KUBET – คนไทยกินทุกวัน! 3 เครื่องเทศ ตัวการพาสู่โรค “ศัตรูเงียบของสมอง” ที่ยุคนี้เป็นกันเยอะ

เตือนภัย! โรคหลอดเลือดสมองตีบพุ่งสูงขึ้น ระวัง 3 เครื่องปรุงตัวร้าย พร้อมจดจำกฎ “มอง-ฟัง-สัมผัส” เพื่อสังเกตอาการเบื้องต้น

โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือ “ภาวะสมองขาดเลือดเฉียบพลัน” กลายเป็นปัญหาสุขภาพที่น่ากังวลในยุคปัจจุบัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคเรื้อรัง แม้กระทั่งคนที่ดูสุขภาพแข็งแรงก็เสี่ยงได้ หากละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย

ตัวอย่างเคสของชายวัยเกษียณอายุ 62 ปี แม้จะดูแข็งแรงเพราะออกกำลังกายเป็นประจำ แต่กลับมีอาการปวดคอเรื้อรัง ซึ่งเข้าใจว่าเกิดจากท่านอนผิด จึงพยายามประคบอุ่นและนวดบ่อยๆ แต่ก็ไม่ดีขึ้น เมื่อเข้ารับการตรวจ พบว่าไม่ใช่ปัญหากล้ามเนื้อหรือกระดูก แต่เป็นสัญญาณของโรคหลอดเลือดสมองตีบ จากการที่มีคราบไขมันสะสมบริเวณลำคอ จนไปอุดตันเส้นเลือด ส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ นำไปสู่อาการปวดคอแบบผิดปกติ

โรคหลอดเลือดสมองตีบเป็น “ศัตรูเงียบของสมอง” เกิดจากการที่เส้นเลือดในสมองอุดตัน ทำให้สมองขาดออกซิเจนและสารอาหาร ส่งผลให้เซลล์สมองเสียหาย และหากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจถึงขั้นเสียชีวิตหรือพิการถาวร

ปัจจัยเสี่ยงหลัก ได้แก่

  • ความดันโลหิตสูง

  • ไขมันในเลือดสูง

  • โรคเบาหวาน

  • ภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ผู้เชี่ยวชาญจาก Public Health England แนะนำให้ประชาชนใช้กฎ “มอง ฟัง สัมผัส” เพื่อสังเกตอาการเบื้องต้นของโรคหลอดเลือดสมองตีบ ดังนี้

  1. มองที่ใบหน้า – หากใบหน้าบิดเบี้ยว มุมปากตก หรือไม่สามารถหลับตาได้สนิท อาจเป็นสัญญาณสำคัญ

  2. ฟังเสียงพูด – พูดไม่ชัด พูดตะกุกตะกัก หรือไม่สามารถเข้าใจคำพูดของผู้อื่นได้ อาจเป็นอาการเริ่มต้น

  3. สัมผัสแขนขา – หากมีอาการแขนขาอ่อนแรง เดินลำบาก หรือเสียการทรงตัว ให้รีบพาไปโรงพยาบาลทันที

เตือน 3 เครื่องปรุงในครัว ตัวการเงียบที่อาจเพิ่มความเสี่ยงหลอดเลือดสมองตีบ

โรคหลอดเลือดสมองตีบไม่ได้เกิดขึ้นทันทีทันใด แต่เป็นผลสะสมจากพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน โดยเฉพาะพฤติกรรมการกิน ที่ส่งผลต่อสุขภาพหลอดเลือดโดยตรง

  1. เกลือ (โซเดียม) การบริโภคเกลือมากเกินไป ทำให้เส้นเลือดแข็งตัว ความดันโลหิตพุ่งสูง และเลือดหนืดขึ้น เสี่ยงอุดตันหลอดเลือด
  2. น้ำมัน (ไขมัน) ไขมันสูง โดยเฉพาะไขมันอิ่มตัวและไขมันทรานส์ เพิ่มระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ในเลือด เสี่ยงโรคอ้วน หลอดเลือดอุดตัน และโรคหัวใจ
  3. น้ำตาล น้ำตาลส่วนเกินจะถูกเปลี่ยนเป็นไขมันสะสมในร่างกาย ทำลายผนังหลอดเลือด และเพิ่มความเสี่ยงเบาหวานและโรคหัวใจ

แม้ฤดูร้อนจะเสี่ยงน้อยกว่า…แต่อย่าเพิ่งวางใจ หลายคนคิดว่าโรคหลอดเลือดสมองมักเกิดในฤดูหนาว แต่ฤดูร้อนก็มีความเสี่ยงเช่นกัน เพราะเมื่ออุณหภูมิร่างกายสูงขึ้น หลอดเลือดจะขยายตัว เหงื่อออกมาก หากดื่มน้ำไม่เพียงพอ เลือดจะหนืดขึ้น เพิ่มโอกาสเกิดลิ่มเลือด โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ

โรคนี้รักษาหายไหม? มีโอกาสกลับมาเป็นอีกหรือไม่? ข้อมูลทางการแพทย์ระบุว่า ผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองตีบมีโอกาสกลับมาเป็นซ้ำได้ถึง 25% หากไม่ควบคุมโรคอย่างเหมาะสม แม้หลังออกจากโรงพยาบาลก็ยังต้องติดตามการรักษาและปรับพฤติกรรมอย่างใกล้ชิด

ปัจจัยสำคัญที่มีผลต่อการรอดชีวิต

  • ระยะเวลาในการได้รับการรักษา

  • ความรุนแรงของโรค

  • การดูแลหลังฟื้นตัว เช่น กายภาพบำบัด และการใช้ยาอย่างต่อเนื่อง

วิธีป้องกันโรคหลอดเลือดสมองตีบอย่างยั่งยืน

  1. ควบคุม 3 ค่าหลัก ได้แก่ น้ำตาลในเลือด ความดันโลหิต และไขมันในเลือด

  2. ตรวจสุขภาพประจำปี เพื่อค้นหาความผิดปกติที่อาจนำไปสู่โรคหลอดเลือดสมอง

  3. เลือกกินอาหารดีต่อหัวใจ เน้นผัก ผลไม้ ธัญพืชไม่ขัดสี ปลา และผลิตภัณฑ์ไขมันต่ำ หลีกเลี่ยงเนื้อแปรรูป อาหารมัน เค็ม หรือหวานจัด

  4. ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เช่น เดินเร็ว ว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายระดับปานกลาง วันละ 30 นาที อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์

โรคหลอดเลือดสมองตีบเป็นภัยเงียบที่อันตรายถึงชีวิต แต่สามารถป้องกันและลดความเสี่ยงได้ หากเราใส่ใจในสัญญาณเตือนจากร่างกาย เลือกรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ และรักษาพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่สมดุล หมั่นสังเกตตัวเอง และคนใกล้ตัว เริ่มต้นดูแลสุขภาพวันนี้ เพื่ออนาคตที่ปลอดภัยจากโรคหลอดเลือดสมอง

Comments

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *