Blog

  • KUBET – อากาศร้อนแค่ไหน ก็อย่าเก็บ 4 อาหารนี้ไว้ในตู้เย็น ยิ่งแช่ยิ่งเสียเร็ว ข้อ 3 ทำกันเพียบ

    อาหารบางชนิดไม่เพียงเก็บรักษาได้ไม่ดีเมื่อนำไปแช่ตู้เย็น แต่ยังอาจเน่าเสียง่ายและสูญเสียคุณภาพอีกด้วย

    ตู้เย็นเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านที่แทบทุกครัวเรือนต้องมี เพราะช่วยยืดอายุการเก็บอาหาร โดยเฉพาะในช่วงหน้าร้อนที่มีการใช้งานบ่อยยิ่งขึ้น หลายคนมักนำอาหารที่กินไม่หมดไปแช่ตู้เย็นด้วยความกลัวว่าจะเสีย

    แต่บางคนกลับมองว่าตู้เย็นคือ “ตู้นิรภัย” สำหรับเก็บอาหาร นึกอะไรไม่ออกก็จับใส่ตู้เย็นไว้ก่อน คิดว่าแช่แล้วปลอดภัยแน่นอน

    อย่างไรก็ตาม ความจริงคือ อาหารบางชนิดไม่เพียงเก็บในตู้เย็นแล้วไม่ดีขึ้น แต่ยังเน่าเสียง่ายและคุณภาพลดลง โดยเฉพาะ 4 ชนิดต่อไปนี้ ที่ไม่ควรแช่ตู้เย็นเด็ดขาด

    1. น้ำผึ้ง

    หากยังไม่เปิดฝาและปิดสนิท น้ำผึ้งสามารถเก็บไว้ได้นานมาก แม้เปิดใช้งานแล้วก็ไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็น เพียงแค่ปิดฝาให้แน่น แล้วเก็บไว้ในที่แห้ง อากาศถ่ายเท ไม่โดนแสงแดดโดยตรง และอยู่ในอุณหภูมิระหว่าง 5–25 องศาเซลเซียสก็เพียงพอ

    การแช่น้ำผึ้งในตู้เย็นอาจทำให้เกิดการตกผลึกจากอุณหภูมิต่ำ แม้จะไม่กระทบต่อคุณค่าทางโภชนาการและยังสามารถรับประทานได้ตามปกติ แต่จะทำให้รสชาติเปลี่ยนไป และต้องนำไปละลายก่อนจึงจะใช้ต่อได้

    2. ผลไม้เมืองร้อน

    ผลไม้เมืองร้อนไม่ถูกกับอุณหภูมิต่ำ หลายคนซื้อมาแล้วกินไม่หมด กลัวจะเสียเลยนำไปแช่ตู้เย็น โดยไม่รู้ว่าการทำแบบนั้นอาจทำให้ผลไม้เสียเร็วขึ้น

    เช่น กล้วย มะม่วง ทุเรียน ล้วนเป็นผลไม้เมืองร้อน อุณหภูมิในตู้เย็นที่ต่ำกว่า 4 องศาเซลเซียสอาจทำให้ผลไม้เกิดความเสียหายจากความเย็น เช่น กล้วย ถ้าเก็บในอุณหภูมิห้องจะอยู่ได้ 3–5 วัน แต่ถ้าแช่ตู้เย็น เพียง 2 วันเปลือกก็จะดำคล้ำ

    นอกจากนี้ ผลไม้เมืองร้อนหลายชนิดมักถูกเก็บเกี่ยวตอนยังไม่สุกดี และต้องการอุณหภูมิห้องเพื่อผลิตเอทิลีนตามธรรมชาติในการเร่งการสุก หากนำไปแช่เย็น จะขัดขวางกระบวนการนี้ ทำให้ภายนอกดูเน่าแต่ข้างในกลับยังไม่สุกเต็มที่

    3. สตรอว์เบอร์รี

    แม้สตรอว์เบอร์รีจะไม่ใช่ผลไม้เมืองร้อน แต่ก็ไม่ควรแช่ตู้เย็นเช่นกัน หลายคนอาจสังเกตว่าพอแช่ตู้เย็นแล้ว สตรอว์เบอร์รีมักขึ้นราง่าย เพราะความชื้นในตู้เย็นสูง

    โดยธรรมชาติ สตรอว์เบอร์รีมีอายุการเก็บรักษาสั้น จึงควรซื้อแล้วรีบรับประทานให้หมด หากกินไม่หมด ควรเก็บไว้ในที่แห้ง เย็น อากาศถ่ายเทก็เพียงพอ การนำไปแช่ตู้เย็นกลับยิ่งเร่งให้เน่าเสียเร็วขึ้นอีก

    4. มันฝรั่ง

    หลายคนกลัวว่าหากเก็บมันฝรั่งไว้นอกตู้เย็นจะงอกเป็นตา และเมื่อมันฝรั่งงอกก็จะเกิดสารพิษโซลานีน (solanine) ที่ไม่ควรรับประทาน จึงเลือกนำไปแช่ตู้เย็น แต่ความจริงแล้ว สภาพแวดล้อมที่เย็นและชื้นในตู้เย็นกลับยิ่งเร่งให้มันฝรั่งงอกเร็วขึ้น

    ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อแช่ตู้เย็น แป้งในมันฝรั่งจะเปลี่ยนเป็นน้ำตาลอย่างรวดเร็ว และหากนำไปทอดหรือปรุงด้วยความร้อนสูง จะเกิดสารอะคริลาไมด์ (acrylamide) ซึ่งเป็นสารอันตรายต่อร่างกาย

    ดังนั้นควรเก็บมันฝรั่งไว้ในที่แห้ง อากาศถ่ายเท ไม่ชื้น และไม่ควรแช่ในตู้เย็น

  • KUBET – ชาร์จแบตมือถือผิดวิธีอยู่หรือเปล่า? นิสัย “การใช้” และ “การชาร์จ” ที่ทำให้แบตเสื่อมโคตรไว!

    ชาร์จแบตมือถือผิดวิธีอยู่หรือเปล่า? นิสัยการใช้และการชาร์จ ที่ทำให้แบตอายุสั้นลงกว่าที่ควร

    การชาร์จมือถือที่ช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ในปี 2025

    เทคโนโลยีชาร์จที่แนะนำเพื่อยืดอายุแบต
    – เลือกใช้หัวชาร์จที่ใช้เทคโนโลยี GaN (Gallium Nitride) รุ่นล่าสุด เช่น GaN Gen 3 ที่มีประสิทธิภาพสูง ระบายความร้อนได้ดี และปลอดภัยกว่าหัวชาร์จแบบ Silicon
    – ใช้เทคโนโลยีชาร์จเร็วที่เหมาะสมกับมือถือ เช่น USB PD, QC, หรือ AFC โดยเลือกอุปกรณ์ชาร์จที่มีคุณภาพและตรงกับความต้องการของมือถือ 

    พฤติกรรมการชาร์จและการใช้งานที่ช่วยยืดอายุแบต

    – เริ่มชาร์จเมื่อแบตเหลือราว 20% แทนการปล่อยให้แบตหมดเกลี้ยง
    – หลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือระหว่างชาร์จ เช่น ดูวิดีโอหรือเล่นเกม เพราะจะทำให้เกิดความร้อนสะสม
    – อย่าชาร์จมือถือค้างคืน แม้ว่าเทคโนโลยีจะช่วยตัดไฟอัตโนมัติ แต่ความร้อนสะสมยังทำให้แบตเสื่อมได้
    – วางมือถือขณะชาร์จในที่อากาศถ่ายเท หรือเปิดพัดลม/แอร์ช่วยระบายความร้อน
    – หลีกเลี่ยงสายชาร์จปลอมหรือไม่ได้มาตรฐาน เพราะอาจทำให้เกิดความร้อนหรือกระแสไฟไม่เสถียร

    การใช้งานและการชาร์จที่ทำให้แบตเสื่อมเร็ว

    – ชาร์จเมื่อแบตหมดเกลี้ยงทุกครั้ง (deep discharge) จะทำให้แบตเสื่อมเร็ว
    – ใช้งานมือถือหนัก ๆ ขณะชาร์จ เช่น เล่นเกม ทำให้แบตเสื่อมเร็ว
    – ใช้สายหรือหัวชาร์จที่ไม่มีคุณภาพ ทำให้กระแสไฟไม่เสถียร
    – ชาร์จข้ามคืนโดยไม่ระบายความร้อน จะเพิ่มความเครียดให้แบตเตอรี่อย่างมาก

    สรุป

    – การชาร์จที่เหมาะสมในปี 2025 คือการใช้หัวชาร์จ GaN ที่มีระบบป้องกันความร้อน ใช้สายที่ได้มาตรฐาน และเริ่มชาร์จเมื่อแบตเหลือ 20%
    – หลีกเลี่ยงการใช้งานมือถือขณะชาร์จ และการชาร์จข้ามคืนเพื่อไม่ให้เกิดความร้อนสะสม
    – การดูแลวิธีชาร์จจะช่วยยืดอายุแบตเตอรี่ได้มากขึ้น แม้จะมีเทคโนโลยีใหม่อย่างแบตเตอรี่ซิลิคอนที่เริ่มใช้ในมือถือปี 2025 ก็ตาม

  • KUBET – ราชินีผักใบเขียว กูรูสหรัฐฯ ยกเป็นซูเปอร์ฟู้ด แคลเซียมมากกว่านม ยับยั้งเซลล์มะเร็ง

    ราชินีผักใบเขียว กูรูสหรัฐฯ ยกเป็นซูเปอร์ฟู้ด แคลเซียมมากกว่านม ยับยั้งเซลล์มะเร็งหลายชนิด เสริมภูมิคุ้มกัน ต้านอนุมูลอิสระ

    แคลเซียม เป็นแร่ธาตุสำคัญที่มีบทบาทต่อสุขภาพ ไม่เพียงแต่ช่วยให้กระดูกแข็งแรง แต่ยังมีผลดีต่อการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจและระบบประสาท ร่างกายได้รับแคลเซียมส่วนใหญ่มาจากอาหาร เมื่อพูดถึงอาหารที่มีแคลเซียมสูง หลายคนมักนึกถึงนม หรืออาหารทะเล แต่จริง ๆ แล้วผักบางชนิดก็มีแคลเซียมสูงเช่นกัน เช่น ผักเคล (Kale) หรือ คะน้าใบหยิก 

    จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรสหรัฐฯ (USDA) พบว่าในผักเคลจำนวน 100 กรัม มีแคลเซียมอยู่ 254 มิลลิกรัม ในขณะที่นมสด 100 กรัม มีแคลเซียมเพียง 123 มิลลิกรัม นั่นหมายความว่าผักเคลมีแคลเซียมสูงกว่านมถึง 2 เท่า

    ผักเคลมีแคลเซียมมากกว่านมถึง 2 เท่า

    และยังได้รับการยกย่องว่าเป็น “ซูเปอร์ฟู้ด” เพราะอุดมไปด้วยสารอาหารที่หลากหลาย โดยในผักเคล 100 กรัม ให้

    • โปรตีน 2.92 กรัม

    • ไขมัน 1.49 กรัม

    • ใยอาหาร 4.1 กรัม

    • น้ำตาล 0.8 กรัม

    • โพแทสเซียม 348 มิลลิกรัม

    • ฟอสฟอรัส 55 มิลลิกรัม

    • แมกนีเซียม 32.7 มิลลิกรัม

    • ธาตุเหล็ก 1.6 มิลลิกรัม

    • วิตามินซี 93.4 มิลลิกรัม

    • นอกจากนี้ยังมีสังกะสี ทองแดง แมงกานีส วิตามินเอ วิตามินบีรวม วิตามินอี และวิตามินเคในปริมาณเล็กน้อย

    ผักเคล

    ดร. Annelie Vogt von Heselholt นักโภชนาการคลินิกจากสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์ผ่านนิตยสาร Men’s Health ว่า

    “ผักเคลเป็นซูเปอร์ฟู้ดเพราะมีสารอาหารหลากหลาย ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ และส่งผลดีต่อสุขภาพโดยรวม”

    ประโยชน์ของการกินผักเคล

    1. เสริมสุขภาพหัวใจ 

    ข้อมูลจากนิตยสาร Health ระบุว่า ผักเคลช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) โดยการศึกษากับชาย 32 คนที่มีระดับคอเลสเตอรอลสูง พบว่าการดื่มน้ำผักเคลวันละ 150 มล. ติดต่อกัน 12 สัปดาห์ ช่วยลดระดับ LDL ได้อย่างมีนัยสำคัญ

    อีกการศึกษาบนเว็บไซต์ Healthline กับผู้ป่วย 149 คนที่มีภาวะเมตาบอลิก พบว่าการบริโภคผงผักเคลวันละ 14 กรัม นาน 8 สัปดาห์ ช่วยลด LDL และความดันโลหิตได้

    2. ป้องกันมะเร็ง

    สารสำคัญในผักเคล เช่น ซัลโฟราเฟน และอินโดล-3-คาร์บินอล มีคุณสมบัติยับยั้งการก่อตัวและการเติบโตของเซลล์มะเร็ง งานวิจัยบางชิ้นยังระบุว่า ซัลโฟราเฟนสามารถยับยั้งเซลล์มะเร็งเต้านม ปอด ตับ และเนื้องอกร้ายแรงอื่น ๆ ได้ (อ้างอิงจากนิตยสาร Health)

    3. เสริมสร้างกระดูกให้แข็งแรง

    ด้วยปริมาณแคลเซียมที่สูงกว่านม และยังมีวิตามินเค ผักเคลจึงช่วยเสริมสุขภาพกระดูก และลดความเสี่ยงโรคกระดูกพรุนได้

    4. ปกป้องสุขภาพดวงตา

    ผักเคลอุดมไปด้วยลูทีนและซีแซนทีน ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยป้องกันจอประสาทตาถูกทำลายจากแสงสีฟ้าของหน้าจอ และลดความเสี่ยงของโรคจอประสาทตาเสื่อม

    5. เสริมภูมิคุ้มกัน

    วิตามินซีในผักเคลช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน ต่อต้านความเครียดระดับเซลล์ และชะลอความชรา

    6. ส่งเสริมระบบย่อยอาหาร

    ใยอาหารในผักเคลช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ และส่งเสริมการเจริญเติบโตของแบคทีเรียดีในลำไส้ ตามข้อมูลจากนิตยสาร Health

  • KUBET – วิจัยน่าทึ่ง ผลไม้อรหันต์ หวานกว่าน้ำตาลทราย 300 เท่า แต่ไม่อันตราย ช่วยป้องกันมะเร็ง

     วิจัยสหรัฐฯ การันตี “ผลอรหันต์” ผลไม้ที่หวานกว่าน้ำตาลทราย 300 เท่า แต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ป้องกันมะเร็งได้ด้วย คนไม่ค่อยรู้จัก

    ในช่วงฤดูร้อนอันร้อนอบอ้าว คนจีนมักจะต้มชา หล่อฮังก๊วย (Momordica grosvenori Swingle) ดื่มเพื่อคลายร้อน ชานี้มีรสหวานและกลิ่นหอมอ่อน ๆ แต่มีไม่กี่คนที่รู้ว่า ความหวานนี้คือจุดเด่นของหล่อฮังก๊วย และการดื่มเป็นประจำสามารถส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างมาก เช่น ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด และลดความเสี่ยงโรคมะเร็ง

    หวานกว่าน้ำตาลทรายถึง 300 เท่า แต่ไม่เพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด

    ตามรายงานของนิตยสาร Health หล่อฮังก๊วยมีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทรายถึง 300 เท่า แต่ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น เพราะมีสาร โมโกรไซด์ (Mogrosides) ที่ให้ความหวานแต่ไม่มีแคลอรี

    จึงกลายเป็นสารให้ความหวานจากธรรมชาติที่ปลอดภัย เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ที่ต้องการควบคุมระดับน้ำตาลในร่างกาย

    ทั้งนี้ สำนักงานอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) ก็รับรองแล้วว่า หล่อฮังก๊วยเป็นสารให้ความหวานธรรมชาติที่ปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคทุกคน และอนุญาตให้นำไปใช้ในอาหารและเครื่องดื่มได้

    ผลหล่อฮังก๊วย

    ศักยภาพในการช่วยป้องกันมะเร็ง

    จากรายงานของ Medical News Today งานวิจัยบางชิ้นพบว่า หล่อฮังก๊วยมีศักยภาพในการช่วยป้องกันมะเร็ง เช่น การศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrients ปี 2016 พบว่า สารสกัดจากหล่อฮังก๊วยสามารถยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็งลำไส้ใหญ่และมะเร็งหลังโพรงจมูก

    ผู้วิจัยยังระบุว่า โมโกรไซด์มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ ช่วยป้องกันความเสียหายต่อ DNA ที่เกิดจากอนุมูลอิสระ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้ แต่คนสหรัฐฯ ไม่ค่อยรู้จักมากนัก

    สมุนไพรชั้นดี

    จากงานวิจัยทางการแพทย์สมัยใหม่ นอกจากช่วยป้องกันมะเร็ง หล่อฮังก๊วยยังมีฤทธิ์ต้านแบคทีเรียและต้านการอักเสบ และยังช่วยบรรเทาอาการของโรคระบบทางเดินหายใจได้เป็นอย่างดี

    ข้อมูลจากเว็บไซต์ สุขภาพและชีวิต ระบุว่า หล่อฮังก๊วยเป็นสมุนไพรที่มีรสหวาน เย็น ไม่มีพิษ มีผลต่อเส้นลมปราณของปอดและม้าม

  • KUBET – ก่อนนอน! หลีกเลี่ยง 5 เครื่องดื่ม หนีกรดไหลย้อน-หลับไม่สนิท สุขภาพดิ่งไม่รู้ตัว

    คำแนะนำที่จริงใจ เปิดลิสต์ 5 เครื่องดื่ม “ที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน” ป้องกันผลกระทบต่อสุขภาพการนอนหลับ

    ผู้เชี่ยวชาญจากเว็บไซต์ Cleveland Clinic และ Everyday Health เปิดเผยผ่านสื่อเวียดนามว่า การเลือกเครื่องดื่มก่อนนอนส่งผลโดยตรงต่อคุณภาพการนอนหลับของเรา ซึ่งหากเลือกผิด อาจส่งผลร้ายต่อทั้งระบบทางเดินอาหาร สมอง และฮอร์โมนในร่างกายได้ ดังนั้น หากไม่อยากให้การนอนหลับถูกรบกวน หรือเสี่ยงต่อภาวะกรดไหลย้อนและสุขภาพเสื่อมถอยโดยไม่รู้ตัว มี 5 ประเภทที่ควรหลีกเลี่ยง ดังนี้

    1. น้ำส้ม

    แม้น้ำส้มจะอุดมด้วยวิตามินซี และสารต้านอนุมูลอิสระ แต่ก็มีปริมาณกรดซิตริกสูง ซึ่งสารนี้สามารถทำให้กล้ามเนื้อหูรูดหลอดอาหารส่วนล่างคลายตัว นำไปสู่การเกิดกรดไหลย้อน โดยเฉพาะเมื่อคุณนอนราบหลังจากดื่ม นอกจากนี้ น้ำส้มยังสามารถกระตุ้นให้กระเพาะอาหารผลิตกรดเพิ่มขึ้น ทำให้รู้สึกแสบกลางอกและไม่สบายท้องในช่วงกลางคืน

    2. ช็อกโกแลตร้อน

    หลายคนอาจคิดว่าช็อกโกแลตร้อนเป็นเครื่องดื่มช่วยผ่อนคลายก่อนนอน แต่ในความเป็นจริง ช็อกโกแลตร้อนมีทั้งคาเฟอีนและธีโอโบรมีน ซึ่งเป็นสารกระตุ้นที่สามารถรบกวนการนอนและกระตุ้นการหลั่งกรดในกระเพาะ นอกจากนี้ มักมีการผสมครีมหรือผลิตภัณฑ์นมไขมันสูง ซึ่งทำให้ย่อยยากและเสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อนมากขึ้น ดังนั้นหากจำเป็นต้องดื่มจริงๆ ควรเลือกช็อกโกแลตแบบไร้นมและไขมันต่ำ

    3. เครื่องดื่มแอลกอฮอล์

    แอลกอฮอล์อาจทำให้คุณหลับเร็วขึ้น แต่เป็นการหลับที่ไม่มีคุณภาพ และจะสะดุ้งตื่นบ่อยในช่วงกลางคืน ผู้เชี่ยวชาญแนะนำว่า ควรหยุดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 4 ชั่วโมงก่อนเข้านอน และควรดื่มไม่เกิน 1 แก้วต่อวันเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อวงจรการนอนของร่างกาย หากดื่มเข้าไปแล้ว ควรดื่มน้ำเปล่าตามมากๆ เพื่อช่วยขับแอลกอฮอล์ออกจากร่างกาย

    4. กาแฟ

    กาแฟเป็นแหล่งคาเฟอีนที่เด่นชัดที่สุด ซึ่งส่งผลให้ร่างกายตื่นตัว หัวใจเต้นเร็ว และสมองทำงานมากเกินไป หากดื่มช่วงเย็นหรือก่อนนอนจะทำให้นอนหลับยากขึ้น รวมถึงเสี่ยงต่ออาการวิตกกังวล นอนไม่สนิท และส่งผลต่อสุขภาพผิวในระยะยาว

    5. น้ำอัดลม หรือน้ำหวานที่มีคาเฟอีน

    น้ำอัดลมบางชนิดมีทั้งคาเฟอีนและน้ำตาลในปริมาณสูง ซึ่งเป็นสูตรสำเร็จของการรบกวนการนอนหลับ โดยน้ำตาลจะเพิ่มระดับพลังงานให้ร่างกาย ในขณะที่คาเฟอีนจะทำให้สมองตื่นตัว และแก๊สจากน้ำอัดลมอาจทำให้ท้องอืด ไม่สบายท้องในระหว่างคืน

    ขณะเดียวกัน สำหรับคำแนะนำเพื่อการนอนที่ดีนั้น ทางเว็บไซต์ได้แนะนำไว้ 3 ข้อดังนี้ หลีกเลี่ยงการดื่มหรือรับประทานอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 2–3 ชั่วโมง, หากต้องการดื่มเครื่องดื่มก่อนนอน ควรเลือกน้ำอุ่น หรือน้ำชาสมุนไพรที่ไม่มีคาเฟอีน เช่น ชาคาโมมายล์ หรือชาขิง, ดื่มนมพืชไขมันต่ำ เช่น นมอัลมอนด์ หรือนมถั่วเหลือง ก็เป็นทางเลือกที่ดี

    คืนนี้ก็อย่าลืมเตือนตัวเองว่า การเลือกเครื่องดื่มก่อนนอนมีผลอย่างมากต่อสุขภาพการนอน หากคุณกำลังประสบปัญหานอนไม่หลับ หรือกรดไหลย้อน ลองสังเกตพฤติกรรมการดื่มของตัวเองในช่วงค่ำ และปรับเปลี่ยนตามคำแนะนำนี้ อาจช่วยให้คุณหลับสนิทขึ้น และตื่นมาพร้อมความสดชื่นในทุกเช้า!

  • KUBET – เนื้อสัตว์ที่หลายคนเมิน ทั้งที่เป็น “ยาบำรุงชั้นเลิศ” โปรตีนสูง ธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว

    เนื้อสัตว์ที่หลายคนเมิน ทั้งที่ตำราแพทย์จีนยกให้เป็น “ยาบำรุงชั้นเลิศ” โปรตีนสูง ธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว

    แหล่งโปรตีนคุณภาพสูงที่หลายคนมองข้าม คือ เนื้อเป็ด จัดเป็นเนื้อสัตว์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ราคาถูกกว่าเนื้อวัวเกือบครึ่งหนึ่ง แต่เนื้อเป็ดกลับมีคุณค่าทางโภชนาการไม่แพ้กัน บางด้านยังเหนือกว่าด้วยซ้ำ ไม่ใช่แค่อาหารเท่านั้น แต่เนื้อเป็ดยังถือเป็นตำรับยารักษาโรคในแพทย์แผนจีน

    เป็ดและห่าน แม้เป็นสัตว์ปีก แต่จัดเป็นเนื้อแดง เนื่องจากกล้ามเนื้อถูกใช้ในการบินเป็นเวลานาน ทำให้มีไมโอโกลบินสูง โดยไมโอโกลบินเป็นโปรตีนที่จับออกซิเจนและเหล็ก ทำให้กล้ามเนื้อมีสีเข้มขึ้น

    คนจีนยกให้เนื้อเป็ดเป็น “ยาบำรุงชั้นเลิศ”

    มีรายงานว่า ตามตำราแพทย์แผนจีน เนื้อเป็ดถือเป็น “ยาบำรุงชั้นเลิศ” ช่วยปรับสมดุลอวัยวะภายในทั้งห้า ขับปัสสาวะ ลดความร้อนในร่างกาย และฟื้นฟูร่างกายที่อ่อนแอ ซึ่งทั้งหมดนี้มาจากสารอาหารที่หลากหลายในเนื้อเป็ด

    1. ธาตุเหล็กมากกว่าเนื้อวัว

    ข้อมูลจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ระบุว่า ในเนื้อเป็ด 100 กรัม มีธาตุเหล็กถึง 2.7 มิลลิกรัม ซึ่งมากกว่าเนื้อวัว (2.6 มิลลิกรัม) ธาตุเหล็กมีบทบาทสำคัญในการลำเลียงออกซิเจนในเลือด และช่วยสร้างพลังงาน หากขาดธาตุเหล็ก อาจทำให้ร่างกายเหนื่อยล้า ภูมิคุ้มกันลดลง และเกิดภาวะโลหิตจาง

    2. โปรตีนสูง

    ในเนื้อเป็ด 100 กรัม มีโปรตีนมากถึง 25 กรัม มากกว่าเนื้อวัว หมู แพะ ปลา หรือแม้แต่ไข่ จึงถือเป็นแหล่งโปรตีนที่ดีมาก

    3. ไขมันดีสูง

    ไขมันส่วนใหญ่ในเนื้อเป็ดเป็นไขมันดี เช่น ไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยว และกรดไขมันโอเมก้า 3 และ 6 ถ้าเทียบกับอกไก่ ในเนื้ออกเป็ด 85 กรัม มีไขมันเพียง 2 กรัม (ไขมันอิ่มตัว 0.5 กรัม) ขณะที่อกไก่มีไขมันรวม 3 กรัม (ไขมันอิ่มตัว 1 กรัม) การบริโภคไขมันอิ่มตัวมากเกินไป อาจเพิ่มระดับคอเลสเตอรอล และเสี่ยงโรคหัวใจหรือหลอดเลือดสมอง

    4. วิตามิน B สูง

    จากข้อมูลของเว็บไซต์ Very Well Fit เนื้อเป็ดอุดมไปด้วยแร่ธาตุอย่างซีลีเนียม วิตามิน C และวิตามินในกลุ่ม B โดยเฉพาะ B3 และ B12 ซึ่งช่วยเผาผลาญคาร์โบไฮเดรต ไขมัน โปรตีน บำรุงระบบประสาท และช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง

    ประโยชน์ต่อสุขภาพของเนื้อเป็ด

    เสริมภูมิคุ้มกัน

    เนื้อเป็ดมีซีลีเนียมสูง ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยลดการอักเสบ และป้องกันการเสื่อมของเซลล์

    ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ

    มีกรดไขมันโอเมก้า 3 สูง ซึ่งดีต่อหัวใจ และหากบริโภคแทนเนื้อแดงอื่น ๆ ยังช่วยลดการได้รับไขมันอิ่มตัวอีกด้วย

    ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด

    ข้อมูลจาก WebMD ระบุว่า ไขมันดีในเนื้อเป็ด ช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ปรับปรุงระดับไขมัน และช่วยการทำงานของอินซูลิน แต่ควรเลี่ยงส่วนที่มีมันมาก และรับประทานในปริมาณพอเหมาะ

    บำรุงไต

    ตามหลักแพทย์แผนจีน เนื้อเป็ดมีฤทธิ์เย็น รสหวานเค็มเล็กน้อย ไม่มีพิษ ช่วยบำรุงเลือด ลดความร้อนในร่างกาย เพิ่มความชุ่มชื้น ขับพิษ และปรับสมดุลอวัยวะภายใน จึงช่วยบำรุงไตและเสริมสมรรถภาพทางเพศทั้งชายและหญิง

    เคล็ดลับกำจัดกลิ่นคาวเป็ด

    แม้เนื้อเป็ดจะมีประโยชน์มาก แต่บางคนเลี่ยงไม่กินเพราะกลิ่นคาว เพื่อไม่ให้พลาดคุณค่าทางสุขภาพ ลองใช้วิธีเหล่านี้

    • หยดเหล้าขาวลงปากเป็ดก่อนเชือด เพื่อขจัดกลิ่นจากภายใน

    • ใช้น้ำร้อนผสมปูนขาว/ใบมะเฟือง/ผักบุ้ง ลวกขนและทำความสะอาดรูขุมขน

    • ตัดส่วนก้นเป็ดออก

    • ใช้เกลือเม็ด มะนาว/น้ำส้มสายชู เหล้า และขิงทาบนเนื้อเป็ด แล้วล้างหลายครั้ง

    • ต้มเป็ดกับน้ำเดือด โดยใส่ขิงและหอมแดงทุบลงไป ช่วยดับกลิ่นได้ดี

    เนื้อเป็ดไม่ได้เป็นแค่อาหารอร่อย แต่ยังเป็น “ยาบำรุง” ตามตำราแพทย์แผนจีน ด้วยคุณค่าทางโภชนาการที่ครบถ้วน ทั้งโปรตีน ไขมันดี วิตามิน และแร่ธาตุ ที่ช่วยเสริมสุขภาพในหลายด้าน ทั้งระบบเลือด หัวใจ ภูมิคุ้มกัน และการทำงานของร่างกายโดยรวม

     

  • KUBET – “พิมพ์ พิมพ์มาดา” ศัลยกรรมในวัย 45 ปี ผลลัพธ์กระชากวัยสุดๆ สวยหน้าเด็กมาก

    ออกมาอัปเดตใบหน้าและรายละเอียดให้เห็นกันแบบชัดๆ สำหรับนักแสดงสาว พิมพ์-พิมพ์มาดา บริรักษ์ศุภกร หลังจากได้ตัดสินใจครั้งใหญ่ในวัย 45 ปี ขึ้นเขียงอัปความสวยกระชากวัยให้สดใสอีกครั้ง

    โดย พิมพ์ พิมพ์มาดา เผยว่า “มาแล้วค่าา รีวิวที่จริงใจ มีใครรออัพเดทหน้าพิมพ์บ้างค๊าา? ตอนแรกคุยกับทาง รพ. DA @daplasticsurgery_th ไว้ว่าจะลงรูปตอนสวยทีเดียวเลย ตอนหน้าบวมๆเยินๆขอไม่ลงนะคะ แล้วทาง DA ก็ใจดีซะด้วย ไม่ว่าอะไรทั้งนั้น บอกว่าเอาที่พี่พิมพ์สบายใจ เดี๋ยวพอสวยแล้วค่อยว่ากันอีกที

    และก็เป็นตามนั้นค่ะ นี่คือผ่านไป 1 เดือนกับ 20 วัน หลังผ่าตัดดึงหน้า และอยากมารีวิวมากก!! อยากให้ทุกคนเห็นเผื่อคนที่กำลังอยากทำไว้ประกอบการตัดสินใจนะคะ

    หลายคนก็ถามว่าทำไมรีบทำ ซึ่งปีนี้พิมพ์อายุ 45 แล้วค่ะ คนชอบติดภาพว่าพิมพ์หน้าเด็ก แต่จริงๆ แล้วก็หย่อนคล้อยตามวัยเหมือนทุกๆ คนเลย หรืออาจจะหย่อนกว่ารุ่นเดียวกันหลายๆ คนด้วยซ้ำค่ะ

    และด้วยพฤติกรรมคือเป็นคนไม่ค่อยพบแพทย์เพื่อดูแลอะไรเท่าไหร่ เลยคุยและปรึกษากับพี่ แหม่ม วิชุดามาเป็นปีๆ ก่อนตัดสินใจทำ และต้องบอกว่านี่คือการตัดสินใจที่ถูกที่สุดสำหรับพิมพ์ในวันนี้เลย เพราะโจทย์ที่ให้กับคุณหมอคูและทีม DA คือขอเหมือนเดิม ใน version ที่ดีขึ้น ดูสดชื่นและสดใสขึ้น และผลก็ออกมาถูกใจพิมพ์มากๆ

    และอีก 1 อย่างที่ต้องอวยยศให้เค้าคือการทำผิวค่ะ พิมพ์ไม่ได้รู้สึกว่าผิวดี สดใสแบบนี้มานานมากก (อยากให้คงอยู่แบบนี้ตลอดไป) และทาง DA แจ้งว่ารอดูตอนครบ 3 เดือนอีกที จะเข้าที่กว่านี้ (แต่ห้ามอ้วนขึ้นนะ!!) เดี๋ยวมาอัพเดทตอนครบ 3 เดือนอีกทีนะคะ ขอ special thanx ให้น้องเจน และพี่แหม่ม วิชุดาที่ดูแลและทำให้พิมพ์ผ่านทุกอย่างมาได้แบบ smooth ที่สุด รักนะคะ @jennydollita @wichudapindum”

  • KUBET – ผ่าทรัพย์สิน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เงินล้นฟ้า รวยเหลือเฟือ

    ผ่าทรัพย์สิน ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี รวยล้นฟ้า รวยเหลือเฟือ

    สำนักข่าวอิศรา และสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เคยรายงานทรัพย์สินของ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร หลังพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีครบ 1 ปี เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. 2558 พบว่า น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะไม่รวมของคู่สมรส(ไม่ได้จดทะเบียนสมรส) มีทรัพย์สินแจ้งทรัพย์สิน 612,379,231 บาท หนี้สิน 33,070,803 บาท

    น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร มีทรัพย์สิน 612,379,231 บาท

    • เงินสด 14,298,120 บาท
    • เงินฝาก 24,908,420 บาท
    • เงินลงทุน 115,531,804 บาท
    • เงินให้กู้ยืม 108,301,369 บาท
    • ที่ดินจำนวน 14 แปลง 117,186,350 บาท
      • โฉนดที่ดิน 9494 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 8 ไร่ 37 ตรว. มูลค่า 3,237,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 9463 ต.ต้นเปา อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 98 ตรว. มูลค่า 294,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 72812 ต.ช้างคลาน อ.เมือง ฯ จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 35.4 ตรว. มูลค่า 1,770,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 81454 ต.ช้างคลาน อ.เมือง ฯ จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 17.7 ตรว. มูลค่า 885,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 57310 ต.แสมดำ (บางบอน) อ.บางขุนเทียน กทม. เนื้อที่ 18 ตรว.มูลค่า 720,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 57430 ต.แสมดำ (บางบอน) อ.บางขุนเทียน กทม. เนื้อที่ 57.6 ตรว.มูลค่า 2,304,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 45721 ต.ท่าศาลา อ.เมืองฯ จ.เชียงใหม่ เนื้อที่ 20.5 ตรว. มูลค่า 600,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 10005 ต.บางบ่อ อ.บางบ่อ จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 2 ไร่ 2 งาน 39 ตรว. มูลค่า 11,948,500 บาท
      • โฉนดที่ดิน 7480 ต.บางเสาธง อ.บางเสาธง จ.สมุทรปราการ เนื้อที่ 1 ไร่ 2 งาน มูลค่า 18,090,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 70389 ต.คลองกุ่ม อ.บึ่งกุม จ.กทม. เนื้อที่ 2 ไร่ 1 งาน 95 ตรว. มูลค่า 13,438,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 16505 ต.คลองกุ่ม อ.บึงกุ่ม ต.กทม. เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 82 ตรว.มูลค่า 10,562,000 บาท
      • โฉนดที่ดิน 51825 ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย เนื้อที่ 11 ไร่ 84 ตรว. มูลค่า 672,600 บาท
      • โฉนดที่ดิน 67055 ต.ทานตะวัน อ.พาน จ.เชียงราย เนื้อที่ 11 ไร่ 35 ตรว.
      • โฉนดที่ดิน 115536 ต.คลองกุ่ม อ.บึงกุ่ม จ.กทม. เนื้อที่ 1 ไร่ 3 งาน 11 ตรว. มูลค่า 52,000,000 บาท รวมเป็นเงิน 117,186,350 บาท
    • สิ่งปลูกสร้าง 33 รายการ รวมจำนวนเงิน 162,368,182.40 บาท
      • รถยนต์ 21,990,000 บาท
      • เบนซ์
      • BMW
      • แลนโรเวอร์
      • ปอร์เช่
      • โฟล์กสวาเกน
    • สิทธิและสัมปทาน (กรมธรรม์ประกันชีวิต) 596,189 บาท
    • ทรัพย์สินอื่น 45,690,000 บาท
      • นาฬิกาข้อมูล 9 เรือน 1.8 ล้านบาท (แพงที่สุด คือ โรเล็กซ์ ฝังเพชร 4 แสนบาท)
      • กระเป๋า Hermes 7 ใบ มูลค่า 2.1 ล้านบาท
      • เครื่องเพชร อัญมณี เครื่องประดับ (แหวน-ต่างหู) รวมมูลค่า 41.1 ล้านบาท แพงที่สุคือ แหวนทองคำขาวฝังเพชร 3 ล้านบาท

    รายได้รวมต่อปี 9,512,548 บาท

    • เป็นค่าเช่า 888,000 บาท
    • ดอกเบี้ย 2.3 ล้านบาท
    • เงินปันผล 4 ล้านบาท
      • ได้เงินคืนจากการชำระหนี้ของบริษัท แอ็ด อินเด็กซ์ จำกัด บางส่วน 2 ล้านบาท
      • ได้เงินทุนเลี้ยงชีพจากกองทุนผู้เคยเป็นสมาชิกรัฐสภา ระหว่าง ธ.ค. 2556-มี.ค. 2558 เป็นเงิน 324,548 บาท

    รายจ่ายรวมต่อปี 3,920,000 บาท

    • ค่าใช้จ่ายอุปโภคบริโภค 3.6 ล้านบาท
    • ค่าเบี้ยประกัน 3.2 แสนบาท

    นายอนุสรณ์ อมรฉัตร สามีนอกสมรส มีทรัพย์สินทั้งสิ้น 76,633,895 บาท

    บุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ มีทรัพย์สิน 1,535,795 บาท

  • KUBET – หมอนิวยอร์กอวย “สมุนไพรอมตะ” สรรพคุณเลิศกว่าชาเขียว ประโยชน์ยาวเป็นหางว่าว

    หมอนิวยอร์กอวยประโยชน์ “สมุนไพรอมตะ” ที่สหรัฐฯ น้อยคนจะรู้จัก สรรพคุณในการต้านอนุมูลอิสระเลิศกว่าชาเขียว ลดความดัน-ไขมัน-น้ำตาลในเลือด

    New York Post รายงานว่า คนสหรัฐฯ อาจคุ้นเคยกับโสมและใบแปะก๊วย ซึ่งเป็นสมุนไพรจีนที่ใช้กันอย่างแพร่หลายเพื่อส่งเสริมการทำงานของสมอง เพิ่มพลังงาน และลดความเครียด

    แต่อาจยังไม่รู้จัก เจียวกู่หลาน (Jiaogulan)  สมุนไพรที่ถูกขนานนามว่า “สมุนไพรอมตะ” ซึ่งกำลังได้รับความสนใจจากคุณสมบัติที่อาจช่วย เพิ่มการเผาผลาญ ลดคอเลสเตอรอล ลดการอักเสบ และ ส่งเสริมอายุยืน

    “มีน้อยคนในสหรัฐฯ ที่รู้จักเจียวกู่หลาน” ดร.ไมเคิล อาซิซ แพทย์อายุรกรรมและผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูในนิวยอร์ก กล่าว

    ดร.อาซิซ ซึ่งบริโภคเจียวกู่หลานวันละ 900 มิลลิกรัม ได้เปิดเผยข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ของพืชชนิดนี้

    เจียวกู่หลานคืออะไร?

    เจียวกู่หลาน (Jiaogulan) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Gynostemma pentaphyllum มักพบในพื้นที่ภูเขาและป่าของเอเชีย และมีชื่อเรียกเล่น ๆ ว่า “โสมใต้” หรือ “หญ้ามหัศจรรย์”

    แม้จะถูกใช้ในแพทย์พื้นบ้านมานานหลายศตวรรษ แต่เพิ่งได้รับความนิยมอย่างรวดเร็วในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา

    เจียวกู่หลานมักพบในรูปแบบ ชาสมุนไพร และ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร

    “ชาเจียวกู่หลานมีค่า ORAC (ความสามารถในการต้านอนุมูลอิสระ) สูงมาก สูงกว่าชาเขียวถึง 8 เท่า”  ดร.อาซิซ ผู้เขียนหนังสือ The Ageless Revolution กล่าว

    เขาแนะนำให้ชงใบชาแห้งเจียวกู่หลาน 1–2 ช้อนชา ในน้ำ 250 มิลลิลิตร กรองและดื่ม รสชาติของชานั้น ขมเล็กน้อยแต่มีความหวานปน และบางคนบอกว่ามีรส “กลิ่นดิน”

    ทำไมเจียวกู่หลานถึงมีรสขม?

    รสขมของเจียวกู่หลานมาจากสารธรรมชาติที่เรียกว่า ซาโปนิน (saponins) ซึ่งเชื่อว่าเป็นแหล่งของคุณประโยชน์ทางสุขภาพ

    นักวิจัยเขียนไว้ในวารสาร Journal of Functional Foods ฉบับเดือนมกราคมว่า

    “รสขมและคุณสมบัติเย็นของเจียวกู่หลานเหมาะอย่างยิ่งในการขจัดความร้อนและล้างพิษ เหมาะสำหรับโรคไวรัสตับอักเสบ ลำไส้อักเสบเรื้อรัง และหลอดลมอักเสบเรื้อรัง”

    “ส่วนรสหวานของเจียวกู่หลานช่วยบำรุงหัวใจ ปกป้องตับ เสริมพลังชี่และเลือด เหมาะกับผู้ที่มีไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง ไขมันพอกตับ นอนไม่หลับ และปวดศีรษะ”

    เจียวกู่หลานมีประโยชน์ต่อสุขภาพอย่างไร?

    เจียวกู่หลานมีสารสำคัญชื่อ ไกลโคไซด์จิปีโนไซด์ (Gypenosides) ซึ่งเป็นชนิดของซาโปนิน โครงสร้างของจิปีโนไซด์คล้ายกับ จินเซนโนไซด์ในโสม

    ดร.อาซิซอธิบายว่า “จิปีโนไซด์กระตุ้นเอนไซม์ AMP-activated protein kinase ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการควบคุมพลังงานของเซลล์ และยังมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ”

    “มันยังช่วยปรับการทำงานของอินซูลิน และเพิ่มประสิทธิภาพของไมโตคอนเดรีย ซึ่งเปรียบได้กับแบตเตอรี่ของเซลล์ สิ่งเหล่านี้เป็นปัจจัยหลักที่เกี่ยวข้องกับความชราและอายุยืน”

    เจียวกู่หลานยังถูกพบว่ามี ฤทธิ์ต้านมะเร็ง และช่วย ลดความดันโลหิต ได้อีกด้วย

    เจียวกู่หลานมีผลข้างเคียงหรือไม่?

    โดยทั่วไป เจียวกู่หลานถือว่าปลอดภัยในการบริโภค

    ผลข้างเคียงที่พบได้บ่อย ได้แก่ คลื่นไส้และท้องเสีย ในบางกรณีอาจเกิดอาการ อาเจียน วิงเวียน ตามัว หรือหูอื้อ

    ข้อควรระวัง ผู้ที่ใช้ยาประจำควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทานเจียวกู่หลาน เนื่องจากอาจเกิดปฏิกิริยากับยาได้

    โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวาน ดร.อาซิซแนะนำว่า “ผู้ป่วยเบาหวานควรระมัดระวังและอาจต้องปรับลดขนาดยาลง หากดื่มชาเจียวกู่หลานในปริมาณมาก เพราะมันอาจทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้”

  • KUBET – เปิดวาร์ป “น้องเบล” นางเอก MV แฟนใหม่หน้าคุ้น สาวเท่สุดแซ่บที่ใครก็พูดถึง

    เปิดวาร์ป “น้องเบล” นางเอก MV แฟนใหม่หน้าคุ้น สาวเท่สุดแซ่บที่ใครก็พูดถึง

    หากยังจำกันได้ หนึ่งในเพลงฮิตที่กลายเป็นกระแสทั่วโซเชียลในปี 2563 ก็คือเพลง “แฟนใหม่หน้าคุ้น” ของสองศิลปินรุ่นใหม่สุดปัง MAIYARAP และ MILLI ที่ทั้งเนื้อหาและจังหวะโดนใจสายอินดี้ฮิปฮอปแบบสุดๆ

    แต่ที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยคือ นางเอก MV สุดเท่ ที่มารับบทเป็น “แฟนใหม่หน้าคุ้น” คนนี้…ใช่แล้ว! เธอคือ “น้องเบล” สาวลุคบอยๆ ที่สะกดสายตาผู้ชมตั้งแต่แรกเห็นด้วยความสวยแบบมีเสน่ห์ เท่ เซ็กซี่ และน่าค้นหา

    ทำความรู้จัก “น้องเบล” สาวลุคเท่ ที่ใครๆ ก็อยากรู้จัก

    หลังจากปรากฏตัวใน MV เพลงฮิต น้องเบลก็กลายเป็นที่พูดถึงในโลกออนไลน์อย่างรวดเร็ว ด้วยสไตล์การแต่งตัวสุดคูล มุมมองกล้องเท่ๆ และอินเนอร์การแสดงที่ทำให้คนดูรู้สึก “เธอคนนี้ไม่ธรรมดา” แฟนๆ หลายคนถึงกับไปตามหาวาร์ปกันยกใหญ่

    ล่าสุด เราก็ไปเจออินสตาแกรมของเธอเข้าแล้ว ซึ่งต้องบอกเลยว่า ตัวจริงของน้องเบลนั้นมีทั้งมุมหวาน เท่ และเซ็กซี่ ครบจบในคนเดียว! ใครที่อยากติดตามผลงานหรือไลฟ์สไตล์ของเธอ สามารถตามไปได้ที่นี่เลย

    วาร์ป IG ของ “น้องเบล”

    Instagram: goddontsaveme

    ใครที่ยังไม่เคยดู MV แฟนใหม่หน้าคุ้น หรืออยากย้อนฟังเพลงเพราะๆ พร้อมชมความเท่ของน้องเบลอีกครั้ง ก็อย่าลืมไปหาดูกัน รับรองว่าคุณจะหลงรักเธอเหมือนเรา!