ผู้เขียน: admin

  • KUBET – สาวเคลิ้มหลับ ฝันว่าชายแปลกหน้ามาจูบ สะดุ้งตื่นกรี๊ดลั่นห้อง เรื่องจริงไม่ใช่แค่ความฝัน (มีคลิป)

    สาวเคลิ้มครึ่งหลับครึ่งตื่น ฝันว่าชายแปลกหน้ามาจูบ สะดุ้งตื่นกรี๊ดลั่นห้อง เรื่องจริงเลวร้ายยิ่งกว่าฝันร้าย

    เมื่อไม่นานมานี้ ค่ำคืนที่ดูเหมือนจะสงบ กลับกลายเป็นความทรงจำอันน่าสะพรึงสำหรับ 2 พี่น้องหญิงที่อาศัยอยู่ในหอพักแห่งหนึ่งในมณฑลเจ้อเจียง ประเทศจีน เหตุการณ์ชวนตื่นตระหนกนี้ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวางจากสาธารณชน และยังเป็นการส่งสัญญาณเตือนถึงความปลอดภัยสำหรับผู้หญิงที่เช่าห้องพักอยู่คนเดียว

    จูบสยองกลางดึก

    ตามรายงานจากสื่อท้องถิ่น เหยื่อคือหญิงสาววัยรุ่นที่พักอยู่กับพี่สาวในห้องเช่าแบ่งภายในบ้าน ขณะที่เธอกำลังเคลิ้มหลับครึ่งหลับครึ่งตื่น เธอรู้สึกเหมือนมีผู้ชายแปลกหน้าคนหนึ่งเข้ามาใกล้เตียงแล้วจูบเธอ เหตุการณ์นั้นทำให้เธอสะดุ้งตื่นขึ้นด้วยความตกใจ และเมื่อลืมตาขึ้น เธอก็พบว่าตัวเองกำลังถูกชายแปลกหน้าคนนั้นบังคับจูบอยู่จริง ๆ

    เธอรีบดันเขาออกไปและกรีดร้องด้วยความหวาดกลัว เสียงกรีดร้องนั้นทำให้พี่สาวของเธอลุกขึ้นเปิดไฟ เมื่อไฟสว่าง ทั้งสองก็เห็นชายแปลกหน้าคนหนึ่งยืนอยู่ในห้อง ซึ่งควรจะมีแค่สองพี่น้องเท่านั้น สิ่งที่น่าประหลาดคือประตูทางเข้าถูกล็อกสนิท ชายคนนี้เข้ามาได้อย่างไร?

    ท่ามกลางความสับสน ชายคนนั้นรีบวิ่งไปที่ประตูแล้วหลบหนีออกจากห้องไป

    “เมา” ไม่ใช่ข้ออ้าง

    ในคืนนั้น ทั้งสองได้แจ้งตำรวจทันที การสืบสวนเริ่มต้นโดยมีการตรวจสอบกล้องวงจรปิดทั่วหอพัก

    จากภาพกล้องวงจรปิด ตำรวจระบุว่าผู้กระทำผิดคือชายที่พักอยู่ห้องติดกันกับพี่น้องคู่นี้ในบ้านเช่าหลังเดียวกัน เขาได้ปีนเข้าทางหน้าต่าง ซึ่งเป็นการกระทำที่เสี่ยงอย่างมาก เนื่องจากห้องอยู่ชั้นสูงกว่า 10 เมตรจากพื้นดิน

    ผลการสืบสวนยังพบว่า ก่อนหน้านี้ชายคนนี้พยายามเคาะประตูห้องอื่นในตึกอยู่พักหนึ่ง แต่ไม่มีใครตอบ เขาจึงหันไปที่ห้องของสองสาวและแอบลอบเข้าไป แม้ว่าเขาจะอ้างว่าเมาและไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ แต่พฤติกรรมที่วางแผนล่วงหน้าและดำเนินการอย่างเงียบเชียบแสดงให้เห็นว่าเขายังมีสติอยู่

    ชายวัย 39 ปีรายนี้ถูกควบคุมตัวเพื่อดำเนินคดีในข้อหาบุกรุกและล่วงละเมิดทางเพศ

    เมื่อเรื่องนี้ถูกเผยแพร่ออกไปในโลกออนไลน์ ชาวเน็ตจีนต่างออกมาประณามการกระทำอย่างรุนแรง หลายคนแสดงความเห็นว่า:

    • “อย่าเอาอาการเมามาเป็นข้ออ้างให้พฤติกรรมโรคจิต”

    • “โชคดีที่แค่จูบ ถ้าไม่มีใครตื่นมาทันเวลา ใครจะรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นต่อไป”

    • “นี่มันเข้าข่ายข่มขืน ต้องติดคุกอย่างน้อย 3 ปี”

    • “นี่คือฝันร้ายที่เลวร้ายกว่าฝันร้าย”

    ในขณะเดียวกันก็มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในหอพักที่ให้ชายหญิงอยู่ร่วมกัน แต่ไม่มีระบบรักษาความปลอดภัยเพียงพอ โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิงที่อยู่ลำพัง บางคนเล่าประสบการณ์ที่เคยถูกแอบติดกล้องในห้องน้ำหรือห้องอาบน้ำโดยไม่รู้ตัว จนมาสังเกตเห็นความผิดปกติ

    เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เกิดความตระหนักในวงกว้างเกี่ยวกับความปลอดภัยของผู้หญิงที่เช่าบ้านหรือห้องพักอยู่กับคนแปลกหน้าในพื้นที่เดียวกัน หลายคนแชร์ประสบการณ์ถูกแอบถ่าย ลักลอบเข้าห้อง หรือถูกสะกดรอยจากคนที่เคยคิดว่า “ไม่น่าจะมีพิษภัย” เหตุการณ์นี้เป็นสัญญาณเตือนให้ทุกคนตระหนักถึงสิทธิในร่างกายตนเอง และความจำเป็นในการมีระบบรักษาความปลอดภัยที่เข้มงวดในที่อยู่อาศัยร่วม โดยเฉพาะสำหรับผู้หญิง

  • KUBET – “กวินท์-ปุ้มปุ้ย” ซื้อที่แปลงสวย สร้างบ้านใหม่ บรรยากาศคุ้นๆ อยู่ข้างบ้านดาราดัง

    เก็บหอมรอมริบจากน้ำพักน้ำแรงที่ช่วยกันทำงานมาอย่างหนักหน่วง สำหรับคู่รัก ปุ้มปุ้ย พรรณทิพา กับสามีนักร้องหนุ่ม กวินท์ ดูวาล เพื่อสร้างบ้านหลังใหม่เป็นของขวัญให้กับครอบครัวได้อยู่สุดสบาย

    ล่าสุด ปุ้มปุ้ย ก็ได้เผยภาพแห่งความภูมิใจ เมื่อซื้อที่ดินผืนใหญ่อยู่ติดริมทะเลสาบ พร้อมถือฤกษ์ดีลงเสาเอก โท เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

    จากนั้นทั้งคู่ยังได้เผยให้เห็นโมเดลเล็กๆ ของตัวบ้านที่ถูกออกแบบไว้ เรียกว่าสวยหรู อลังการแบบสุดๆ

    “เราทำได้ บ้านริมทะเลสาบหลังน้อย 1,200 ตรม. ได้ฤกษ์ลงเสาเอก โท แล้ว ตื่นเต้นนะ ก้าวนี้ใหญ่มากๆ แต่เราก็ก้าวด้วยกันมาเป็นแสนก้าวแล้ว เราต้องทำได้แน่ บ้านในฝัน ของครอบครัว @gavind.ig”

    โดย ปุ้มปุ้ย ยังได้เขียนในแคปชั่นต่อว่า “ใช่ค่ะ ซื้อที่เสร็จ กวินซื้อหวยต่อ”

    งานนี้นอกจากแฟนๆ จะเข้ามากดไลก์ชื่นชมในความสำเร็จอีกขั้นของ ปุ้มปุ้ย-กวินท์ กันอย่างรัวๆ ยังมีชาวเน็ตตาดีสังเกตอีกด้วยว่า พื้นที่นี้ช่างคุ้นตาเหลือเกิน คาดว่าน่าจะเป็นบ้านใกล้เรือนเคียงกับดาราชื่อดัง หมอเจี๊ยบ ลลนา อย่างแน่นอน

  • KUBET – รู้จัก อาคารเทียนจิน 117 “ตึกร้าง” ที่สูงที่สุดในโลก สร้างมาแล้ว 17 ปี ยังไม่แล้วเสร็จ

    สร้างมาแล้ว 17 ปียังไม่เสร็จ! อาคารเทียนจิน 117 “ตึกร้าง” ที่สูงที่สุดในโลก เตรียมฟื้นคืนโปรเจกต์ปลายเดือนนี้

    อาคารเทียนจิน 117 ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่ชานนครเทียนจิน เมืองใหญ่อันดับ 7 ของจีน เริ่มก่อสร้างตั้งแต่ปี 2008 ต้องหยุดชะงักในปี 2015 เนื่องจากขาดทุนทรัพย์ แม้ยังไม่เสร็จ แต่ด้วยความสูงถึง 596.5 เมตร ทำให้โดดเด่นสะดุดตา จนถูกขนานนามว่า “ตึกร้าง” ที่สูงที่สุดในโลก

    ล่าสุด มีรายงานว่าโครงการจะกลับมาก่อสร้างต่อในปลายเดือนเมษายนนี้ และคาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2027 เพื่อลบภาพลักษณ์ “ตึกร้าง” ทิ้งไป

    ตามรายงานของสื่อจีน อาคารเทียนจิน 117 ที่เคยมีข่าวจะกลับมาก่อสร้างหลายครั้ง ขณะนี้ได้รับใบอนุญาตก่อสร้างฉบับใหม่แล้ว โดยมีแผนจะเริ่มงานอีกครั้งในวันที่ 30 เมษายนนี้

    จากข้อมูลใบอนุญาตก่อสร้าง ระบุว่าโครงการมีชื่อว่า เขตพาณิชย์กลางระยะที่ 1 ฐานซอฟต์แวร์และบริการเอาต์ซอร์ส เขตไฮเทคเทียนจิน (อาคารสำนักงาน 117 และอาคารพาณิชย์ส่วนฐานที่เหลือ) โดยบริษัทผู้พัฒนาคือ เกาอิน พร็อพเพอร์ตี้ (เทียนจิน) จำกัด กำหนดเวลาก่อสร้างตั้งแต่วันที่ 30 เมษายน 2025 ถึง 30 เมษายน 2027 มูลค่าสัญญาก่อสร้างอยู่ที่ 568.74 ล้านหยวน รวมพื้นที่ก่อสร้างทั้งสิ้น 418,020 ตารางเมตร

    โครงการที่จะกลับมาก่อสร้างครั้งนี้ประกอบด้วย 3 อาคารหลัก ได้แก่ อาคารหลัก 117 ชั้น (พื้นที่เหนือดิน 369,380 ตารางเมตร), อาคารพาณิชย์ฝั่งตะวันตก (3 ชั้น พื้นที่เหนือดิน 26,650.3 ตารางเมตร) และอาคารพาณิชย์ฝั่งตะวันออก (3 ชั้น พื้นที่เหนือดิน 21,989.7 ตารางเมตร)

    อาคารเทียนจิน 117 เริ่มก่อสร้างอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 กันยายน 2008 ใช้เวลาราว 4 ปีในการสร้างส่วนใต้ดินให้แล้วเสร็จ ก่อนจะเริ่มก่อสร้างตัวอาคารหลักในปี 2012 ซึ่งใช้เวลาอีก 3 ปี และในวันที่ 8 กันยายน 2015 โครงสร้างหลักของอาคารก็สร้างจนถึงจุดสูงสุดสำเร็จ

    อย่างไรก็ตาม โชคชะตาของตึกระฟ้าแห่งนี้กลับไม่ราบรื่นนัก หลังจากก่อสร้างถึงจุดสูงสุด อาคารเทียนจิน 117 ก็ต้องหยุดงานทันที เนื่องจากผู้พัฒนาโครงการประสบปัญหาทางการเงิน แม้ในปีถัดมาจะได้รับเงินลงทุนร่วม 9 หมื่นล้านหยวนจาก China Cinda และ Xinfeng Investment แต่สถานการณ์ก็ยังไม่ดีขึ้น

    ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา โครงการต้องเผชิญกับการหยุดสร้าง สร้างต่อ การเปลี่ยนมือผู้ถือหุ้น และอุปสรรคนานัปการ จนกลายเป็นสัญลักษณ์ของ “ตึกสร้างไม่เสร็จ” ในที่สุด

    ตลอดปีนี้ มีข่าวลือหลายครั้งว่าอาคารเทียนจิน 117 จะกลับมาก่อสร้างต่อ แต่ก็ไม่มีครั้งใดได้รับการยืนยัน กระทั่งล่าสุด ใบอนุญาตก่อสร้างได้ออกอย่างเป็นทางการ สื่อจีนจึงกล่าวว่า ตึกสูงที่สุดในจีนด้านโครงสร้าง และเจ้าของสถิติโลกถึง 12 รายการแห่งนี้ กำลังจะได้โอกาสฟื้นคืนชีพอีกครั้ง

  • KUBET – “คิมจองอึน” ลักพาตัววัยรุ่นหญิงจากโรงเรียนไปเป็นทาสกาม แถมบังคับชนชั้นสูงดูการประหารชีวิต

    เว็บไซต์ newsweek รายงาน ความโหดร้ายและการใช้อำนาจในทางที่ผิดของ คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ไม่มีขีดจำกัด แม้แต่กับกลุ่มชนชั้นสูงของประเทศ

    ภายใต้ระบอบเผด็จการอันเข้มงวดของเกาหลีเหนือ มีการลักพาตัวนักเรียนหญิงวัยรุ่นจากโรงเรียนเพื่อไปเป็นทาสทางเพศของ คิม และยังมีการบังคับให้กลุ่มชนชั้นสูงของประเทศต้องมาดูการประหารชีวิตต่อหน้าต่อตา ขณะที่ คิม เองใช้ชีวิตหรูหรา กินอาหารแพง ในขณะที่ประชาชนจำนวนมากต้องเอาตัวรอดด้วยการกินหญ้า ตามการเปิดเผยของผู้แปรพักตร์รายหนึ่งกับ เดลี มิร์เรอร์ สื่อของอังกฤษ

    เพื่อความปลอดภัยของผู้แปรพักตร์ ทางสื่อจึงใช้นามสมมุติว่า ฮียอนลิม หญิงวัย 26 ปี เป็นลูกสาวของนายทหารระดับสูงในรัฐบาล คิมจองอึน เธอให้สัมภาษณ์ในสถานที่ลับที่กรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ ไม่กี่วันหลังเกาหลีเหนือทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ครั้งที่ 6 เมื่อเดือนกันยายนปี 2017
    2024-01-01t230320z_820532699_เธอเล่าว่า คิมจองอึน บังคับให้ชนชั้นสูงของประเทศต้องชมการประหารชีวิต และตัวเธอเองก็เคยเห็นกับตาในเหตุการณ์ประหารชีวิตนักดนตรี 11 คน ที่ถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการผลิตวิดีโอลามก โดยนักดนตรีเหล่านี้ถูกประหารด้วย ปืนกลต่อต้านอากาศยาน และมีประชาชนถึง 10,000 คนถูกบังคับให้ดู

    แม้ว่าเธอจะถือเป็นชนชั้นสูงเมื่อเทียบกับประชาชนทั่วไป แต่วันนั้นเธอต้องยืนห่างจากจุดประหารเพียงแค่ประมาณ 60 เมตร

    “พวกเขาสั่งให้พวกเราหยุดเรียน แล้วพาไปที่โรงเรียนนายร้อยในกรุงเปียงยาง ที่นั่นมีสนามกีฬา ฮี กล่าวกับ มิร์เรอร์

    “นักดนตรีถูกมัดมือเท้า ถูกปิดปาก และคลุมศีรษะ ไม่ให้ร้องขอชีวิตหรือส่งเสียงใดๆได้เลย ฉันรู้สึกคลื่นไส้ทันทีที่เห็น พวกเขาถูกมัดไว้กับท้ายปืนกลขนาดยักษ์”

    หลังจากถูกยิงร่างของพวกเขาก็ “หายไป” ก่อนที่รถถังจะวิ่งทับซ้ำหลายครั้ง ตามคำบอกเล่าของเธอ
    mตลอดหลายปีที่ผ่านมา ก่อนและหลังที่ คิมจองอึน ขึ้นสู่อำนาจในปี 2011 มีผู้แปรพักตร์จำนวนหนึ่งที่สามารถหลบหนีออกมาและเปิดโปงความโหดร้ายของระบอบนี้

    ก่อนหน้านี้ ฮัก มิน (Hak Min) วัย 30 ปี ได้เปิดเผยกับ USA Today ถึงวิธีการล้างสมองที่เกาหลีเหนือใช้ข่มขู่ประชาชน ปัจจุบันเขาเปิดร้านซ่อมโทรศัพท์มือถือในกรุงโซล หลังหลบหนีออกมาเมื่อปี 2013 และเปลี่ยนภาพผู้นำจาก คิมจองอึน เป็น สตีฟ จ็อบส์ ซึ่งเป็นแรงบันดาลใจให้เขา

    “ที่เกาหลีเหนือเขาจะสอนว่า -เรารู้ความคิดของเธอ- ถ้าเธอคิดไม่ดีต่อครอบครัว คิม พวกเขาจะรู้” ฮัก กล่าว

    “แต่ในหนังสือชีวประวัติของ สตีฟ จ็อบส์ เขาบอกว่า -อย่าให้ใครควบคุมความคิดของเรา- ให้ทำในสิ่งที่เราต้องการ เป็นตัวของตัวเอง”

    ถึงแม้ผู้แปรพักตร์จะช่วยเปิดเผยความจริงที่เกิดขึ้นในเกาหลีเหนือ แต่จำนวนผู้หลบหนีในช่วงปีหลังกลับลดลง โดยเกาหลีใต้รายงานว่า ระหว่างเดือนมกราคมถึงสิงหาคมในปีนั้น (2017) มีผู้หลบหนีเพียง 780 คน ลดลงจาก 1,417 คนตลอดทั้งปี 2016 ถึง 12.7%

  • KUBET – ขุดพบต้นตะเคียนยักษ์ “เจ้าแม่งามทอง” ร่างทรงเปล่งเสียงชัด บอกเลข 2-3 ตัว

    ชาวบ้านแห่ปะแป้ง ขอหวย ต้นตะเคียนยักษ์สุดเฮี้ยน เชื่อว่าโผล่มาให้โชค ต้องเปลี่ยนรถเทเลอร์ 3 คัน จึงย้ายสำเร็จ

    วานนี้ (23 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ชาวบ้านใน อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์ และจากพื้นที่ใกล้เคียง ที่หลังทราบข่าวว่า มีการขุดพบต้นตะเคียนขนาดใหญ่ บริเวณพื้นที่หมู่ 11 บ้านไร่ฝาย ต.วังโป่ง อ.วังโป่ง โดยใช้รถแบ็กโฮ ขุดลึกลงไปใต้ผิวดิน 5 – 6 เมตร แล้วพบเจอต้นตะเคียนขนาดใหญ่ สภาพสมบูรณ์ โดยลำต้นมีขนาดเส้นรอบวงกว้าง 4.8 เมตร ยาว 27.8 เมตร

    โดยชาวบ้านต้องใช้รถเครนขนาดใหญ่ ทำการยกต้นตะเคียนขึ้นมาจากพื้นดิน แต่ทำยังไงก็ยกไม่ขึ้น สุดท้ายต้องทำการตั้งขันธ์ห้า โดยการนำ ดอกไม้ ธูป เทียน ผลไม้ 9 อย่าง น้ำแดง พวงมาลัยสีเหลือง มาเซ่นไหว้ โดยมีร่างทรง ได้ทำพิธีอัญเชิญขึ้น ต้นตะเคียนยักษ์จึงยอมขึ้นมา โดยต้องใช้เวลากว่า 5 ชั่วโมง จึงยกขึ้นมาได้สำเร็จ

    ซึ่งร่างทรงบอกว่า ตะเคียนยักษ์ต้นดังกล่าว ชื่อ “เจ้าแม่งามทอง” จากนั้นจึงทำพิธีอัญเชิญต้นตะเคียนขนาดใหญ่ ไปไว้ที่วัดไร่ฝาย หมู่ 11 บ้านไร่ฝาย ต.วังโป่ง อ.วังโป่ง และหลังจากชาวบ้านทราบข่าว จึงพากันแห่ไปขอโชคลาภ พร้อมทั้งทำการนำแป้ง ไปลูบขูดหาเลขเด็ดกันตามความเชื่ออย่างคึกคัก

    ซึ่งก่อนหน้านั้นเมื่อราวๆ 60 กว่าปี ผู้เฒ่าผู้แก่ยืนยันว่าเคยเห็นต้นตะเคียนต้นดังกล่าวนี้ ยืนต้นอยู่ จนมันล้มลง และถูกดินทับถม จนผู้คนในอดีตลืมกันไปหมดแล้ว จนกระทั่งมีการขุดพบอีกครั้ง โดยชาวบ้านเชื่อว่า ต้นตะเคียนต้นนี้จะนำโชคลาภมาให้กับชาวบ้าน อีกด้วย

    หลังมีการนำต้นตะเคียน เข้ามาไว้ในวัด ก็ได้มีร่างทรง มาทำพิธีเข้าทรงตามความเชื่อ โดยมีชาวบ้านมารอชมการเข้าทรง และร่วมฟ้อนรำนำเจ้าแม่ตะเคียนเข้าวัด โดยร่างทรงได้ชูกระดาษบอกตัวเลข จากนั้นก็มีการนำแป้งมาทำการโรย และลูบหาตัวเลข ตามความเชื่อ

    โดยเฉพาะร่างทรงที่ทำพิธีทรงอยู่ตรงที่ก่อนจะเอาต้นตะเคียนขึ้นรถ ได้มีท่าทางเหมือนอาการองค์ลงได้ชูมือและท่าทางร่ายรำ พร้อมกับเปล่งเสียงออกบอกตัวเลข 249 และ 47

    ด้าน นายเดชา จันบุญศรี ผู้ใหญ่บ้านบ้านไร่ฝาย หมู่ 11 เล่าว่า ต้นตะเคียนต้นนี้มีน้ำหนักราว 45 ตัน พอรถคันที่ 1 เข้ามาจะทำการเคลื่อนย้าย ต้นตะเคียนหนักจนรถเคลื่อนย้ายไม่ได้ จนต้องเปลี่ยนรถ เป็นรถคันที่ 2 พอออกตัวมาได้เพียงหน่อยเดียว รถก็เกิดไหล และเกิดความเสียหาย จนต้องนำรถคันที่ 3 เข้ามาดำเนินการเคลื่อนย้าย จึงได้สำเร็จ

    โดยในช่วงเช้า มีการเข้าร่างทรงบอกว่ายังไงก็ขนย้ายไม่สำเร็จ จะต้องทำการตั้งขันธ์ 5 แล้วองค์ของแม่นางตะเคียนจะพาต้นตะเคียนไปที่วัดเอง ซึ่งหลังทำการตั้งขันธ์ 5 ก็สามารถเคลื่อนย้ายต้นตะเคียนยักษ์ออกมาจากจุดที่พบเจอ เข้าวัดเป็นที่เรียบร้อย

    ตรวจหวยและอ่านข่าวหวย เพิ่มเติม

  • KUBET – รถพาเด็กมาเต็มคัน จอดเปลี่ยนผ้าอ้อมบนมอเตอร์เวย์ พ่วงชนท้ายอัดก๊อปปี้ ดับ 8 ศพ

    รถเอสยูวีเด็กเต็มคัน จอดเปลี่ยนผ้าอ้อมบนมอเตอร์เวย์ พ่วงชนท้ายอัดก๊อปปี้รถบรรทุกคันหน้า มา 10 คน ดับ 8 ราย

    เมื่อเวลา 22.10 น. วันที่ 24 เมษายน 2568 ศูนย์วิทยุพระนคร ได้รับรายงานอุบัติเหตุหมู่ รถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ชนท้ายรถยนต์อเนกประสงค์ (SUV) และดันไปอัดก็อปปี้เสยท้ายรถบรรทุกสิบล้อ มีผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ติดอยู่ภายในซากรถ บริเวณจุดจอดรถฉุกเฉิน บนถนนมอเตอร์เวย์สาย 7 ช่วง หลักกิโลเมตรที่ 23+500 ขาออก มุ่งหน้าบ้านฉาง จ.ชลบุรี ก่อนถึงด่านลาดกระบัง ตำบลศีรษะจรเข้น้อย อำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ

    หลังรับแจ้งจึงประสาน เจ้าหน้าที่ตำรวจทางหลวง 1 กองกำกับการ 8 เจ้าหน้าที่สมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู พร้อมอุปกรณ์ตัดถ่าง เดินทางตรวจสอบที่เกิดเหตุ ที่เกิดเหตุอยู่ในช่องทางซ้าย ซึ่งเป็นจุดจอดรถฉุกเฉิน พบรถบรรทุกพ่วง 18 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 1430 ชลบุรี บรรทุกยางมะตอย สภาพหน้าพังยับเยิน ภายในห้องโดยสารพบ นายเสน่ห์ อายุ 60 ปี นั่งอยู่เบาะคนขับ ถูกอัดติดอยู่กับพวงมาลัยได้รับบาดเจ็บ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เครื่องตัดถ่างนำตัวออกมา ก่อนนำส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9

    ที่ด้านหน้ารถชนติดอยู่กับรถยนต์อเนกประสงค์ ยี่ห้อ เชฟโรเลต แคปติวา สีขาว ทะเบียน 6161 อุดรธานี สภาพพังยับเยินทั้งคัน ภายในห้องโดยสารพบผู้เสียชีวิต จำนวน 8 ราย ติดอยู่ในซากรถ เจ้าหน้าที่มูลนิธิได้ใช้เครื่องตัดถ่างทยอยนำร่างออกมา ดังนี้

    รายที่ 1.เป็นเด็กหญิง อายุประมาณ 2-3 ขวบ จุดที่พบเบาะหลังซ้าย 

    รายที่ 2.เพศหญิง วัยกลางคน จุดที่พบเบาะหลังซ้าย พบร่างคู่กับเด็ก 

    รายที่ 3. เบาะซ้ายข้างคนขับ เพศหญิงวัยกลางคน

    รายที่ 4.เด็กหญิง อายุ 2-3 ขวบ เบาะหลัง 

    รายที่ 5.เบาะหลังซ้ายเด็กชาย อายุประมาณ 10 ขวบ 

    รายที่ 6.เพศหญิง เบาะหลังซ้าย 

    รายที่ 7.เพศหญิง

    รายที่ 8.เพศชาย พบร่างตรงตำแหน่งคนขับ

    นอกจากนั้นพบชิ้นส่วนมนุษย์ ทั้งแขนและขา รวมถึงศีรษะบางส่วน ยังไม่ทราบเพศ รอตรวจการตรวจสอบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคลอีกครั้ง โดยร่างผู้เสียชีวิตทั้งหมดเจ้าหน้าที่มูลนิธิจะนำส่งชันสูตรที่นิติเวชสถาบันรามาจักรกรีนฤบดินทร์ สมุทรปราการ และยังพบผู้ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 2 ราย คือ เด็กหญิง อายุ 12 ปี และ หญิงสาว อายุ 18 ปี เจ้าหน้าที่ให้การช่วยเหลือนำโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 9 และยังพบถัดไปอีกหน่อยที่ด้านหน้ารถยนต์อเนกประสงค์ พบรถบรรทุก 10 ล้อ ยี่ห้อ อีซูซุ สีขาว ทะเบียน 81-2815 ชุมพร บรรทุกน้ำมันพืช สภาพท้ายรถได้รับความเสียหายจากการถูกพุ่งชน

    จากการสอบถาม นายเจตน์ สุขกลิ่น อาสาสมัครมูลนิธิร่วมกตัญญู ที่เดินทางไปถึงที่เกิดเหตุช่วงแรก บอกว่า ทันทีที่เดินทางมาถึงที่เกิดเหตุ พบผู้บาดเจ็บเป็นเด็กหญิงสองรายกระเด็นออกมาจากตัวรถจึงปฐมพยาบาลและพาตัวส่งโรงพยาบาล โดยจากการสอบถามข้อมูลเบื้องต้นทราบว่า เด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บนั่งมาในรถและกำลังเดินทางไปหาพ่อกับแม่ที่อยู่ในจังหวัดระยองโดยมีน้าและอามารวมถึงหลานสาวรวมทั้งหมด 10 คน ซึ่งเด็กหญิงที่ได้รับบาดเจ็บทั้งสองคนเป็นจังหวะที่ลงมายืนท้ายรถเพื่อเปลี่ยนผ้าอ้อมให้กับหลานและกำลังจะพากันขึ้นรถเดินทางต่อ แต่มาประสบอุบัติเหตุถูกชนท้ายจนกระเด็น

    ขณะที่ นายกวางแก้ว อายุ 51 ปี คนขับรถบรรทุกน้ำมันพืช ที่จอดคันแรก บอกว่า ตนเองและภรรยาขับรถบรรทุกน้ำมันพืชจากจังหวัดชุมพรเพื่อจะไปส่งให้ลูกค้าที่จังหวัดปราจีนบุรี จนมาถึงที่เกิดเหตุซึ่งเป็นช่องทางจอดรถฉุกเฉินจึงพากันจอดรถหวังจะทานข้าวกันในรถ แต่พอจอดได้ไม่ถึง 5 นาที ก็เกิดอุบัติเหตุดังกล่าว ซึ่งความแรงของการชนทำให้รถขยับไถลไปข้างหน้าหลายสิบเมตร

    พ.ต.อ.กึกก้อง ดีศวัฒน์ ผู้กำกับการ 8 กองบังคับการตำรวจทางหลวง ระบุว่า จากการสอบสวนเบื้องต้น รถเก๋งคันนี้โดยสารมาทั้งหมด 10 คนมาจากกรุงเทพมหานครกำลังมุ่งหน้าไปหาญาติที่จังหวัดระยอง เมื่อมาถึงจุดเกิดเหตุมีรถบรรทุกจอดอยู่ด้านหน้าในช่องทางฉุกเฉินหรือจุดพักรถชั่วคราวอยู่ก่อนหนึ่งคันคนขับจึงได้จอดรถต่อท้ายเพื่อให้คนในรถลงมาหยิบผ้าอ้อมมาเปลี่ยนให้เด็กบนรถ ต่อมาได้มีรถบรรทุกอีกหนึ่งคันวิ่งเข้ามาในช่องทางฉุกเฉินและพุ่งชนท้ายเข้ากับรถคันเกิดเหตุอย่างรุนแรง จนทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมากดังกล่าว ซึ่งขนาดนี้สามารถติดต่อทางครอบครัวได้แล้วอยู่ระหว่างเดินทางมายังโรงพยาบาล ส่วนรายละเอียดทางด้านพนักงานสอบสวนจะได้เข้าสอบปากคำคนขับและผู้บาดเจ็บอีกครั้งพร้อมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดในที่เกิดเหตุเพื่อหาสาเหตุของอุบัติเหตุในครั้งนี้

  • KUBET – “แอฟ ทักษอร” เผยรายการออกอากาศวันสุดท้าย อำลากันอย่างอบอุ่นทั้งน้ำตา

    แอฟ ทักษอร ลงไอจีสตอรี่ทำฮือฮามีอะไรจะบอก ในรายการแชร์ข่าวสาวสตรอง สุดท้ายเศร้ารายการปิดตัวแล้ว 

    ทำเอาแฟนๆ ต่างฮือฮาเหมือนกันหลังจากที่นางเอกสาว แอฟ ทักษอร ได้ลงไอจีสตอรี่ด้วยประโยคที่ว่า “แชร์ข่าวสาวสตรองวันนี้มีอะไรจะบอกค่ะ (อีโมจิหัวใจ) #แชร์ข่าวสาวสตรอง” หลายคนที่ได้อ่านต่างสงสัยกันหนักมาก หรือเธอจะประกาศข่าวดีกับ นนกุล แฟนหนุ่มหรือไม่ อีกข่าวดีคือหรือ แพท ณปภา จะประกาศข่าวดีเช่นกันกำลังตั้งครรภ์หรือเปล่า ซึ่งแฟนๆ ต่างใจจดใจจ่อกันรัวๆ  

    และในรายการแชร์ข่าวสาวสตรอง ทางช่องไทยรัฐทีวี  ออกอากาศวันนี้ (25 เม.ย.) มีพิธีกรมากันครบทุกคน แอฟ ทักษอร, แพท ณปภา, ปุ้ย พิมลวรรณ, อาตุ่ย พุทธชาติ

    และในระหว่างออกอากาศของรายการ มีการประกาศกว่าวันนี้จะเป็นเทปสุดท้ายของรายการแชร์ข่าวสาวสตรอง หลังจากออกอากาศมา 7 ปี  เรียกว่าทำเอาแฟนคลับต่างใจหายกันไปเลย เพราะผูกพันกับพิธีกรทุกคน 

    ในเบื้องหลังรายการมี บอสนิด อรพรรณ มาถ่ายรูปร่วมกับพิธีกรทุกคน ทำเอาน้ำตาซึมกันไปเลย 

  • KUBET – “เบียร์” โพสต์ไม่หยุด งัดหลักฐานโต้ “หนุ่ม กรรชัย” คนอ่านร้องอ๋อ ตรงไหนที่อาจถูกฟ้อง

     

    “เบียร์ เดอะวอยซ์” ยังโพสต์ไม่หยุด ปมพิพาท “หนุ่ม กรรชัย” ชี้ชัดจุดที่อาจนำไปสู่การเจอหมายศาล

    “เบียร์ เดอะวอยซ์” ยังโพสต์ไม่หยุด ปมพิพาท “หนุ่ม กรรชัย” ชี้ชัดจุดที่อาจนำไปสู่การเจอหมายศาล

    ดราม่าเดือดระหว่าง “เบียร์ เดอะวอยซ์” หรือ Bizcuitbeer กับพิธีกรดัง “หนุ่ม กรรชัย” ยังไม่จบง่าย ๆ ล่าสุดเบียร์ยังคงเดินหน้าโพสต์ชี้แจงรัว ๆ ถึงลำดับเหตุการณ์และความรู้สึกที่เธอถูกกล่าวหาจากสังคมว่า “มโน” ปมข้อความขอโทษที่อีกฝ่ายไม่ยอมรับว่าเคยเกิดขึ้น

    จุดเริ่มต้นดราม่า

    เบียร์เล่าว่า เหตุการณ์ทั้งหมดเริ่มจากคืนวันที่ 18 เม.ย. ที่ผ่านมา เธอแชร์โพสต์หนึ่งที่ไม่ได้ระบุถึงรายการใดโดยเฉพาะ แต่กลับมีแฟนคลับของรายการดังเข้ามาคอมเมนต์โจมตี จนลุกลามกลายเป็นความเสียหาย

    ต่อมาเบียร์ได้เชียร์ให้รายการ โหนกระแส ของหนุ่ม กรรชัย นำเสนอข่าวที่เธอมองว่าน่าสนใจ โดยระบุว่ารายการนี้ค่อนข้างมีอิทธิพล จากนั้นก็เริ่มมีคนเข้าใจผิดว่าเธอกล่าวหาหนุ่ม และมีแฟนคลับของหนุ่มเข้ามาปกป้อง รวมถึงขุดเรื่องในอดีตที่เธอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง

    การติดต่อและความพยายามสื่อสาร

    มีการโทรคุย-สื่อสารหลายรอบ วันที่ 20 เม.ย. มีคนรู้จักของหนุ่มโทรหาเบียร์ แต่เบียร์ไม่ได้รับสาย จึงให้ “ดิว” ซึ่งเป็นเอเจนซี่ที่ดูแลเบียร์ เป็นคนกลางติดต่อกลับไป

    วันที่ 21 เม.ย. ดิวได้ติดต่อกับหนุ่ม กรรชัย โดยหนุ่มระบุว่า เขาไม่ได้ด่าเบียร์หรือหมายถึงเบียร์ พร้อมแสดงความเป็นห่วงและกล่าวขอโทษแทนแฟนคลับว่า “พี่ห้ามแฟนคลับไม่ได้ ถ้ามีอะไรทำให้ไม่สบายใจก็ขอโทษแล้วกัน”

    เบียร์จึงแคปข้อความจากดิวมาลงเพจ เพื่อยืนยันว่าไม่มีเจตนาจะปั่นกระแส และเพียงต้องการสื่อสารความจริงให้ชัดเจน

     

    ต่อมาหลังจากที่สื่อเริ่มนำเสนอข่าว หนุ่ม กรรชัยโทรกลับหาดิวอีกครั้ง ขอให้เบียร์ลบโพสต์ที่ลงไปก่อนหน้า และให้โพสต์ใหม่โดยระบุว่า “หนุ่มไม่ได้ขอโทษ”

    เบียร์ระบุว่าเธอทำตามที่ร้องขอทุกอย่าง รวมถึงการลบโพสต์ต้นทาง และโพสต์ใหม่ที่กล่าวเพียงว่า “หนุ่มเป็นห่วง” และหนุ่มก็รับปากว่าจะชี้แจงในรายการ โหนกระแส วันที่ 22 เม.ย.

    แต่สิ่งที่เกิดขึ้นบนหน้าจอ ไม่ตรงกับเบื้องหลัง เบียร์เผยว่า สิ่งที่หนุ่มพูดในรายการแตกต่างจากสิ่งที่พูดกับดิวในการสนทนาทางโทรศัพท์ โดยยืนยันว่าเธอไม่เคยเข้าใจผิดว่าหนุ่มด่าเธอตั้งแต่แรก แต่เมื่อถูกกดดันให้ลบโพสต์ และแก้เนื้อหา ก็รู้สึกไม่แฟร์ที่ถูกมองว่าเป็นคนแต่งเรื่องเอง

    หลักฐานและการตอบโต้

    เบียร์โพสต์แคปหน้าจอโทรศัพท์ที่แสดงการโทรคุยระหว่างดิวกับหนุ่ม เพื่อยืนยันลำดับเวลา และย้ำว่า calling log ไม่สามารถ “เมค” ขึ้นมาได้ พร้อมเขียนข้อความว่า

    “มันไม่แฟร์ที่สังคมมองแต่ภาพที่คนนึงสร้าง เพื่อให้บางคนดูดี บางคนดูเลว แล้วให้สังคมรุมขย้ำ… calling log มันไม่หลอกใคร มัน make กันไม่ได้”

    เธอยังระบุว่า ข้อมูลเหล่านี้ได้รับจาก “พี่ดิว” โดยตรงก่อนที่อีกฝ่ายจะถูก “บังคับ” ให้รับบทจบ เนื่องจากมีงานร่วมกับหนุ่ม

    ความเคลื่อนไหวจากฝั่งกฎหมาย

    อย่างไรก็ตาม ทาง ทนายแก้ว ดร.มนต์ชัย จงไกรรัตนกุล ทนายความที่ใกล้ชิดหนุ่ม ได้เข้ามาคอมเมนต์ในโพสต์ของหนุ่มว่า:

    “จริงๆ ตอนแรกพี่หนุ่มก็นิ่งอยู่เฉยๆ แล้วนะ พี่แก้วก็พอรู้นิสัยพี่หนุ่มว่าหากไม่ยอมหยุด พี่หนุ่มก็พร้อมลุยทุกรูปแบบ
    ซึ่งก็แปลกใจว่าต้องการอะไร?? ทำไมจะต้องหยิบมาพูดล้ำเส้นแบบนี้
    ทั้งข้อความที่เขียนแคปชั่นและรูปที่โพสต์ (ซึ่งมีชื่อชัดเจน) มันทำให้พี่หนุ่มเสียหาย
    ทนายแก้ว พร้อมลุยครับ จัดให้ชุดใหญ่ รอรับหมายครับ

  • KUBET – รู้หรือไม่? เลขบัตรประชาชนไทย 13 หลัก ไม่ได้สุ่มมั่ว ทุกหลักมีความหมาย สื่อถึงอะไรบ้าง

    รู้หรือไม่? เลขบัตรประชาชนไทย 13 หลัก ไม่ได้สุ่มมั่ว แต่แฝงความหมายทุกตัวเลข!

    หลายคนอาจคิดว่าเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลักของคนไทยเป็นแค่ตัวเลขสุ่ม ๆ แต่จริง ๆ แล้ว แต่ละหลักมีความหมายเฉพาะเจาะจง และบอกข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับตัวคุณได้! มาดูกันว่าเลข 13 หลักนี้บอกอะไรบ้าง?

    เลขบัตรประชาชน 13 หลัก ประกอบด้วยอะไร?

    เลขบัตรประชาชนไทยอยู่ในรูปแบบ: X-XXXX-XXXXX-XX-X

    โดยแบ่งความหมายดังนี้:

    หลักที่ 1: เลขระบุประเภทบุคคล

    เลขตัวแรกบ่งบอกว่าเจ้าของบัตรอยู่ในกลุ่มไหน:

    • 1: คนที่เกิดและแจ้งเกิดในประเทศไทย
    • 2: คนที่เกิดในไทยแต่แจ้งเกิดล่าช้า
    • 3: คนที่ได้รับสัญชาติไทยภายหลัง
    • 4: คนที่ไม่ใช่สัญชาติไทย แต่ได้รับอนุญาตให้อยู่ในไทยถูกกฎหมาย
    • 5: เด็กที่มีพ่อแม่เป็นคนต่างด้าว
    • 6-8: กลุ่มพิเศษ เช่น ผู้ลี้ภัย หรือบุคคลที่ได้รับการจัดสรรเลขตามกรณีเฉพาะ
    • 9: บุคคลที่ไม่มีสถานะทางทะเบียนชัดเจน

    หลักที่ 2-5: รหัสจังหวัดและอำเภอ

    เลข 4 หลักนี้ระบุจังหวัดและอำเภอที่คุณแจ้งเกิด:

    ตัวอย่าง: 1001 หมายถึง กรุงเทพมหานคร เขตพระนคร

    รหัสนี้กำหนดโดยกรมการปกครอง โดย 2 หลักแรกคือรหัสจังหวัด และ 2 หลักหลังคือรหัสอำเภอ

    หลักที่ 6-10: รหัสประจำตัวบุคคล

    เลข 5 หลักนี้เป็นรหัสลำดับที่อำเภอออกให้ เพื่อแยกแยะบุคคลในพื้นที่นั้น โดยไม่ซ้ำกัน มักสัมพันธ์กับปีเกิดหรือการลงทะเบียน

    หลักที่ 11-12: เลขลำดับการเกิด

    เลข 2 หลักนี้ใช้แยกแยะบุคคลที่เกิดในพื้นที่และช่วงเวลาเดียวกัน เช่น คนที่เกิดในอำเภอเดียวกันในปีเดียวกัน

    หลักที่ 13: เลขตรวจสอบ (Check Digit)

    เลขตัวสุดท้ายนี้สำคัญ! ใช้ตรวจสอบว่าเลข 12 หลักแรกถูกต้องหรือไม่ โดยคำนวณด้วยวิธีทางคณิตศาสตร์ (Modulus 11) หากเลขผิดแม้แต่ตัวเดียว เลขตรวจสอบจะไม่ตรง ทำให้รู้ทันทีว่ามีข้อผิดพลาด

    สรุป

    เลขบัตรประชาชน 13 หลักไม่ใช่แค่ตัวเลขธรรมดา แต่เป็นรหัสที่เก็บข้อมูลตั้งแต่สถานที่เกิด สถานะทางทะเบียน ไปจนถึงลำดับบุคคลในพื้นที่นั้น ๆ พร้อมระบบป้องกันความผิดพลาดสุดฉลาด!

    คำเตือน: อย่าแชร์เลขบัตรประชาชนทั้ง 13 หลักในที่สาธารณะ เพื่อป้องกันการถูกขโมยข้อมูลส่วนบุคคล

    คราวหน้าที่หยิบบัตรประชาชนขึ้นมา ลองดูเลขเหล่านี้ คุณอาจค้นพบข้อมูลเกี่ยวกับตัวเองที่ไม่เคยรู้มาก่อน!

  • KUBET – วิธีลบเพื่อนใน LINE ไม่ต้องบล็อกก่อนลบ ทำได้ง่ายๆ

    ในช่วงเวลาที่มิจฉาชีพอยู่ในสิ่งรอบตัวของคุณไม่ว่าจะเป็น LINE หรือ Social Network ก็ดี เราจะจัดการได้อย่างไร วันนี้ขอเริ่มกิบการมาสำรวจ LINE และลบเพื่อนที่ไม่รู้จักก่อนโดย Sanook Hitech จะมาสอนคุณทำด้วยวิธีดังนี้

    วิธีลบเพื่อนออกจาก LINE

    1. เปิดแอปพลิเคชัน LINE บนโทรศัพท์มือถือของคุณ
    2. ไปที่แท็บ “เพื่อน” (ไอคอนรูปคนสองคน)
    3. ค้นหาเพื่อนที่คุณต้องการลบ คุณสามารถเลื่อนดูรายชื่อเพื่อนหรือใช้ช่องค้นหาด้านบน
    4. แตะค้าง ที่ชื่อเพื่อนที่คุณต้องการลบ จะมีเมนูตัวเลือกปรากฏขึ้น
    5. เลือก “ลบ” (Delete)
    6. จะมีข้อความยืนยันปรากฏขึ้น ให้ กด “ลบ” อีกครั้ง
    7. แต่ถ้าอยากให้หายไปเลยตลอดกาล อย่าลืมกด บล็อก (Block)

     วิธีลบเพื่อนใน LINE

    ลบเพื่อนใน LINE อีกฝั่งรู้ไหม ผลที่เกิดขึ้นหลังลบ

    หากการลบเพื่อนออกจากในแท็บเพื่อนออกเฉยๆ สถานะของเราจะเห็นเขาอยู่ในหน้าแชท และข่อมูลต่างๆที่คุยกันก็ยังเห็นอยู่ แต่ว่าถ้าเราลบออกไปทั้งหมดรวมถึงประวัติแชท ก็จะไม่เห็นข้อมูลเก่าแต่เพื่อนของเรายังคงแชทมาได้แต่จะโทรไม่ได้นั่นเองครับ

    ทั้งนี้ใครที่จะลบเพื่อนหรือกลัวว่าเป็นมิจฉาชีพ ควรกรองให้ดีก่อนที่จะลบนะครับ ส่วน Social Network อื่นๆ ติดตามกันต่อในโอกาสหน้า Sanook Hitech จะมาเล่าให้ฟังกันนะครับ

    อ่านต่อเพิ่มเติม