวียนอยู่ในกระแสเลือด เป็นไขมันชนิดที่พบได้บ่อยที่สุดในร่างกาย และเป็นแหล่งพลังงานหลัก ไตรกลีเซอไรด์มาจากอาหาร เช่น เนย น้ำมัน เนื้อสัตว์ ผลิตภัณฑ์นม และไขมันอื่นๆ ร่างกายใช้ไตรกลีเซอไรด์บางส่วนเพื่อเป็นพลังงานทันที ในขณะที่เก็บส่วนอื่นๆ ไว้ใช้ในภายหลัง ร่างกายยังสร้างไตรกลีเซอไรด์เองในตับ แม้ว่าไตรกลีเซอไรด์จะจำเป็นต่อสุขภาพที่ดี แต่ระดับที่สูงก็สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองได้ ระดับไตรกลีเซอไรด์ในเลือดที่แข็งแรงคือต่ำกว่า 150 มิลลิกรัมต่อเดซิลิตร (mg/dL)

    อาหารและเครื่องดื่มใดบ้างที่เพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์?

    การรับประทานอาหารที่มีไขมัน น้ำตาล หรืออาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) สูง อาจเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ ตามรายงานในปี พ.ศ. 2564

    ไขมันอิ่มตัว

    ไขมันอิ่มตัวเป็นไขมันชนิดที่ไม่ดีต่อสุขภาพ สามารถเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล LDL และระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ พบได้ในอาหารที่มาจากสัตว์ เช่น

    • เนื้อวัว
    • เนื้อแกะ
    • เนื้อหมู
    • สัตว์ปีก
    • เนย
    • ชีส
    • ไขมันหมูและครีม
    • ไอศกรีม

    ไขมันทรานส์

    ไขมันทรานส์เป็นไขมันชนิดที่ไม่ดีต่อสุขภาพอีกชนิดหนึ่ง เพิ่มระดับคอเลสเตอรอล LDL และไตรกลีเซอไรด์ และลดระดับคอเลสเตอรอล HDL ไขมันทรานส์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติอาจมีไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพในปริมาณเล็กน้อย ไขมันทรานส์เทียมในอาหารแปรรูปมีไขมันที่ไม่ดีต่อสุขภาพในปริมาณที่สูงกว่า

    อาหารที่มีไขมันทรานส์ ได้แก่

    • อาหารทอด เช่น โดนัทและเฟรนช์ฟรายส์
    • ขนมอบ
    • พิซซ่าแช่แข็ง
    • มาร์การีนชนิดแท่ง

    อาหารและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล

    น้ำตาลบางส่วนที่คุณบริโภคจะกลายเป็นไตรกลีเซอไรด์ในร่างกายของคุณ อาหาร เช่น ผลไม้ทั้งลูกมีน้ำตาลธรรมชาติและเส้นใย ซึ่งสามารถเป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพื่อสุขภาพได้ แต่อาหารที่มีน้ำตาลเติมในปริมาณมากจะทำให้ไตรกลีเซอไรด์สูงขึ้น ตัวอย่างของอาหารเหล่านี้ ได้แก่:

    • ลูกอม
    • เค้ก
    • คุกกี้
    • พาย
    • ขนมอบ
    • โดนัท
    • ไอศกรีม

    เครื่องดื่มที่มีน้ำตาล ได้แก่

    • น้ำอัดลม
    • กาแฟปรุงรส
    • เครื่องดื่มสำหรับนักกีฬา
    • น้ำปรุงแต่งรส
    • น้ำผลไม้

    อาหารที่มีแคลอรี่สูง

    อาหารที่มีแคลอรี่สูงสามารถเพิ่มไตรกลีเซอไรด์และทำให้น้ำหนักเพิ่มขึ้นได้ ตัวอย่างได้แก่:

    • อาหารแปรรูป เช่น เบคอนและซาลามี่
    • อาหารจานด่วน
    • อาหารทอด
    • อาหารบรรจุหีบห่อ เช่น มันฝรั่งทอดและช็อกโกแลต

    คาร์โบไฮเดรตขัดสี

    คาร์โบไฮเดรตขัดสีคือคาร์โบไฮเดรตแปรรูปที่ถูกกำจัดสารอาหารที่เป็นประโยชน์และเส้นใยออกไปจำนวนมาก สิ่งเหล่านี้ถูกเรียกว่าแคลอรี่ “ว่างเปล่า” เนื่องจากประกอบด้วยน้ำตาลและธัญพืชแปรรูปเป็นส่วนใหญ่

    อาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตขัดสีสูงจะเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ ตัวอย่างของอาหารเหล่านี้ ได้แก่

    • ขนมปังขาว
    • พาสต้าขาว
    • ข้าวขาว
    • ลูกอม
    • น้ำผึ้ง
    • น้ำเชื่อม
    • ซีเรียลอาหารเช้าขัดสี

    อาหารที่มีแป้ง

    แป้งหรือที่รู้จักกันในชื่อคาร์โบไฮเดรต “เชิงซ้อน” ประกอบด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และเส้นใย อาหารที่มีแป้งสามารถสนับสนุนสุขภาพของเราและให้สารอาหารที่สำคัญได้ อย่างไรก็ตาม การบริโภคอาหารที่มีแป้งในปริมาณมากสามารถเพิ่มไตรกลีเซอไรด์ได้ ตัวอย่างอาหารที่มีแป้ง ได้แก่

    • ขนมปัง
    • มันฝรั่ง
    • พาสต้า
    • บะหมี่
    • ซีเรียล
    • แครกเกอร์
    • ข้าว
    • ข้าวโพด

    แอลกอฮอล์

    การดื่มแอลกอฮอล์ 1 ออนซ์ต่อวัน สามารถเพิ่มระดับไตรกลีเซอไรด์ได้ 5–10% ตามรายงานเดียวกันในปี พ.ศ. 2564 การบริโภคแอลกอฮอล์มากเกินไปเกี่ยวข้องกับการเพิ่มขึ้นของไตรกลีเซอไรด์อย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในผู้ที่มีระดับไตรกลีเซอไรด์สูงอยู่แล้ว

    อาหารที่ช่วยลดไตรกลีเซอไรด์

    ทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพที่จะช่วยลดไตรกลีเซอไรด์ได้แก่

    • ขนมปังโฮลเกรน ซีเรียล และพาสต้า
    • ข้าวกล้องและข้าวป่า
    • ผัก เช่น ผักใบเขียว
    • เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น ไก่หรือไก่งวงไม่ติดหนัง
    • ปลาแซลมอนและปลาเทราต์
    • ข้าวโอ๊ต
    • ถั่วไม่ใส่เกลือ
    • เมล็ดพืช
    • เนยถั่ว
    • อะโวคาโด
    • พืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วแดงและถั่วเลนทิล
    • ผลิตภัณฑ์นมไขมันต่ำหรือไม่มีไขมัน เช่น นมและชีส
    • ผลไม้สด

     

  • KUBET – มะเร็งคร่าชีวิต ดาราสาววัย 39 ส่องโพสต์สุดท้ายยิ่งเศร้า จากไปทั้งที่ลูก 3 คนยังเล็ก

    บริษัทตัวแทนยืนยัน คิชิโมโตะ อาซึสะ นักแสดงหญิงวัย 39 ปี เสียชีวิตแล้วจากโรคมะเร็ง ทิ้งลูก 3 คน คนเล็กเพียง 4 ขวบ

    นักแสดงสาวชื่อดังจากญี่ปุ่น คิชิโมโตะ อาซึสะ เสียชีวิตจากโรคมะเร็งในวัย 39 ปี บริษัทตัวแทนของเธอ Oscar Communications ออกแถลงการณ์ยืนยันว่าเธอเสียชีวิตเมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ แต่ไม่ได้เปิดเผยสาเหตุการเสียชีวิตที่แน่ชัด ขณะเดียวกันข่าวการจากไปของเธอก็ทำให้แฟนๆ และเพื่อนในวงการบันเทิงตกใจอย่างมาก

    คิชิโมโตะ อาซึสะ เริ่มต้นอาชีพในวงการบันเทิงในปี 2000 ในฐานะสมาชิกวง “Angelique” (アンジェリーク) ที่มีสมาชิก 3 คน เธอเคยร่วมแสดงในรายการเช้าชื่อ “Zoom In!! SUPER” และระหว่างปี 2007 ถึง 2012 ได้เป็นผู้ดำเนินรายการวิทยุ “YAMAMAN presents MUSIC SALAD FROM U-kari STUDIO” โดยมีผลงานทั้งในวงการดนตรี, โทรทัศน์ และวิทยุ ซึ่งเธอเป็นที่รักของแฟนๆ ด้วยบุคลิกที่สดใสและเปิดเผย

    ในปี 2011 คิชิโมโตะ อาซึสะ แต่งงานกับแฟนหนุ่มนอกวงการบันเทิง ทั้งคู่มีลูกสาววัย 11 ขวบ และลูกชายวัย 7 และ 4 ขวบ

    เธอมักจะแบ่งปันภาพชีวิตครอบครัวในโซเชียลมีเดีย ก่อนที่ในเดือนเมษายนปีที่แล้วจะโพสต์ภาพลูกชายเข้าเรียน และในเดือนตุลาคมก็แชร์ช่วงเวลาที่ครอบครัวไปเที่ยวที่ยูนิเวอร์แซลสตูดิโอ

    ดูเหมือนเธอจะมีสุขภาพดีและไม่มีอาการผิดปกติ จนกระทั่งการจากไปอย่างกะทันหันในครั้งนี้ทำให้หลายคนรู้สึกตกใจและยากที่จะเชื่อ

    สื่อญี่ปุ่นคาดว่า คิชิโมโตะ อาซึสะ อาจเสียชีวิตจากการที่มะเร็งเกิดภาวะแทรกซ้อนอื่น หรืออาจพบโรคในระยะที่ไม่สามารถรักษาได้แล้ว

    โดยมีแฟนๆ หลายคนแสดงความเสียใจในโซเชียลมีเดียของเธอ การอัปเดตครั้งล่าสุดของเธอในสื่อสังคมออนไลน์เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม 2024 ซึ่งเธอได้แชร์ภาพถ่ายกับลูกชายที่สวนสนุก โดยไม่คาดคิดว่าภาพนั้นจะเป็นภาพสุดท้ายที่เธอฝากไว้ให้กับแฟนๆ

  • KUBET – “ปุ้ย L.กฮ.” เผยสถานะล่าสุดกับ “ลำไย ไหทองคำ” ฝ่ายหญิงเคลื่อนไหวทันที

    โพสต์รูปคู่อีกครั้งหลังจากผ่านพ้นดราม่าต่างๆ สำหรับ ปุ้ย L.กฮ. กับนักร้องสาว ลำไย ไหทองคำ พร้อมเผยสถานะที่ได้ตัดสินใจด้วยกันทั้งสองฝ่าย

    โดย ปุ้ย L.กฮ. โพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กส่วนตัวว่า “ผมกับน้องลำไยเราตกลงเป็นพี่น้องกันนะครับ ผมในฐานะลูกชายคนโตของแม่แดง ยังช่วยเหลือ ไปมาหาสู่ดูแลกันเหมือนเดิมครับ ก็จะทำหน้าที่ทุกอย่างเหมือนเดิม ยกเว้นหน้าที่แฟนครับ

    ขอบคุณทุกๆกำลังใจนะครับ ผมขอน้อบรับทุกๆความคิดเห็นจากทุกๆคนครับ

    ลำใย ไหทองคำ ‘ต่อไปถ้าดื้อก็ตีกับไม้เรียวได้แล้วครับ เพราะเขาเป็นน้องสาวผมแล้ว’”

    ซึ่งต่อมา ลำไย ไหทองคำ ก็ได้เข้ามาคอมเมนต์ตอบกลับเป็นสติ๊กเกอร์รูปหัวใจในทันที

  • KUBET – เปิดเคล็ดลับอายุยืน ชายวัย 93 กินผลไม้ชนิดนี้ทุกเช้า ที่ไทยหาง่าย แถมราคาถูก

    เปิดเคล็ดลับอายุยืน ผู้ก่อตั้งบริษัทระดับโลก วัย 93 ปี แค่กินผลไม้ชนิดนี้ทุกเช้า ดีต่อทั้งน้ำตาลในเลือดและหัวใจ

    มอร์ริส จาง ผู้ก่อตั้งบริษัท Taiwan Semiconductor Manufacturing Co (TSMC) คือผู้วางรากฐานให้กับโรงงานผลิตชิปเซมิคอนดักเตอร์แห่งแรกและใหญ่ที่สุดในโลก

    แม้จะอายุ 93 ปีแล้ว แต่เขายังคงเป็นที่ชื่นชม ไม่เพียงเพราะความสำเร็จอันยิ่งใหญ่ แต่ยังรวมถึงสุขภาพที่แข็งแรงและวินัยในการใช้ชีวิต แม้กาลเวลาจะเปลี่ยนไป แต่สายตาของเขายังคงเฉียบแหลม ความคิดยังคงเฉียบคม และสติปัญญายังคงแจ่มใส

    ท่ามกลางวิสัยทัศน์อันกว้างไกลและความสำเร็จทางธุรกิจมากมาย หลายคนต่างสงสัยว่าอะไรคือเคล็ดลับที่ทำให้เขาสามารถทำงานอย่างต่อเนื่องได้เป็นเวลาหลายทศวรรษ ภายใต้ภาระงานมหาศาลและแรงกดดันจากการตัดสินใจครั้งสำคัญ

    อะไรคือกุญแจสู่สุขภาพที่แข็งแรงและอายุยืนของเขา?

    นอกเหนือจากหลักการสำคัญอย่างการออกกำลังกายเป็นประจำ การรับประทานอาหารที่สมดุล และการบริหารเวลาการทำงานและการพักผ่อนอย่างมีระบบ ครอบครัวยังเผยว่า มอร์ริส จาง มีนิสัยกิน “มะละกอสุก” เป็นอาหารเช้าทุกวัน

    Jess Loiterton

    มะละกอ อัดแน่นด้วยสารอาหารสำคัญ

    มะละกอเป็นผลไม้ที่คุ้นเคยและมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างมาก แคลอรีส่วนใหญ่ในมะละกอมาจากคาร์โบไฮเดรต โดยมะละกอ 145 กรัม ให้พลังงานประมาณ 62 แคลอรี ประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 16 กรัม ซึ่งรวมถึงใยอาหาร 2.5 กรัม และน้ำตาลธรรมชาติประมาณ 11 กรัม นอกจากนี้ มะละกอยังมีค่าดัชนีน้ำตาล (GI) อยู่ที่ 60 และค่าภาระน้ำตาล (GL) ประมาณ 9 ที่สำคัญคือ มะละกอมีไขมันต่ำมาก โดยมีไม่ถึง 1 กรัมต่อหนึ่งหน่วยบริโภค

    นอกจากเป็นแหล่งพลังงานที่ดีแล้ว มะละกอยังอุดมไปด้วยวิตามินซี โดยในมะละกอ 145 กรัม มีวิตามินซีสูงถึง 88.3 มิลลิกรัม ซึ่งเพียงพอสำหรับความต้องการต่อวันของผู้ใหญ่ (75-90 มิลลิกรัม) อีกทั้งยังอุดมไปด้วยวิตามินเอ และโดดเด่นด้วยไลโคปีน แคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นสารสำคัญที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ

    ประโยชน์ของมะละกอต่อสุขภาพ

    ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่หลากหลาย มะละกอไม่เพียงแต่ให้พลังงาน แต่ยังช่วยเสริมสร้างและปกป้องสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะวิตามินที่มีอยู่ในมะละกอ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้เซลล์แข็งแรง

    ช่วยให้ผิวสวย เปล่งปลั่งขึ้น

    วิตามินซีในมะละกอมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ซึ่งจำเป็นต่อความยืดหยุ่นและการฟื้นฟูของผิว ด้วยปริมาณวิตามินซีที่สูง มะละกอช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัยและเสริมสร้างสุขภาพผิว นอกจากนี้ โพแทสเซียมที่มีอยู่ยังช่วยเติมความชุ่มชื้น ลดปัญหาผิวแห้งและหมองคล้ำ

    การผสานระหว่างวิตามิน A และ C ในมะละกอ ทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดผลกระทบจากอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของริ้วรอยก่อนวัย

    บำรุงสายตา

    มะละกอเป็นแหล่งของ เบตาแคโรทีน ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งของวิตามิน A ที่ช่วยบำรุงสายตาให้แข็งแรง งานวิจัยพบว่า ร่างกายสามารถดูดซึมเบตาแคโรทีนจากมะละกอได้ดีกว่าแครอทและมะเขือเทศถึง 3 เท่า

    สำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงต่อภาวะจอประสาทตาเสื่อมจากอายุที่เพิ่มขึ้น การได้รับเบตาแคโรทีนอย่างเพียงพอสามารถช่วยชะลอการเสื่อมของดวงตาได้ การเลือกรับประทานอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามิน A อย่างมะละกอจึงเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยและมีประสิทธิภาพในการดูแลสายตา

    ปรับสมดุลลำไส้และช่วยป้องกันมะเร็ง

    เช่นเดียวกับผักและผลไม้หลายชนิด มะละกอมีใยอาหารสูง ช่วยกระตุ้นระบบย่อยอาหารและปรับสมดุลการทำงานของลำไส้ นอกจากนี้ยังมีเอนไซม์ ปาเปน (Papain) ที่ช่วยย่อยโปรตีน ทำให้ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้ดีขึ้น

    มีการศึกษาพบว่า ปาเปน อาจช่วยให้ผู้ที่แพ้กลูเตน (แต่ไม่ได้เป็นโรคเซลิแอค) สามารถย่อยกลูเตนได้ดีขึ้นเมื่อรับประทานร่วมกับเอนไซม์จากมะละกอและจุลินทรีย์ อีกทั้งยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้นโดยไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง

    นอกจากนี้ มะละกอยังอุดมไปด้วย โฟเลต เซลลูโลส ไฟเบอร์ และสารต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการป้องกันมะเร็งลำไส้ใหญ่และช่วยลดปัญหาท้องผูก

    ดีต่อหัวใจ ควบคุมน้ำตาล และช่วยรักษาน้ำหนัก

    ไฟเบอร์ในมะละกอไม่เพียงช่วยระบบย่อยอาหาร แต่ยังมีประโยชน์ต่อหัวใจ โดยช่วยควบคุมระดับคอเลสเตอรอลในร่างกาย นอกจากนี้ มะละกอยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุสำคัญ เช่น โพแทสเซียม แมกนีเซียม และกรดแพนโทธีนิก ซึ่งล้วนมีบทบาทในการรักษาสุขภาพหัวใจให้แข็งแรง

    นอกจากนี้ มะละกอยังช่วยให้อิ่มนาน จึงมีส่วนช่วยควบคุมน้ำหนัก ซึ่งส่งผลดีต่อการลดความเสี่ยงของโรคหัวใจและปัญหาน้ำตาลในเลือดที่เกี่ยวข้องกับโรคอ้วน

    ข้อควรระวังในการรับประทานมะละกอบ่อยๆ

    ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกระเพาะอาหารหรือกำลังอยู่ในภาวะหิว ไม่ควรรับประทานมะละกอดิบ เนื่องจากเนื้อสัมผัสที่แข็งและแห้ง อาจทำให้กระเพาะอาหารต้องทำงานหนักขึ้น ส่งผลให้รู้สึกไม่สบายหรือเกิดอาการปวด

    อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มีปัญหากระเพาะอาหารสามารถรับประทานมะละกอสุกในรูปของสมูทตี้หลังมื้ออาหาร เพื่อหลีกเลี่ยงการระคายเคือง เนื่องจากมะละกอสุกมีเนื้อนุ่ม ย่อยง่าย ไม่เพิ่มภาระให้กระเพาะอาหาร อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการระคายเคืองและสมานแผลในกระเพาะอาหาร นอกจากนี้ มะละกอสุกยังอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกาย

  • KUBET – ยุงกวนตอนนอน ตื่นมาเปิดไฟหาก็ไม่เจอ แนะวิธีเด็ดจัดการได้อยู่หมัด จะกี่ครั้งก็ได้ผล

    นอนๆ อยู่โดนยุงกวน ตื่นมาเปิดไฟหาก็ไม่เจอ น่าหงุดหงิด! ชาวไต้หวันแนะวิธีเด็ด จัดการได้อยู่หมัด ใช้กี่ครั้งก็ได้ผล

    นอนๆ อยู่โดนยุงกวน ตื่นมาแม้ไม่โดนกัด แต่ก็กลัวว่าจะโดนอีกจนหลับไม่สนิท หลายคนบ่นว่าเสียงยุงบินตอนปิดไฟเป็นอะไรที่น่ารำคาญที่สุด เปิดไฟหาก็ไม่เจอ แต่มีคนลองแล้วได้ผล! แค่เปิดไฟห้องนั่งเล่น ปิดไฟห้องนอน แล้วรอประมาณ 5–10 นาที ยุงก็มักจะบินออกไปเอง เจ้าตัวบอกว่า “ใช้วิธีนี้ทีไร ได้ผลทุกครั้ง!”

    เจ้าของโพสต์ตั้งกระทู้บน Dcard ถามว่า “จะจัดการยุงบินข้างหูตอนนอนได้ยังไงให้เร็วที่สุด?” เพราะทุกครั้งที่ปิดไฟนอน สิ่งที่น่ารำคาญที่สุดคือเสียงหึ่งๆ ของยุง แต่พอเปิดไฟกลับหาตัวไม่เจอ แถมดึกๆ ก็ฉีดยาฆ่าแมลงไม่ได้อีกด้วย!

    หลังจากลองมาหลายวิธี เขาพบว่า ถ้ามียุงในห้อง แค่เปิดประตูห้องนอน ปิดไฟในห้อง แล้วเปิดไฟในห้องนั่งเล่นหรือด้านนอก รอประมาณ 5–10 นาที ยุงก็มักจะบินออกไปเอง จากนั้นก็ปิดไฟข้างนอก รีบกลับเข้าห้องแล้วปิดประตู วิธีนี้ใช้แล้วได้ผลทุกครั้งสำหรับเขา แต่ไม่แน่ใจว่าคนอื่นจะเวิร์กไหม ลองดูได้

    โพสต์นี้เรียกเสียงฮือฮาจากชาวเน็ต ต่างพากันแชร์เคล็ดลับกำจัดยุงกันใหญ่ “ผมจะปิดไฟก่อน พอได้ยินเสียงหึ่งๆ ก็รีบเปิดไฟ ยุงมักจะเกาะอยู่บนผนังใกล้ๆ หู จากนั้นก็จัดการได้เลย” บางคนบอกว่า “ยุงชอบแสง ถ้าเปิดไฟไว้ เดี๋ยวมันก็บินไปเอง” แต่มีวิธีสุดโหดที่มีคนลองแล้วได้ผล (ครั้งเดียว) “พอได้ยินเสียงหึ่งๆ ปุ๊บ ตบตัวเองเต็มแรง แล้วดันฆ่ายุงได้จริง!”

    ชาวเน็ตยังแนะนำวิธีไล่ยุงอื่นๆ เช่น ใช้เครื่องไล่ยุงไฟฟ้า สเปรย์กันยุง หรือพัดลม “เครื่องไล่ยุงแบบน้ำของ Raid (ถ้ามีแมวไม่ควรใช้) เปิดทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงก่อนนอน ปิดประตูให้มิด” บางคนแนะนำว่า “ทาเซียงเพียวตรงหู ได้ผลสุดๆ!” หรือ “สเปรย์กันยุงของญี่ปุ่น แค่ฉีดครั้งเดียว ยุงร่วงหมด” และอีกหนึ่งทริค “ไม่อยากได้ยินเสียงยุง? เปิดเครื่องไล่ยุงไฟฟ้าสักชั่วโมงก่อนนอน แล้วค่อยปิดตอนจะหลับ”

  • KUBET – เจ้าชายเฟรเดอริกแห่งลักเซมเบิร์ก สิ้นพระชนม์ในวัย 22 ปี หลังต่อสู้โรคหายากมายาวนาน

    ลักเซมเบิร์กเศร้า สูญเสีย “เจ้าชายเฟรเดอริก” สิ้นพระชนม์ในวัย 22 ปี หลังต่อสู้กับโรคทางพันธุกรรมหายากมายาวนาน

    เจ้าชายโรเบิร์ตแห่งลักเซมเบิร์ก ได้ประกาศข่าวเศร้าของการจากไปของพระโอรสองค์เล็ก เจ้าชายเฟรเดอริกแห่งนัสเซา ในวัย 22 ปี โดยเจ้าชายเฟรเดอริกได้สิ้นพระชนม์ เมื่อวันที่ 1 มีนาคม ที่ผ่านมา หลังจากต่อสู้กับโรคทางพันธุกรรมหายาก POLG Mitochondrial Disease มาอย่างยาวนาน

    เจ้าชายโรเบิร์ตได้แสดงความเสียพระทัยผ่านข้อความที่ถูกโพสต์บนเว็บไซต์ POLG Foundation ซึ่งเป็นมูลนิธิที่ก่อตั้งโดยเจ้าชายเฟรเดอริก เพื่อต่อสู้หาวิธีรักษาและหาทางรักษาโรค POLG

    โรค POLG เป็นโรคทางพันธุกรรมหายากที่ทำลายพลังงานในเซลล์ของร่างกาย ส่งผลให้เกิดการทำงานของอวัยวะหลายส่วนล้มเหลวอย่างค่อยเป็นค่อยไป มูลนิธิอธิบายว่าอาการของโรคสามารถทำให้อวัยวะต่างๆ เช่น สมอง ตับ ลำไส้ และกล้ามเนื้อ รวมถึงการกลืนอาหาร ล้มเหลว

    เจ้าชายเฟรเดอริก เกิดมาพร้อมกับโรคนี้ แต่การวินิจฉัยอย่างเป็นทางการเกิดขึ้นเมื่ออายุ 14 ปี เมื่ออาการของพระองค์ทรุดลง

    ในแถลงการณ์จาก เจ้าชายโรเบิร์ต อายุ 69 ปี และ เจ้าหญิงจูลี่แห่งนัสเซา อายุ 64 ปี ทั้งสองพระองค์ได้เผยถึงช่วงเวลาสุดท้ายที่เจ็บปวดของพระโอรส ซึ่งรวมถึงการกล่าวคำลาครั้งสุดท้ายกับพ่อแม่และพี่น้องสองคน เจ้าหญิงชาร์ล็อตแห่งนัสเซา อายุ 29 ปี และ เจ้าชายอเล็กซานเดรแห่งนัสเซา อายุ 27 ปี

    แถลงการณ์ระบุว่า “ด้วยใจที่หนักหน่วงมาก ภรรยาของข้าพเจ้ากับข้าพเจ้าขอแจ้งข่าวการจากไปของลูกชายของเรา ผู้ก่อตั้งและผู้อำนวยการฝ่ายสร้างสรรค์ของมูลนิธิ POLG, เฟรเดอริก”

    เจ้าชายโรเบิร์ต เผยว่า ลูกชายอันเป็นที่รักของพระองค์ได้กล่าวคำลาในวันโรคหายาก ซึ่งจัดขึ้นในวันสุดท้ายของเดือนกุมภาพันธ์ เพื่อส่งเสริมการตระหนักรู้และสนับสนุนการวิจัยเกี่ยวกับโรคหายาก

    “เมื่อวันศุกร์ที่ 28 กุมภาพันธ์ ในวันโรคหายาก ลูกชายอันเป็นที่รักของเราขอให้เราไปที่ห้องของเขาเพื่อพูดคุยเป็นครั้งสุดท้าย” 

    “เฟรเดอริกพบกำลังใจและความกล้าที่จะกล่าวคำลาทุกคนทีละคน พี่ชายของเขา อเล็กซานเดร, น้องสาวของเขา ชาร์ล็อต, ตัวข้าพเจ้าเอง, ลูกพี่ลูกน้องทั้งสามของเขา ชาร์ลีย์, หลุยส์ และโดนัลล์, พี่เขย มานซูร์ และในที่สุด ป้า ชาร์ล็อต และลุงมาร์ก”

    “เขาได้พูดทุกอย่างที่อยู่ในใจให้กับแม่อันยอดเยี่ยมของเขา ซึ่งไม่เคยทิ้งเขาไปไหนในระยะเวลา 15 ปี หลังจากมอบคำลาครั้งสุดท้ายให้กับแต่ละคน บางคำก็อ่อนโยน บางคำก็มีปัญญา และบางคำก็ให้ข้อคิด ด้วยสไตล์ของเฟรเดอริก เขาทิ้งมุกตลกที่เป็นตำนานของครอบครัวเราไว้กับเราเป็นครั้งสุดท้าย”

    “แม้ในช่วงเวลาสุดท้ายของเขา ความตลกขบขันและความเมตตาไร้ขอบเขตของเขาทำให้เขาทิ้งรอยยิ้มสุดท้ายให้เรา เพื่อทำให้เราทุกคนมีความสุข”

    เจ้าชายโรเบิร์ตได้แสดงความเสียใจเกี่ยวกับการเดินทางต่อสู้กับโรคของพระโอรส ซึ่งพระองค์กล่าวว่าเจ้าชายเฟรเดอริกได้ต่อสู้ด้วยความกล้าหาญจนถึงที่สุด

    “นี่คือลมหายใจของการต่อสู้ที่เฟรเดอริกต้องเผชิญ และนี่คือภาระที่เขาต้องแบกรับตลอดชีวิต” 

    “เขาทำทุกอย่างด้วยความสง่างามและอารมณ์ขัน เมื่อเราถามเขาว่าอยากจะสร้างมูลนิธิเพื่อค้นหาวิธีรักษาและช่วยเหลือผู้ที่เหมือนเขาหรือไม่ เขากระโดดเข้าหาโอกาสนั้นทันที”

    “แม้ว่าเขาจะทำให้ชัดเจนว่าไม่ต้องการให้โรคร้ายนี้กำหนดตัวตนของเขา แต่เขาก็ยังคงเชื่อมโยงกับและช่วยกำหนดพันธกิจของมูลนิธิ POLG”

    เจ้าชายโรเบิร์ตยังยกย่องอารมณ์ขันที่น่าทึ่งของพระโอรส พร้อมทั้งความฉลาดทางอารมณ์และความเมตตาที่ไม่สามารถวัดได้

    “เขามีความรู้สึกยุติธรรม ความซื่อสัตย์ และความมีคุณธรรมที่ไม่จำกัด เขามีวินัยและความเป็นระเบียบที่เกินกว่าที่จะเชื่อได้”

    หนึ่งในความทรงจำที่หวานที่สุดที่พระองค์แบ่งปันเกี่ยวกับพระโอรส เจ้าชายเฟรเดอริกคือ “คนที่แข็งแกร่งที่สุด” ที่ครอบครัวและเพื่อนๆ รู้จัก

    สำหรับ เจ้าชายเฟรเดอริกแห่งนัสเซา เกิดที่เมืองอาเอ็กซ์-อ็อง-โพรว็องซ์ในประเทศฝรั่งเศส และเคยใช้ชีวิตในกรุงลอนดอน อังกฤษ ก่อนจะย้ายไปอยู่ที่สวิตเซอร์แลนด์ในปี 2004 พระองค์เข้าเรียนที่โรงเรียนนานาชาติในเจนีวา โรงเรียนประถมอีโคลอีเดน และโรงเรียนเซนต์จอร์จในคลาแรนส์

    ขณะที่ เจ้าชายโรเบิร์ตแห่งลักเซมเบิร์ก พระบิดา ทรงเป็นพระญาติชั้นแรกของแกรนด์ดยุคอองรีแห่งลักเซมเบิร์ก พระชันษา 69 ปี ซึ่งทรงประกาศสละราชสมบัติอย่างกะทันหันในเดือนธันวาคม 2567 เพื่อให้พระโอรส เจ้าชายกีโยม ที่มีพระชันษา 43 ปี ขึ้นครองราชย์แทน

  • KUBET – พี่สาวน้องชาย “สรัย วัชรพล” ลูกสาวบอสนิด อรพรรณ กับ “น้องนพ” ลูกชายนาเดีย โสณกุล

    นาเดีย ลงภาพลูกชาย น้องนพ ถ่ายคู่กับ พี่สาวคนสวย สรัย วัชรพล ลูกสาวบอสนิด อรพรรณ พี่น้องผูกพันเขาคิดถึงกัน  

    อดีตพิธีกรคนสวยรายการดาวกระจายค่ายโพลีพลัส นาเดีย  โสณกุล ภรรยาสุดที่รักของ ม.ล.อภิมงคล โสณกุล หลังแต่งงานไปเมื่อปี 2554 เธอได้เว้นวรรคจากการงานวงการบันเทิงเพื่อไปดูแลครอบครัวสามี และลูกๆ ทั้งสองคน คนโตลูกชาย น้องนพ-นพมงคล โสณกุล ณ อยุธยา วัย 13 ปี และคนเล็ก น้องโมนา-อภิญมงคล โสณกุล ณ อยุธยา วัย 6 ขวบ ต้องบอกว่าเป็นครอบครัวที่น่ารักและอบอุ่นมาก ไปไหนมา แทคทีมกันไป 4 คนพ่อแม่ลูก 

    ล่าสุด นาเดีย ลงภาพน่ารักความผูกพันของสองพี่น้องที่มาเจอกันอีกครั้ง สรัย วัชรพล พี่สาวคนสวยลูกคนโตของ บอสนิด-อรพรรณ วัชรพล คิดถึงน้องชาย น้องนพ ลูกชายนาเดีย จึงมาหาและได้ร่วมเฟรมกัน พร้อมกับเขียนแคปชั่นว่า “เค้าคิดถึงกัน” แฟนคลับหลายคนเห็นแล้วต่างกดไลก์กันรัวๆ เลยทีเดียว  

    ทั้งนี้ นาเดีย สนิทกับ บอสนิด อรพรรณ เพราะเคยทำงานเป็นพิธีกรในค่ายโพลีพลัส และสนิทกับ น้องสรัย วัชรพล เพราะเป็นสาวชิคๆ เหมือนกัน 

    เรียกว่าเป็นเฟรมคุณภาพเฟรมน่ารักมากจริงๆ  

  • KUBET – หญิงท่องเที่ยวทั่วโลก ไปมาแล้ว 60 ประเทศ ลั่นมีเพียงแห่งเดียวที่จะไม่ไปอีกครั้ง

    หญิงเดินทางไปมากกว่า 60 ประเทศแล้ว แต่มีเพียงแห่งเดียวที่จะไม่ไปอีกครั้ง อึ้งเป็นเมืองหลวงของประเทศดัง

    เว็บไซต์ New York Post รายงานเรื่องราวของ เจอรัลดีน โจควิม เธอเป็นนักเดินทางที่มีประสบการณ์มาก และเดินทางไปต่างประเทศประมาณ 4 ครั้งต่อปี และได้เยือนกว่า 60 ประเทศ อาทิ ยาป (Yap) เป็นหนึ่งในรัฐของสหพันธรัฐไมโครนีเซีย, บราซิล, โอกินาว่าในญี่ปุ่น, รัสเซีย, แอฟริกาใต้, ออสเตรเลีย, โมซัมบิก และอีกมากมาย

    ปีที่แล้วเธอเดินทางถึง 5 ครั้ง ไปเล่นสกีที่อันดอร์รา, ท่องซาฟารีที่แอฟริกาใต้, พักในวิลล่าที่อิตาลี, ดำน้ำที่ชาร์มเอลชีคในอียิปต์ และไปเที่ยวตลาดคริสต์มาสที่มองส์และบรูจส์ในเบลเยียม

    โจอาคิมจากเมืองเพ็ตเวิร์ธในเวสต์ซัสเซ็กซ์ ประเทศอังกฤษ กล่าวว่า “ฉันชอบเห็นสถานที่ใหม่ๆ ที่แตกต่างไปจากชีวิตปกติ รู้สึกเหมือนอยู่ในที่ที่หลากหลายและได้สัมผัสวัฒนธรรมที่น่าสนใจ ฉันคิดว่าการเป็นนักท่องเที่ยวในประเทศอื่นเป็นสิทธิพิเศษ”

    “ดังนั้นจึงสำคัญที่จะได้เห็นทั้งสิ่งดีและสิ่งที่ไม่ดีนัก โดยไม่คาดหวังให้มันถูกปรับให้สะอาดหรือสมบูรณ์แบบ มันยังทำให้ฉันยิ่งรู้สึกขอบคุณสิ่งที่มีที่บ้านมากขึ้น และเป็นสิ่งที่สามีกับฉันได้สนับสนุนให้ลูกสาวทั้งสองของเราลองสัมผัส”

    โจอาคิมเป็นนักบำบัดด้วยการสะกดจิตและโค้ชด้านสุขภาพ แต่เคยเดินทางเพื่อการทำงานเมื่อเธอทำงานด้านการตลาดระหว่างประเทศ ปัจจุบันเธอเดินทางเพื่อความสนุกสนานเท่านั้น

    “ฉันชอบที่จะสัมผัสประสบการณ์ที่หลากหลาย ทั้งการท่องเที่ยว กิจกรรม ชายหาด และวัฒนธรรม ฉันชอบรู้สึกว่าฉันอยู่ในที่ที่แตกต่าง ไม่ใช่แค่การนั่งอยู่ที่ชายหาดหรือพักในโรงแรมที่อาจจะเหมือนที่ไหนก็ได้ ฉันโชคดีที่ได้เดินทางไปยังที่ห่างไกลและที่ท่องเที่ยวยอดนิยม และพยายามเปิดใจเรียนรู้เกี่ยวกับวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น” เธอกล่าว

    แต่ถึงแม้เธอจะมีความหลงใหลในการเดินทาง โจอาคิมกลับไม่ชอบอยู่ห่างจากบ้านนานเกินไป การได้เข้าใจวัฒนธรรมและวิถีชีวิตที่แตกต่างไม่เพียงแต่ขยายขอบเขตของเรา แต่ยังช่วยให้เราชื่นชมสิ่งที่เรามีที่บ้าน

    “และจริงๆ แล้วฉันไม่ชอบการอยู่ห่างจากบ้านนานๆ เพราะความสะดวกสบายในบ้านและความคุ้นเคยจากการอยู่ในสภาพแวดล้อมของตัวเอง การได้พบเพื่อนและครอบครัว ฉันรู้ว่ามันฟังดูขัดกับการเดินทางที่ฉันทำ แต่ฉันก็คิดถึงสัตว์เลี้ยงของฉันด้วย ทั้งสุนัขสองตัวของเรา ซึ่งเป็นพันธุ์โรดีเซียน์ ริดจ์แบ็ค และแมวของเรา ชื่อฮันนี่ เมื่อฉันไม่อยู่ ดังนั้นการเดินทางบ่อยๆ แต่น้อยครั้งจึงเป็นทางเลือกที่ลงตัว”

    มีเพียงที่เดียวที่เธอจะไม่ไปอีกเลย นั่นคือกรุงการากัส เมืองหลวงของเวเนซุเอลา

    “มันคงเป็นหนึ่งในประสบการณ์การเดินทางที่แย่ที่สุดของฉัน ตอนนั้นฉันเดินทางไปทำงานจากมอนเตวิเดโอในอุรุกวัย และเที่ยวบินของฉันมาถึงในช่วงกลางคืน ฉันจองรถไว้สำหรับรับจากสนามบินไปยังโรงแรมในตัวเมืองเพื่อพักคืน ก่อนที่จะเดินทางไปยังเกาะอิสลามาร์การิตา ซึ่งเป็นเกาะเล็กๆ นอกชายฝั่ง” โจอาคิม กล่าว

    “มันดูเหมือนปกติจนกระทั่งฉันเริ่มรอรถรับ ฉันรอไปเรื่อยๆ และรอไปอีกหลายชั่วโมง จนสนามบินเล็กๆ เริ่มเงียบและฉันก็รู้ว่าเหลือแค่ฉันคนเดียว

    “โทรศัพท์ของฉันใช้ไม่ได้ เวลา 1 ทุ่มแล้วและไม่มีใครอยู่เลย จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินมาบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อพาฉันไปโรงแรม ฉันรู้สึกโล่งใจ แต่เมื่อฉันขึ้นรถไป กลับมีผู้ชายอีกคนหนึ่งนั่งอยู่ที่เบาะหน้าทำให้ความเครียดของฉันพุ่งขึ้นสูงมาก

    “ปกติแล้วฉันคงไม่ขึ้นรถกับผู้ชายแปลกหน้า 2 คนหรอก แต่ฉันไม่มีทางเลือก ฉันเลยหยิบมีดพับขนาดเล็กจากกระเป๋าถือและใช้มันตลอดการเดินทาง 30 นาทีโดยที่มือกำมันไว้แน่น”

    โชคดีที่เธอไปถึงโรงแรมที่เก่าผุพังโดยไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น เธอวางกระเป๋าไว้ที่หน้าประตูและนอนหลับไม่ค่อยสนิทในคืนนั้น

    ในวันถัดมา ขณะที่เธอจ่ายค่าแท็กซี่ที่สนามบิน ชายหนุ่มคนหนึ่งยกกระเป๋าของเธอแล้ววิ่งหนีไป เธอวิ่งตามไปจนรู้ว่าเขากำลังเสนอการเช็คอินแบบไม่เป็นทางการ โจอาคิมยอมเสียเงินบางส่วนและทำการเช็คอินเพื่อขึ้นเครื่องไปต่อ โชคดีที่การเดินทางกลับใช้เวลาหยุดพักที่สนามบินคารากัสไม่นานก่อนที่จะบินกลับบ้านที่สหราชอาณาจักร

  • KUBET – การตัดสินใจของลูกเขยหลังเมียตายไป 10 ปี แม่ยายร่ำไห้ คิดเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด!

    การตัดสินใจของลูกเขยหลังภรรยาเสียชีวิตไป 10 ปี ทำให้แม่ยายกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “แม่ก็คิดเหมือนกัน แต่ไม่กล้าพูด!”

    เว็บไซต์ Kenh14.vn รายงานเรื่องราวของ เต๋อเจี้ยน ชายวัย 40 ปี จากซินเจียง ประเทศจีน ที่ได้โพสต์เล่าเรื่องราวของเขาลง Weibo หลังจากเขาดูแลแม่ยายมานานกว่า 10 ปี การตัดสินใจของเขาหลังภรรยาเสียชีวิตไป 10 ปี ทำให้แม่ยายกลั้นน้ำตาไม่อยู่ 

    โดยระบุว่า “ผมอาศัยอยู่กับลูกสาวและแม่ยายในหมู่บ้านเล็กๆ แห่งหนึ่งในซินเจียง ผมทำงานเป็นพนักงานธนาคารในตัวเมือง ส่วนลูกสาวตอนนี้เรียนมัธยมต้น แม่ยายช่วยดูแลงานบ้านเป็นหลัก บางครั้งก็รับจ้างทำงานบ้านรายชั่วโมงหรือขายผักและไก่ที่เลี้ยงเอง เพื่อหารายได้เสริม

    ช่วงไม่กี่ปีมานี้ แม่ยายไม่ได้ออกไปทำงานนอกบ้านแล้ว เพราะอายุมากเกือบ 70 ปี ภรรยาของผม เสี่ยวฉิน เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อ 10 ปีก่อน ตอนนั้นพวกเราอาศัยอยู่กับแม่ยาย เธอเคยคิดจะย้ายออกไปหลังจากลูกสาวเสียชีวิต แต่ผมขอร้องให้เธออยู่ต่อ

    ผมไม่ได้สัญญาว่าจะดูแลเธออย่างดีที่สุด แต่ผมจะไม่มีวันปล่อยให้เธออด แม้ว่าบางวันผมจะมีแค่ผักกิน ผมก็จะแบ่งเนื้อให้เธอเสมอ

    อีกเหตุผลหนึ่งคือผมต้องการให้เธอช่วยดูแลลูกสาว ตอนนั้นลูกเพิ่งอายุแค่ 2 ขวบ และเราสองคนเพิ่งแต่งงานกันได้แค่ 2 ปี นอกจากนี้ ผมมั่นใจว่านี่คือสิ่งที่ภรรยาผมต้องการ

    แม่ยายเป็นคนจิตใจดี ผมรักและเคารพเธอเหมือนเป็นแม่แท้ๆ เพราะผมเองก็เป็นเด็กกำพร้า ครอบครัวของเสี่ยวฉินก็คือครอบครัวของผมเช่นกัน ตลอด 10 ปีที่ผ่านมา พวกเราสามคนอยู่ด้วยกัน พึ่งพาและดูแลกันมาโดยตลอด

    ช่วงแรกหลังภรรยาเสียชีวิต ผมต้องรับผิดชอบค่าชดเชยจากอุบัติเหตุ ทำให้สถานะทางการเงินย่ำแย่ แม่ยายยอมมอบเงินเก็บทั้งหมดให้ผม เธอออกไปทำงานเล็กๆ น้อยๆ ขายของในหมู่บ้าน ส่วนผมก็ตั้งใจทำงาน หาเงินใช้หนี้

    3 ปีที่ผ่านมา ผมได้รับการเลื่อนตำแหน่งเป็นรองหัวหน้าแผนก งานมั่นคงขึ้น รายได้ก็ดีขึ้น ผมจึงขอให้แม่ยายหยุดทำงาน เพราะอายุเธอมากแล้วและสุขภาพก็เริ่มทรุดโทรมจากความเหนื่อยล้าตลอดหลายปี เธอก็ยอมทำตามที่ผมขอ

    ในปีที่ผ่านมา ผมได้พบกับผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคู่ค้าที่ทำงานด้วยกันและผมเริ่มมีความรู้สึกดีต่อเธอ สามีของเธอก็เสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางรถยนต์เช่นเดียวกับภรรยาผม เธอใช้ชีวิตอยู่คนเดียว ไม่มีลูกและไม่เคยแต่งงานใหม่ อาจจะเพราะเหตุนี้เองที่ทำให้เราสามารถพูดคุยและเข้าใจกันได้ง่ายขึ้น

    หลายครั้งที่เธอขอมาเยี่ยมบ้านผม เพื่อพบแม่ยายหรือมาพบลูกสาว แต่ผมก็ยังลังเลอยู่ บอกตามตรงว่าผมกังวลว่าแม่ยายจะเสียใจหากเห็นผมเริ่มต้นชีวิตใหม่ หรือกลัวว่าลูกจะรู้สึกไม่ดีที่เห็นพ่อมีผู้หญิงใหม่ อย่างไรก็ตาม ลูกสาวกลับไม่คิดอย่างนั้น เธอเข้าใจว่าผมมีความรักใหม่และยังสนับสนุนผม ซึ่งทำให้ผมรู้สึกมีกำลังใจมากขึ้น

    ในวัน 8 มีนาคม ผมตัดสินใจมอบของขวัญเซอร์ไพรส์ให้แม่ยาย หลังจากคิดทบทวนหลายคืน ผมจึงตัดสินใจเลือกวัน 8/3 เพื่อบอกแม่ยายว่า ผมมีของขวัญชิ้นใหญ่ที่จะมอบให้ท่าน ในช่วงเย็น ผมนำมินห์ จ้าว แฟนใหม่ของผม มาพบแม่ยาย และนี่ก็เป็นของขวัญที่ผมมอบให้แม่ยายซึ่งถือว่าเป็นแม่แท้ๆ ของผม นั่นคือภรรยาใหม่ มินห์ จ้าว ยังมอบดอกไม้ช่อใหญ่ให้แม่และเสื้อผ้าชุดหนึ่งที่เธอเลือกผ้าและตัดเย็บเอง

    ผมแนะนำมินห์ จ้าว ให้แม่ยายและขอให้ท่านอนุญาตให้เราสร้างชีวิตคู่ด้วยกัน แม่ยายผมจับของขวัญในมือและร้องไห้สะอึกสะอื้น ผมตกใจคิดว่าคงทำอะไรผิดไป แต่แล้วก็ได้ยินแม่พูดออกมาว่า

    “แม่รอวันที่จะเห็นมันมานานแล้ว แม่ก็อยากให้ลูกมีความสุข แต่ไม่กล้าพูด กลัวลูกจะคิดมาก หรือกลัวเพราะแม่แก่แล้วลูกจะลืมความสุขของตัวเอง ในอนาคตแม่จะต้องจากไป หลานสาวก็ต้องไปแต่งงาน ลูกต้องการมีผู้หญิงข้างกาย แม่คือคนที่ควรรู้สึกผิดกับลูก ลูกไม่ต้องขอโทษแม่หรอก” ผมยังจำคำพูดของแม่ยายได้ดี

    ท่านบอกว่าอยากให้ผมเริ่มต้นชีวิตใหม่ แต่ไม่กล้าพูดออกมาเพราะกลัวลูกเขยจะคิดมาก และกลัวหลานจะเสียใจ จึงเก็บไว้ในใจ

    ทั้งผมและมินห์ จ้าวยินดีที่จะดูแลแม่และรู้สึกโชคดีที่มีท่านอยู่ข้างๆ ได้รับพรจากแม่ยาย ในวันแต่งงาน ซึ่งจริงๆ แล้วเป็นเพียงงานเลี้ยงเล็กๆ เพื่อประกาศว่าเราจะอยู่ด้วยกันและเป็นคู่ชีวิต แม่ยายผมก็ทำเซอร์ไพรส์ด้วยการมอบสินสอดมูลค่า 30,000 หยวน (ประมาณ 139,000 บาท)

    ท่านบอกว่านี่คือเงินที่เก็บออมมาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา รวมทั้งเงินที่ได้จากการทำธุรกิจในช่วงหลายปีมานี้ ซึ่งผมมักจะให้เงินแม่ยายทุกเดือนเล็กน้อย ท่านบอกว่าไม่กล้าใช้จ่าย และรอวันที่จะมอบให้ลูกเขยและลูกสะใภ้ใหม่ตั้งแต่เนิ่นๆ ท่านบอกว่าได้มองผมเป็นลูกชายตั้งแต่วันที่ผมตัดสินใจจะดูแลท่าน หลังจากที่ภรรยาของผมจากไป

    เหตุผลที่ผมอยากแชร์เรื่องนี้ในโซเชียลมีเดีย เพราะแฟนใหม่ของผม มินห์ จ้าว ได้แนะนำว่า นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นเรื่องราวแบบนี้ในชีวิตจริง และอยากจะแบ่งปันให้กับคนอื่นๆ เพื่อเก็บเป็นความทรงจำดีๆ และบอกเล่าคำขอบคุณต่อแม่ทุกปี ไม่คิดเลยว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นไวรัล หลายคนแชร์เรื่องนี้โดยบอกว่ามีความคล้ายคลึงกัน เช่น การสูญเสียคู่ชีวิต และพ่อแม่ของคู่ชีวิตยังคอยช่วยเลี้ยงดูลูก หรือเป็นผู้ที่สนับสนุนให้ลูกๆ มีความสุขใหม่

    “จากเรื่องนี้ เราจะเห็นว่าโลกยังมีเรื่องราวดีๆ ที่อบอุ่นอีกมากมายที่เราไม่เคยรู้ อย่าค้นหาความสุขที่ไหนไกล แค่คุณทำดีกับคนในครอบครัว ความสุขที่สมบูรณ์ก็อยู่ที่นั่นแล้ว” เป็นคอมเมนต์จากผู้ใช้โซเชียลที่ได้รับความสนใจอย่างมาก

  • KUBET – สื่อดังจัดอันดับนักมวยสากลเก่งสุดตลอดกาลของเอเชีย โผ Top 10 มี “ไทย” ติดมา 2 คน

    เว็บไซต์ thesportster สื่อกีฬาชั้นนำของโลก ได้จัดอันดับ 13 นักมวยสากลที่เก่งที่สุดในประวัติศาสตร์ของทวีปเอเชีย ซึ่งในโผนี้มีกำปั้นชาวไทยติดโผ 10 อันดับแรกเข้ามาถึง 2 คน

    สำหรับ 2 กำปั้นชาวไทยที่ติดเข้ามาก็คือ อันดับ 10 พงษ์ศักดิ์เล็ก วันจงคำ (พงษ์ศักดิ์เล็ก ศิษย์คนองศักดิ์, พงศกร วันจงคำ, พงษ์ศักดิ์เล็ก กระทิงแดงยิม) อดีตแชมป์ WBC รุ่นฟลายเวต และอันดับ 8 เขาทราย แกแล็คซี่ อดีตแชมป์ WBA รุ่นซูเปอร์ฟลายเวต

    13 นักมวยสากลเก่งสุดตลอดกาลในทวีปเอเชียของ The Sportster

    1. แมนนี ปาเกียว (ฟิลิปปินส์)
    2. นาโอยะ อิโนะอุเอะ (ญี่ปุ่น)
    3. คริส จอห์น (อินโดนีเซีย)
    4. มาซาฮิโกะ ฮาราดะ (ญี่ปุ่น)
    5. เซเฟริโน การ์เซีย (ฟิลิปปินส์)
    6. ปันโช วิลลา (ฟิลิปปินส์)
    7. กาเบรียล เอลอร์เด (ฟิลิปปินส์)
    8. เขาทราย แกแล็คซี่ (ไทย)
    9. โนนิโต โดแนร์ (ฟิลิปปินส์)
    10. พงษ์ศักดิ์เล็ก วันจงคำ (ไทย)
    11. โยโกะ กุชิเกน (ญี่ปุ่น)
    12. ยู มยอง-อู (เกาหลีใต้)
    13. เอลล์ยาส พิคัล (อินโดนีเซีย)

    โดย The Sportster กล่าวถึง พงษ์ศักดิ์เล็ก วันจงคำ ว่า “นักมวยชาวไทยที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่ง และยังเป็นหนึ่งในนักมวยรุ่นฟลายเวตที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์อีกด้วย”
    1741395887889“พงษ์ศักดิ์เล็ก ผันตัวเป็นนักมวยอาชีพในปี 1994 และได้เป็นแชมป์โลก WBC ครั้งแรกในเดือนมีนาคม 2001 เมื่อเขาเอาชนะ มัลคอล์ม ตูนาเกา ได้ในยกแรก”

    “ตลอดระยะเวลา 6 ปี เขาป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ 17 ครั้งจาก 16 คู่ต่อสู้ ซึ่งยังคงเป็นสถิติในรุ่นฟลายเวต หลังจากที่เสียแชมป์ให้กับ ไดสุเกะ ไนโตะในเดือนกรกฎาคม 2007 และแพ้ในการรีแมตช์ในเดือนมีนาคม 2008 เขาก็ได้เป็นแชมป์อีก 2 สมัยในเดือนตุลาคม 2010 ด้วยคะแนนชนะ สุริยัน ไกรกันหา และป้องกันแชมป์ได้อีก 3 สมัย”

    “พงษ์ศักดิ์เล็ก จบอาชีพด้วยชัยชนะ 4 ครั้งติดต่อกัน ก่อนจะแขวนนวมในปี 2018 พร้อมกับสถานะของเขาในฐานะนักมวยไทยที่ดีที่สุดคนหนึ่งของไทย”

    ส่วน เขาทราย แกแล็คซี่ The Sportster กล่าวว่า “นักมวยชาวไทยผู้นี้มีหมัดอันทรงพลังและได้เป็นแชมป์โลกของ WBA ในเดือนพฤศจิกายน 1984 หลังจากเอาชนะ ยูเซบิโอ เอสปินัล ได้ในยกที่ 6”
    1741395854584
    “เขาทราย ป้องกันแชมป์ได้สำเร็จ 19 ครั้งและประกาศเลิกชกในฐานะแชมป์หลังไฟต์สุดท้ายในเดือนธันวาคม 1991”

    “นิตยสาร Ring จัดให้ เขาทราย อยู่ใน 20 อันดับแรกของรายชื่อนักมวย 100 คนที่ดีที่สุดตลอดกาล และเป็นนักมวยไทยที่ชกปอนด์ต่อปอนด์อันดับหนึ่งในประวัติศาสตร์”

    “เขาทราย ได้รับเลือกเข้าสู่หอเกียรติยศมวยสากลนานาชาติในปี 1999 และยังคงเป็นฮีโร่ของแฟนมวยไทยจนถึงทุกวันนี้”