Blog

  • KUBET – อุทาหรณ์ชีวิต หนุ่มอายุแค่ 27 ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย ต้นเหตุคือ “เมนูโปรด” กินทุกคืนไม่เบื่อ!

    ช็อก! หนุ่มจีนวัย 27 ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย เซ่นพิษ “เมนูโปรด” ที่กินทุกคืนต่อเนื่อง 5 ปี

    พฤติกรรมการกินก่อนนอนส่งผลร้ายแรง หนุ่มสายไอทีวัย 27 ปี กลายเป็นผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะสุดท้าย หลังรับประทานอาหารย่างแทนข้าวเย็นมานานถึง 5 ปี

    ข่าวช็อกวงการสุขภาพจากประเทศจีน เมื่อ “เสี่ยวจาง” โปรแกรมเมอร์หนุ่มวัย 27 ปี ถูกวินิจฉัยว่าเป็น มะเร็งลำไส้ใหญ่ระยะที่ 4 หลังเข้ารับการตรวจร่างกายเนื่องจากมีอาการปวดท้องเรื้อรังและน้ำหนักลดอย่างรวดเร็ว แพทย์พบว่าต้นตอมาจากพฤติกรรมการบริโภค “อาหารย่าง” แทนข้าวเย็นเป็นประจำมานานกว่า 5 ปี

    อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงก่อนนอน มีอะไรบ้าง? หลายคนอาจชินกับการกินของว่างตอนดึกโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังทำร้ายลำไส้แบบสะสม มาดูกันว่ามีอาหารประเภทใดบ้างที่ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่าไม่ควรรับประทานก่อนนอน

    1. อาหารย่าง-ปิ้ง แม้จะหอมอร่อย แต่การย่างที่อุณหภูมิสูงกว่า 200°C จะทำให้เกิดสารก่อมะเร็งกลุ่ม เบนโซไพรีน (Benzopyrene) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งระดับ 1 โดยเฉพาะไม้เสียบหรือภาชนะที่ผ่านการใช้งานซ้ำ อาจปล่อยสารฟอร์มาลดีไฮด์เมื่อนำไปปิ้งย่าง ควรเปลี่ยนมาใช้อุปกรณ์อย่าง หม้อทอดไร้น้ำมัน และควบคุมอุณหภูมิไม่เกิน 180°C
    2. เนื้อสัตว์แปรรูป ไส้กรอก แฮม เบคอน อาจดูสะดวกแต่ซ่อนพิษร้ายจาก ไนไตรท์ ที่สามารถเปลี่ยนเป็น ไนโตรซามีน ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งในกระเพาะอาหาร งานวิจัยจากองค์กรวิจัยมะเร็งโลก (IARC) ระบุว่า การบริโภคเนื้อแปรรูปเพียง 50 กรัมต่อวัน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งลำไส้ใหญ่ถึง 18%
    3. อาหารรสจัด-เผ็ดร้อน แม้จะถูกใจสายแซ่บ แต่อาหารที่มี แคปไซซิน (Capsaicin) สูง หากรับประทานมากและต่อเนื่อง อาจทำให้ผนังลำไส้อักเสบ หรือเกิดการเพิ่มจำนวนเซลล์ผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่การกลายเป็นมะเร็งได้
    4. น้ำอัดลมเย็น ความเย็นทำให้หลอดเลือดลำไส้หดตัว ขณะที่ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในน้ำอัดลมเพิ่มความดันในกระเพาะอาหาร ทำให้เกิดอาการปวดท้อง ท้องอืด และอาจเป็นต้นเหตุของกลุ่มอาการลำไส้แปรปรวน

    กฎทองดูแลลำไส้ก่อนนอน เพื่อป้องกันไม่ให้ลำไส้ทำงานหนักเกินไปในช่วงกลางคืน ควรปฏิบัติตามคำแนะนำเหล่านี้

    1. งดอาหารก่อนนอนอย่างน้อย 3 ชั่วโมง เพื่อให้ลำไส้มีเวลา “ทำความสะอาดตัวเอง” อย่างน้อย 8 ชั่วโมง

    2. ดื่มน้ำอุ่นหลังตื่นนอน 300 มล. แล้วนวดท้องเบาๆ รอบสะดือ เพื่อกระตุ้นการขับถ่าย

    3. นอนตะแคงซ้าย ลดการไหลย้อนของกรดในกระเพาะ และช่วยระบบย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น

    4. ออกกำลังกายลำไส้ก่อนนอน เช่น ท่านอนหงายแล้ว “ปั่นจักรยานอากาศ” พร้อมหายใจเข้าลึกๆ ด้วยท้อง เพื่อกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้

    สัญญาณเตือนมะเร็งลำไส้ ที่ไม่ควรมองข้าม

    1. รูปทรงของอุจจาระเปลี่ยนไป เช่น บางเหมือนดินสอ หรือมีร่องไม่ปกติ

    2. พฤติกรรมขับถ่ายแปรปรวน สลับระหว่างท้องผูกและท้องเสีย พร้อมความรู้สึก “อยากถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก”

    3. น้ำหนักลดเร็วโดยไม่ตั้งใจ หากลดลงเกิน 10% ภายใน 6 เดือน ควรรีบพบแพทย์

    4. ปวดท้องเวลากลางคืน โดยเฉพาะบริเวณท้องน้อยด้านขวาหรือซ้าย ควรได้รับการตรวจเช็ก

    เพราะลำไส้คือ “สมองที่สอง” ของร่างกาย สิ่งที่คุณกินเข้าไปในแต่ละวัน มีผลโดยตรงกับอนาคตของสุขภาพลำไส้ อย่ารอให้ป่วยแล้วค่อยเปลี่ยนพฤติกรรม วันนี้คุณสามารถเริ่มต้นได้ง่ายๆ แค่เลือกอาหารให้ถูกเวลา และให้ลำไส้ได้พักผ่อนอย่างเหมาะสม ดังนั้น อย่าลืม วางขนมซองลง แล้วลุกไปชงชามอลต์อุ่นๆ สักถ้วยให้ตัวเองก่อนนอน… เพื่อให้ลำไส้ได้พักผ่อนอย่างที่ควรจะเป็น

     

  • KUBET – เครื่องใช้ในครัว 4 อย่าง ถูกขนานนามว่าเป็น “ราชาตับเน่า” แต่แทบทุกครอบครัวมี

    4 เครื่องใช้ในครัวที่ถูกจัดอยู่ใน “บัญชีดำ” ว่าอาจเป็นภัยต่อตับ แม้จะดูมีประโยชน์ แต่จริง ๆ แล้วอาจบ่อนทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว

    ของใช้เหล่านี้ดูเผิน ๆ เหมือนช่วยให้ชีวิตสะดวกขึ้น แต่แท้จริงแฝงความเสี่ยงต่อความปลอดภัยไม่น้อยเลยทีเดียว

    ในชีวิตประจำวันของเรา แทบจะขาดเครื่องใช้ภายในบ้านไม่ได้เลย ยิ่งคุณภาพชีวิตสูงขึ้น สิ่งของเหล่านี้ก็ยิ่งมีให้เลือกหลากหลายมากขึ้น แม้จะดูเหมือนช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ในความเป็นจริงกลับแฝงความเสี่ยงต่อความปลอดภัยไว้ไม่น้อย

    ต่อไปนี้คือ 4 เครื่องใช้ในครัวที่ถูกจัดอยู่ใน “บัญชีดำ” ว่าอาจเป็นภัยต่อตับ แม้จะดูมีประโยชน์ แต่จริง ๆ แล้วอาจบ่อนทำลายสุขภาพโดยไม่รู้ตัว ขอแนะนำให้หลีกเลี่ยงหรือหยุดใช้ทันที

    1. ชามเซรามิกเคลือบลายสีวาดบนเคลือบ

    ไม่ใช่ชามเซรามิกทุกใบจะปลอดภัยต่อสุขภาพ ปัจจุบันมีชามราคาถูกจำนวนมากในท้องตลาดที่มีสีสันสดใส ลวดลายน่าดึงดูด แต่ผลิตด้วยวิธีวาดสีลงบนชั้นเคลือบผิว

    ชามประเภทนี้เหมาะสำหรับใช้ตกแต่งเท่านั้น ไม่ควรใช้ใส่อาหาร เพราะไม่ผ่านมาตรฐานความปลอดภัยด้านอาหาร เมื่อเจอความร้อน สีที่เคลือบไว้จะละลายปนเปื้อนลงในอาหาร และคุณอาจเผลอกลืนสารอันตรายเข้าสู่ร่างกายโดยไม่รู้ตัว

    ชามประเภทนี้เคยถูกสถานีโทรทัศน์กลางของจีน (CCTV) ระบุชัดว่าเป็นหนึ่งในของใช้ที่ถูกจัดให้อยู่ใน “บัญชีดำ” หากคุณกำลังเลือกซื้อชาม และพบว่ามีสีสันฉูดฉาด ลวดลายสัมผัสแล้วรู้สึกนูนหรือหยาบ เป็นไปได้สูงว่าเป็นชามที่วาดลายสีบนเคลือบ ซึ่งไม่ปลอดภัย ควรหลีกเลี่ยงการซื้อ หากที่บ้านมีใช้อยู่ แนะนำให้เลิกใช้และทิ้งทันที

    2. กระดาษรองหม้อทอดไร้น้ำมันคุณภาพต่ำ

    หลายคนเลือกใช้กระดาษรองหม้อทอดไร้น้ำมันเพราะสะดวกและช่วยให้ไม่ต้องล้างหม้อบ่อย อย่างไรก็ตาม ไม่ใช่ว่ากระดาษทุกชนิดจะเหมาะกับการใช้งาน โดยเฉพาะกระดาษราคาถูกที่วางขายเกลื่อนตามร้านค้าออนไลน์ ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้

    กระดาษรองชนิดนี้มักทำจากกระดาษฐานผสมกับกระดาษซิลิโคน แล้วใช้สารยึดติดประเภทโพลีไวนิลคลอไรด์ (PVC) เชื่อมติดกัน ซึ่งเมื่อเจอความร้อนสูงในหม้อทอดไร้น้ำมัน อาจปล่อยสารพิษออกมาได้

    ดังนั้นก่อนซื้อกระดาษรองหม้อทอด ควรตรวจสอบให้แน่ชัดว่า

    • มีเครื่องหมายรับรองความปลอดภัยด้านอาหารหรือไม่

    • ได้รับมาตรฐานระดับประเทศหรือไม่

    หากผ่านทั้งสองข้อ จึงควรเลือกใช้เพื่อความปลอดภัยของคุณและคนในครอบครัว

    Vlada Karpovich

    3. กระดาษชำระไม่มีแหล่งที่มาชัดเจน

    หลีกเลี่ยงการซื้อกระดาษชำระราคาถูกที่ไม่มีฉลากหรือแหล่งผลิตชัดเจน โดยเฉพาะที่ขายทางออนไลน์ แม้จะดูสะอาด ขาวสะอ้าน แต่แท้จริงแล้วอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ

    CCTV เคยเปิดโปงว่ากระดาษชำระบางประเภทผลิตจากกระดาษรีไซเคิล หนังสือพิมพ์เก่า ผสมแป้งทัลก์ สารเรืองแสง และสารฟอกขาว ซึ่งอาจมีเชื้อโรคมากกว่ากระดาษมาตรฐานถึง 3 เท่า หากนำมาใช้เช็ดปากหรือมือ สารเคมีเหล่านี้สามารถซึมเข้าสู่ร่างกายได้

    วิธีตรวจสอบง่าย ๆ คือ ดูฉลากข้างบรรจุภัณฑ์ หากระบุว่า “ผลิตจากเยื่อไม้บริสุทธิ์ 100%” หรือ “เยื่อไผ่บริสุทธิ์ 100%” ถือว่าใช้ได้ปลอดภัย แต่ถ้าเขียนแค่ “เยื่อไม้” หรือ “เยื่อไผ่” โดยไม่ระบุว่าเป็นเยื่อบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่จะเป็นกระดาษรีไซเคิล ควรหลีกเลี่ยงการใช้

    4. ตะหลิวซิลิโคน

    ตะหลิวซิลิโคนเป็นที่นิยมเพราะน้ำหนักเบา ล้างง่าย และไม่ทำให้ภาชนะเป็นรอย อย่างไรก็ตาม ในท้องตลาดมีสินค้าคุณภาพต่ำจำนวนมากที่ไม่ทนความร้อน บางชิ้นอาจเป็นของเลียนแบบที่ผลิตจากไนลอน ไม่ใช่ซิลิโคนแท้

    หากใช้งานในอุณหภูมิสูง อุปกรณ์เหล่านี้อาจปล่อยสารเคมีออกมาเจือปนกับอาหารโดยไม่รู้ตัว จึงควรเลือกซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ และมีฉลากระบุว่าทำจาก “ซิลิโคนเกรดอาหาร” เท่านั้น

    พายซิลิโคนราคาถูก เมื่อเจอความร้อนสูงอาจละลาย แตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ หรือแม้กระทั่งปล่อยสารก่อมะเร็งที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย

    ดังนั้นหากไม่มั่นใจในคุณภาพของพายซิลิโคน ควรหลีกเลี่ยงการใช้งาน ทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าคือหันมาใช้ตะหลิวไม้หรือตะหลิวโลหะแทน จะดีกว่าต่อสุขภาพในระยะยาว

  • KUBET – รู้จัก “อั้ม อิราวัต” หรือ หมออั้ม นายแพทย์อดีตนักร้องค่ายอาร์เอส

    อั้ม อิราวัต ดีกรีนายแพทย์ อดีตนักร้องค่ายอาร์เอส หลายคยอยากรู้จักหลังมีประเด็นกับพระเอก อาร์ต พศุตม์ 

    ประวัติ อั้ม อิราวัต อารีกิจ

    ชื่อจริง : อิราวัต อารีกิจ หรือที่รู้จักกันในชื่อ “หมออั้ม”

    การศึกษาและความสามารถ

    จบการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เคยดำรงตำแหน่งประธานนิสิตแพทย์จุฬาฯ เป็นนักร้องนำวงดนตรีแพทย์ศาสตร์บัณฑิตจุฬาฯ

    ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่นจาก CU Singing Contest ปี 2542 

    จากนายแพทย์สู่เส้นทางดนตรี เป็นนักร้อง

    หลังจากจบการศึกษาและทำงานเป็นแพทย์ปีที่ 2 ได้รับการเสนอชื่อให้เป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลในจังหวัดราชบุรี ต่อมาเจ้าตัวตัดสินใจออกจากงานราชการเพื่อมุ่งมั่นในเส้นทางดนตรีและกิจกรรมสังคม 

    ในปี 2548 ได้เซ็นสัญญากับค่ายอะบอริจินส์ ในเครือ RS เปิดตัวอัลบั้มแรกชื่อ “Um Irawat” ซึ่งมีเพลงเปิดตัวคือ “น้ำตา…มหาสมุทร” แนวดนตรีเป็นป๊อปฟังสบาย (Easy Listening) ที่สะท้อนมุมมองชีวิตของผู้ชาย

    บทบาทการเคลื่อนไหวทางสังคมและการเมือง 

    ชื่อของ หมออั้ม เพราะเป็นอีกคนที่ออกมาพูดวิเคราะห์ถึงเรื่องการเมืองจนกลายเป็นประเด็นข่าวในบางครั้ง 

    ด้านชีวิตครอบครัว

    หมออั้ม อั้ม อิราวัต แต่งงานแล้ว ภรรยาเป็นคุณหมอเช่นเดียวกัน มีทายาท 2 คน

  • KUBET – ดาราสาวชื่อดัง อดีตสามีโกงหมดตัว เริ่มต้นอาชีพใหม่ ขับแท็กซี่เลี้ยงลูก-ดูแลพ่อป่วยมะเร็ง

    จองกาอึน นักแสดงเกาหลี หันขับแท็กซี่หลังชีวิตพังจากคดีฉ้อโกงสามี

    จองกาอึน นักแสดงสาวเกาหลีใต้ วัย 46 ปี เปิดใจชีวิตพลิกผัน ผ่านช่อง YouTube Wonder Ka Eun ว่าเธอเริ่มต้นอาชีพใหม่ในฐานะ คนขับแท็กซี่ หวังสร้างรายได้ที่มั่นคงกว่าการทำงานในบริษัท

    ในคลิปล่าสุด เธอพาแฟน ๆ ไปดูขั้นตอนการเตรียมสอบใบขับขี่แท็กซี่ พร้อมพูดคุยกับ พัคแรโฮ ยูทูบเบอร์สายจราจรชื่อดัง โดยจองกาอึนเผยว่า เธอทุ่มเทอ่านหนังสืออย่างหนัก และมั่นใจว่าจะสอบผ่าน พร้อมตั้งเป้า “อยากได้คะแนนเกิน 90”

    ขับแท็กซี่ตามรอยพ่อ

    แรงบันดาลใจของเธอไม่ได้มาจากเงินเพียงอย่างเดียว แต่ยังเกี่ยวข้องกับ “พ่อ” ที่เคยขับแท็กซี่เลี้ยงดูครอบครัวมานานกว่า 30 ปี

    “ตอนนี้พ่อป่วยเป็นมะเร็งหลอดอาหาร ฉันอยากให้เขาเป็นผู้โดยสารคนแรกของฉันหลังสอบผ่าน”

    เธอยังเผยว่า อาชีพนี้สามารถทำรายได้สูงถึง 10 ล้านวอนต่อเดือน (ราว 270,000 บาท) หากขยันและบริหารเวลาดี

    “ทุกวันนี้บริษัทใหญ่ ๆ ยังจ่ายไม่ถึงขนาดนี้ ถ้าขยันจริง ๆ แท็กซี่ก็เป็นอาชีพที่ดี”

    จากนางงาม สู่นักแสดง สู่ผู้หญิงที่ต้องเริ่มต้นใหม่

    จองกาอึนเริ่มต้นในวงการด้วยการเป็นนางแบบ ก่อนจะเป็นรองอันดับ 1 ในเวทีมิสเกาหลี จังหวัดคยองนัม ปี 2001 และเข้าสู่วงการบันเทิง

    เธอแต่งงานในปี 2016 และมีลูกสาวหนึ่งคน แต่ในปี 2018 ต้องฟ้องหย่า หลังพบว่าสามี หลอกใช้ชื่อเธอก่อคดีฉ้อโกงถึง 660 คดี รวมมูลค่ากว่า 13.2 พันล้านวอน (ราว 340 ล้านบาท)

    ระหว่างสมรส เขายังหลอกเอาเงินไปอีกกว่า 100 ล้านวอน (ประมาณ 2.7 ล้านบาท) โดยอ้างว่าเป็นการลงทุนและจ่ายภาษี

    ปัจจุบันอดีตสามีหนีไปอยู่ต่างประเทศ ไม่เคยส่งเสียลูกหรือจ่ายค่าเลี้ยงดูเลยแม้แต่ครั้งเดียว

    เริ่มใหม่อีกครั้ง

    หลังจากหย่า ชีวิตของจองก็เต็มไปด้วยปัญหาการเงิน งานในวงการเริ่มลดลง และเธอต้องเลี้ยงลูกเพียงลำพัง

    “พอเปิดดูบัญชีธนาคาร ฉันไม่รู้เลยว่าจะไปต่อยังไงดี”

    เธอยอมรับว่าเคยกลัวการไม่มีเงิน แต่วันนี้เลือกใช้ชีวิตอย่างพอเพียง และทำทุกทางเพื่อดูแลลูกสาวให้ดีที่สุด

    “ทุกอย่างยังไม่แน่นอน แต่การเลี้ยงลูกทำให้ฉันเข้มแข็งขึ้น”

    การเลือกกลับมาเริ่มใหม่ในอาชีพคนขับแท็กซี่ ไม่ใช่แค่เพื่อเงิน แต่ยังเป็นวิธีเยียวยาใจจากอดีตอันเจ็บปวด

     

  • KUBET – ภาพลวงตา เห็นอะไรเป็นอย่างแรก แบบทดสอบบุคลิกภาพ รู้จักตัวเองให้มากขึ้น

    ภาพลวงตา สิ่งที่ดึงดูดสายตาคุณเป็นอย่างแรกสามารถเผยอะไรเกี่ยวกับตัวตนของคุณได้บ้าง? ลองมองภาพนี้แล้วตอบว่าคุณเห็นอะไรเป็นอย่างแรก น้ำตกที่ไหลกระทบหน้าผาหิน หรือหน้าหมี หรือคุณเห็นทั้ง 2 อย่าง สิ่งที่คุณเห็นก่อน อาจสะท้อนบุคลิกภาพของคุณได้มากกว่าที่คุณคิด

    ภาพทายนิสัย

    ถ้าเห็นน้ำตกก่อน

    คุณน่าจะเป็นคนประเภทที่มองโลกตามความเป็นจริง และใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน ยึดหลักเหตุผล ไม่โอนอ่อนง่าย ๆ และมักจะโฟกัสกับ “ภาพรวม” ของชีวิต ไม่ถูกดึงความสนใจจากสิ่งรอบข้างง่าย ๆ และจะโฟกัสกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเท่านั้น

    คุณเป็นคนที่คนอื่นมักจะหันมาพึ่งพาเมื่อเจอกับสถานการณ์ที่วุ่นวาย เพราะคุณคุมสติได้ดี ไม่แตกตื่น แต่จะปรับตัวเข้ากับสถานการณ์เหมือนน้ำตกที่กำลังเคลื่อนตัว คุณเป็นคนไม่คิดมาก ชอบปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ

    คุณเป็นคนที่มีความชัดเจน ตรงไปตรงมา ทำให้บางครั้งคุณอาจมองข้ามสิ่งที่ซ่อนอยู่ลึก ๆ ในผู้คนหรือสถานการณ์ เพราะคุณโฟกัสกับสิ่งที่จับต้องได้ ทำให้อาจพลาดรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ไปบ้าง

    ถ้าเห็นหน้าหมีแรก

    เป็นคนช่างคิด มีสัญชาตญาณแรง และมีความเป็นศิลปิน มีเซ้นส์ไวมาก อย่างเช่นสถานการณ์บางอย่างก็สามารถรับรู้ได้ว่าผู้อื่นกำลังรู้สึกอะไร และมักจะถูกต้องเสมอ นั่นหมายความว่าคุณอาจจะเป็นคนอ่อนไหว และมีความเห็นอกเห็นใจมากกว่าคนทั่วไป คุณมีเรดาร์ทางอารมณ์ที่ตรวจจับความรู้สึกที่คนอื่นมองข้ามได้ แต่สิ่งเหล่านี้ก็อาจจะเป็นปัญหาสำหรับคุณอยู่บ่้าง เช่น แค่ประโยคสั้นๆ ว่า “เดี๋ยวโทรกลับ” ก็อาจทำให้คุณกังวลใจได้แล้ว จริงมั้ย?

    เห็นทั้ง 2 อย่างพร้อมกัน

    คุณคือจุดสมดุลระหว่างเหตุผลกับสัญชาตญาณ ซึ่งเป็นหนึ่งในคุณสมบัติที่น่าทึ่งที่สุดเลยก็ว่าได้ คุณอาจเป็นคนที่เพื่อนๆ พึ่งพาได้เวลามีปัญหา เพราะคุณเข้าใจทั้งหลักการ โครงสร้าง และยังให้ความสำคัญกับจินตนาการและความฝัน คุณเป็นคนที่ทำงานหนัก แต่ก็ไม่กลัวที่จะฝันให้ไกล และรู้ว่าเมื่อไหร่ควรลงลึกในรายละเอียด หรือเมื่อไหร่ควรมองให้เห็นภาพรวม

  • KUBET – รู้จัก “ผักพระราชา” พืชมหัศจรรย์ในตำนานอิยิปต์ สรรพคุณจุกๆ 10 ข้อ ที่ไทยก็มีขาย

    รู้จัก “ผักพระราชา” พืชมหัศจรรย์ในตำนานอิยิปต์ ที่ไทยก็มีขาย สรรพคุณจุกๆ 10 ข้อ ต้านมะเร็ง เสริมภูมิ บำรุงทั้งร่างกาย

    หากคุณกำลังมองหาผักที่ให้ประโยชน์หลากหลาย โมโรเฮยะ คือคำตอบ! ผักพื้นเมืองจากอียิปต์ชนิดนี้อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ช่วยดูแลสุขภาพแบบรอบด้าน แถมยังนำไปทำอาหารได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นซุป แกง หรือสลัด บทความนี้จะพาคุณไปรู้จักคุณค่าทางโภชนาการ ประโยชน์ต่อร่างกาย และวิธีนำโมโลเฮยะมาใช้ในเมนูประจำวัน

    ผักโมโรเฮยะ (Moroheiya) ได้ชื่อว่าเป็นผักของพระราชา ตั้งแต่สมัยอียิปต์โบราณ ตำนานเล่าว่า “โมโรเฮยะ” มาจากคำภาษาอาหรับว่า “มาลัค” แปลว่า “ผู้ปกครอง” เล่ากันว่า กาหลิบแห่งอียิปต์เคยกินเพื่อรักษาโรคทางเดินอาหาร

    ชาวฮิกซอสเคยบังคับให้อียิปต์กินโมโรเฮยะเพราะคิดว่าเป็นพิษ แต่กลับทำให้ชาวอียิปต์สุขภาพแข็งแรงยิ่งขึ้น

    คุณค่าทางโภชนาการ (ต่อ 100 กรัม)

    • พลังงาน: 10 กิโลแคลอรี

    • โปรตีน: 1 กรัม

    • ไขมัน: 0 กรัม

    • คาร์โบไฮเดรต: 2 กรัม

    • ใยอาหาร: 2 กรัม

    • แคลเซียม: 20 มก.

    • ธาตุเหล็ก: 1.26 มก.

    • วิตามินซี: 4.8 มก.

    • วิตามินเอ: 200 IU

    • โซเดียม: 10 มก.

    • คอเลสเตอรอล: 0 มก.

    10 ประโยชน์เด่นของโมโรเฮยะ

    1. ช่วยลดความดันโลหิต โพแทสเซียมในโมโรเฮยะช่วยผ่อนคลายหลอดเลือด ลดภาระหัวใจ และลดความเสี่ยงของความดันโลหิตสูง

    2. กระตุ้นการไหลเวียนเลือด ธาตุเหล็กช่วยสร้างเม็ดเลือดแดง ทำให้ร่างกายมีพลังงานและลดโอกาสเกิดโลหิตจาง

    3. เสริมระบบย่อยอาหาร ใยอาหารสูง ช่วยให้อิ่มนาน ลดอาการท้องอืด ท้องผูก และเหมาะสำหรับคนที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก

    4. ลดคอเลสเตอรอล ใยอาหารช่วยลดไขมันเลว (LDL) และลดความเสี่ยงโรคหัวใจและหลอดเลือด

    5. ช่วยให้นอนหลับดีขึ้น มีแมกนีเซียมที่ช่วยให้ร่างกายผ่อนคลาย บรรเทาอาการนอนไม่หลับ และปรับสมดุลการนอน

    6. เสริมภูมิคุ้มกัน อุดมด้วยวิตามิน A, C, E และโอเมก้า-3 ที่ช่วยกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดขาว ป้องกันโรคติดเชื้อ

    7. ต้านมะเร็ง สารต้านอนุมูลอิสระในโมโรเฮยะช่วยป้องกันการเกิดเซลล์มะเร็งและยับยั้งการลุกลาม

    8. บำรุงกระดูก แคลเซียม แมกนีเซียม และฟอสฟอรัสในโมโรเฮยะช่วยเสริมความแข็งแรงของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน

    9. ลดการอักเสบ วิตามิน E ในโมโรเฮยะมีฤทธิ์ต้านการอักเสบ ช่วยบรรเทาอาการข้ออักเสบและอาการอักเสบอื่น ๆ

    10. กระตุ้นการสร้างเซลล์ใหม่ โมโรเฮยะอุดมด้วยแมกนีเซียมที่จำเป็นต่อการสร้างเซลล์ กล้ามเนื้อ ผิวหนัง และอวัยวะ

    วิธีกินโมโรเฮยะให้อร่อยและได้ประโยชน์

    วิธีกินโมโรเฮยะให้อร่อยและได้ประโยชน์

    โมโรเฮยะสามารถนำไปทำได้หลายเมนู เช่น:

    • ใส่ในซุปหรือแกง เพิ่มรสชาติและสารอาหาร

    • คลุกในสลัดหรือธัญพืชเพื่อเพิ่มใยอาหาร

    • ใช้เป็นไส้แซนด์วิชหรือห่อในโรลสุขภาพ

  • KUBET – นักเดินป่าพบ “ขุมทรัพย์โบราณ” คล้ายเหรียญสลึงไทย ผู้เชี่ยวชาญอ้าปากค้าง เฉลยมูลค่า

    นักเดินป่าที่เช็กบังเอิญเจอขุมทรัพย์โบราณ คล้ายเหรียญสลึงไทย ผู้เชี่ยวชาญเห็นแล้วตะลึงกับสมบัติล้ำค่า ผู้ค้นพบมีรางวัลตอบแทน

    การเดินป่าสบาย ๆ บนเนินเขา Zvičina ในสาธารณรัฐเช็ก กลายเป็นเหตุการณ์สุดพิเศษ เมื่อสองนักเดินทางโชคดีบังเอิญค้นพบ ขุมทรัพย์ที่ซ่อนอยู่ มูลค่ากว่า 7.5 ล้านโครูนเช็ก (ประมาณ 300,000 ยูโร หรือราว 11.7 ล้านบาทไทย)

    ขุมทรัพย์นี้ถูกพบตั้งแต่ต้นเดือนกุมภาพันธ์ แต่เพิ่งได้รับการเปิดเผยไม่นานมานี้ ภายในมี เหรียญทองคำ 598 เหรียญ, เครื่องประดับทองสวยงาม และสิ่งของโบราณหลากชนิด น้ำหนักรวมทั้งสิ้น 7 กิโลกรัม โดยเป็น เหรียญทองเพียงอย่างเดียวเกือบ 3.7 กิโลกรัม

    การค้นพบเกิดขึ้นในบริเวณภูเขาใกล้ชายแดนโปแลนด์ เมื่อทั้งสองเดินป่าผ่านพื้นที่ธรรมชาติอันสวยงาม พวกเขาพบ ภาชนะอะลูมิเนียม บรรจุเหรียญทองเรียงซ้อนกัน 11 แถว ห่อด้วยผ้าสีดำ ห่างจากจุดแรกไม่ไกล พวกเขายังเจอ กล่องเหล็ก ภายในเต็มไปด้วยสิ่งของทำจากทองคำ เช่น กำไลทอง 10 วง, กระเป๋าตาข่าย, หวี, สร้อยโซ่, และ กล่องแป้ง

    นักโบราณคดีจาก พิพิธภัณฑ์โบฮีเมียตะวันออก (Museum of Eastern Bohemia) ยังคงพยายามสืบหาที่มาของสมบัติล้ำค่านี้ ผู้เชี่ยวชาญด้านเหรียญโบราณ กล่าวอย่างตื่นตะลึงว่า “ถึงกับอ้าปากค้าง” เมื่อเห็นสมบัตินี้ โดยเขาระบุว่าเหรียญมีแหล่งกำเนิดจาก เซอร์เบียช่วงปี 1920–1930 ทำให้ต้นทางของสมบัตินี้ยิ่งลึกลับเข้าไปใหญ่

    สมมติฐานเบื้องต้นเกี่ยวกับการฝังสมบัติ

    มีหลายทฤษฎีที่นักวิชาการคาดการณ์ถึงเหตุผลที่ขุมทรัพย์ถูกซ่อนเอาไว้ ได้แก่

    • ชาวเช็กอาจเป็นผู้ซ่อนสมบัติไว้ในช่วงหลบหนีการรุกรานของนาซีหลังปี 1938

    • หรืออาจเป็นชาวเยอรมัน ที่ฝังไว้ก่อนจะถูกขับไล่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ในปี 1945

    • อีกความเป็นไปได้คือ สมบัติถูกซ่อนไว้ช่วง ปฏิรูปการเงินในยุคคอมมิวนิสต์ปี 1953

    ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ Petr Grulich กล่าวอย่างระมัดระวังว่า “ยากจะระบุได้ว่านี่คือทองของเช็ก, เยอรมัน หรือชาวยิว”

    เหรียญทองไม่ใช่ของเช็ก แต่หลากหลายประเทศ

    จากการวิเคราะห์พบว่า เหรียญทองที่ค้นพบ ไม่ได้มาจากเช็ก แต่เป็นเหรียญจาก ฝรั่งเศส, ตุรกี, เบลเยียม, ออสเตรีย-ฮังการี, รวมถึงบางส่วนจาก โรมาเนีย, อิตาลี และรัสเซีย

    เหรียญจากจักรวรรดิออสเตรีย-ฮังการีบางเหรียญมีสัญลักษณ์ที่บ่งบอกว่าเคยถูกตีขึ้นเพื่อใช้ใน ยูโกสลาเวียเก่า โดยเฉพาะในพื้นที่ของ เซอร์เบีย หรือ บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา ก่อนที่จะมาโผล่ในสาธารณรัฐเช็กอย่างลึกลับ

    แม้การประเมินมูลค่าในปัจจุบันจะยึดตาม ราคาทองคำเป็นหลัก แต่ คุณค่าทางประวัติศาสตร์ ของขุมทรัพย์นี้ถือว่ามีมากกว่านั้นหลายเท่า ภายใต้กฎหมายของเช็ก ผู้ค้นพบสมบัติอาจได้รับ รางวัลสูงสุดถึง 10% ของมูลค่า

    ขณะนี้ทาง พิพิธภัณฑ์โบฮีเมียตะวันออกในเมือง Hradec Králové  กำลังดำเนินการอนุรักษ์สิ่งของล้ำค่าเหล่านี้อย่างเร่งด่วน และมีแผนจะจัดแสดงต่อสาธารณชนในอนาคต เพื่อถ่ายทอดเรื่องราวสุดลึกลับและน่าทึ่งนี้ให้คนรุ่นหลังได้เรียนรู้

    การสืบสวนทางโบราณคดีและการค้นคว้าจากเอกสารจดหมายเหตุ ยังคงดำเนินต่อไปเพื่อหาว่า ใครคือเจ้าของสมบัตินี้ และเพราะเหตุใดจึงถูกซ่อนไว้ ก่อนจะมาเจอโดยบังเอิญอีกหลายสิบปีให้หลัง

  • KUBET – ชายมี “ก้อนนิ่ว” ในกระเพาะปัสสาวะ 35 ก้อน หายสงสัยเมื่อรู้เครื่องดื่มโปรด ดื่มวันละ 3 ลิตร

    หมอยังอึ้ง ผ่าตัดเอา “ก้อนนิ่ว” ขนาดใหญ่ถึง 35 ก้อน ออกจากกระเพาะปัสสาวะคนไข้ชาย เผยเครื่องดื่มโปรดที่ดื่มวันละ 3 ลิตร

    ชายชาวบราซิลคนหนึ่งมีนิสัยดื่มน้ำอัดลมวันละ 3 ลิตร เป็นเวลานานจนเกิดปัญหาสุขภาพรุนแรง สุดท้ายต้องเข้ารับการผ่าตัดเอาก้อนนิ่วขนาดใหญ่ถึง 35 ก้อนออกจากกระเพาะปัสสาวะ

    แพทย์ผู้เชี่ยวชาญระบบทางเดินปัสสาวะจากบราซิล ดร.ทาเลส อันเดรด ได้แชร์คลิปวิดีโอในอินสตาแกรม ซึ่งเขาโชว์ภาชนะที่เต็มไปด้วยก้อนนิ่วสีเหลืองหลายขนาด โดยคลิปนี้มีผู้ชมมากกว่า 8.5 ล้านครั้งแล้วในขณะนี้

    หมออันเดรด อธิบายว่า การดื่มน้ำอัดลมที่มีน้ำตาลสูง อาจทำให้ระดับแคลเซียมในร่างกายเพิ่มขึ้น และเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดนิ่ว นอกจากนี้ เครื่องดื่มมีฟองที่เต็มไปด้วยสารเคมีอย่างกรดฟอสฟอริก ยังสร้างสภาพแวดล้อมที่เป็นกรดในไต ซึ่งช่วยเร่งการเกิดนิ่วได้อีกด้วย

    “การดื่มน้ำให้เพียงพอและหลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลมมากเกินไป เป็นมาตรการป้องกันที่สำคัญ สุขภาพไตเริ่มต้นจากการเลือกเครื่องดื่มในแต่ละวันของเรา” ดร.ทาเลส อันเดรด กล่าว

    หนังสือพิมพ์ Daily Mail รายงานว่า นิ่วในไตเกิดจากแคลเซียมตกตะกอนในทางเดินปัสสาวะ เมื่อก้อนนิ่วเคลื่อนตัวไปยังกระเพาะปัสสาวะ ก็จะถูกขับออกทางปัสสาวะ แต่หากนิ่วมีขนาดใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ในที่สุดก็จำเป็นต้องผ่าตัดนำออกเท่านั้น

    ข้อมูลจากมูลนิธิไตแห่งชาติของสหรัฐอเมริกา (National Kidney Foundation) ระบุว่า ยิ่งนิ่วมีขนาดใหญ่ อาการก็จะยิ่งชัดเจนขึ้น ผู้ป่วยมักบ่นปวดรุนแรงบริเวณเอวทั้งสองข้าง อาการอาจเกิดขึ้นเป็นเวลาสั้น ๆ เพียงไม่กี่นาที หรือยาวนานถึงหลายชั่วโมง

    นอกจากนี้ ยังอาจพบเลือดปนในปัสสาวะ การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ และอาการคลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนที่พบบ่อย หากไม่ได้รับการรักษาทันท่วงที อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงถึงชีวิต เช่น ไตวายหรือภาวะติดเชื้อในกระแสเลือดได้

  • KUBET – แม่ลูกสั่ง 3 เมนู แต่ไม่เตะอาหารเลย 1 ชม. เจ้าของร้านเอะใจแจ้ง ตร. ช่วยทันก่อนสูญเงินล้าน!

    แม่ลูกเข้าร้านสั่ง 3 เมนู แต่ไม่แตะอาหารเลยตลอด 1 ชั่วโมง เจ้าของร้านเอะใจ แอบโทรแจ้งตำรวจ ช่วยทันก่อนสูญเงิน 1 ล้าน เป็นเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์!

    เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเมื่อช่วงปลายเดือนเมษายนที่ผ่านมา ณ ร้านอาหารท้องถิ่นในเมืองกว่างหยวน ประเทศจีน เมื่อแม่และลูกสาวเข้าร้านอาหารมา และสั่งอาหารถึง 3 เมนู แต่หลังจากอาหารถูกเสิร์ฟ ทั้งคู่กลับไม่แตะต้องแม้แต่นิดเดียว และเอาแต่ก้มหน้าจ้องโทรศัพท์มือถือโดยไม่สนใจสิ่งรอบข้าง สถานการณ์เช่นนี้ดำเนินไประยะเวลาเกือบชั่วโมง ในที่สุดเจ้าของร้านจึงตัดสินใจว่าต้องแจ้งตำรวจ กระทั่งทราบความจริงที่เปิดเผยออกมาทำให้ทุกคนต้องตกใจ

    เจ้าของร้าน เล่าว่า เมื่อพนักงานรายงานว่าทั้งสองมีพฤติกรรมผิดสังเกต เขาจึงเข้าไปตรวจสอบด้วยตนเอง และพบว่าทั้งคู่กำลังพูดคุยเกี่ยวกับข้อมูลที่อ่อนไหว เช่น บัญชีธนาคาร รหัสยืนยัน SMS และข้อมูลส่วนตัวอื่นๆ ด้วยความระแวงว่าสองแม่ลูกอาจตกเป็นเหยื่อของการหลอกลวงทางออนไลน์ หรือคดีลักพาตัวเรียกค่าไถ่ เบื้องต้นเขาจึงพยายามเตือนทั้งสองให้ระมัดระวัง แต่เมื่อความเป็นห่วงไม่เป็นผล เขาจึงรีบแจ้งตำรวจทันที

    หลังจากตำรวจเดินทางมาถึง พวกเขาพบว่าทั้งสองแม่ลูกกำลังใช้ฟีเจอร์แชร์หน้าจอผ่านโทรศัพท์มือถือ โดยมีบุคคลแปลกหน้าคอยสั่งให้เปิดเผยข้อมูลสำคัญของบัญชีธนาคาร รวมถึงรหัสยืนยันผ่านแอปพลิเคชันต่างๆ เพื่อลวงให้โอนเงินภายใต้ข้ออ้างว่ากำลังทำธุรกรรมคืนเงิน ซึ่งแท้จริงแล้ว “ไม่มีอยู่จริง” เจ้าหน้าที่จึงรีบเข้าแทรกแซง แนะนำให้ตัดสายและอธิบายถึงเทคนิคของเหล่ามิจฉาชีพอย่างละเอียด

    จนกระทั่งแม่ลูกเริ่มเข้าใจและยอมเล่าความจริงว่า เด็กหญิงได้เล่นเกมออนไลน์และถูกแนะนำให้ติดต่อ “คนกลาง” เพื่อซื้อบัญชีเกม โดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายคือมิจฉาชีพ แม่ของเด็กหลงเชื่อและได้โอนเงินไปแล้วกว่า 60,000 หยวน (ประมาณ 216,000 บาท) ขณะที่มิจฉาชีพกำลังจะหลอกโอนเงินส่วนที่เหลือกว่า 300,000 หยวน (ประมาณ 1.08 ล้านบาท) โชคดีที่ตำรวจเข้ามาทันก่อนเงินจะสูญหายไปมากกว่านี้

    เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงความสำคัญของการมีจิตสำนึกต่อส่วนรวม ความสงสัยและการลงมือทำของเจ้าของร้าน ถือเป็นกุญแจสำคัญที่ช่วยป้องกันไม่ให้เกิดความสูญเสียทางการเงินครั้งใหญ่ ซึ่งหลังจากเหตุการณ์นี้ทางตำรวจจีนออกมาเตือนผู้ปกครองให้เพิ่มความระมัดระวังในการดูแลบุตรหลาน โดยเฉพาะในการใช้อินเทอร์เน็ต และเน้นว่าโลกออนไลน์เต็มไปด้วยโอกาสแต่ก็แฝงไปด้วยอันตรายมากมาย

    วิธีป้องกันเด็กจากภัยออนไลน์

    1. ตั้งกฎชัดเจน – จำกัดเวลาเล่นเกมและเนื้อหาที่เข้าถึงได้

    2. ติดตามการใช้งาน – ตรวจสอบแอปและเว็บไซต์ที่เด็กใช้อยู่เป็นประจำ

    3. ให้ความรู้เรื่องภัยไซเบอร์ – สอนเด็กไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว และรู้จักระวังคนแปลกหน้า

    4. เปิดใจรับฟัง – สร้างความไว้วางใจ ให้เด็กกล้าเล่าปัญหาหรือสิ่งผิดปกติ

    5. ใช้เทคโนโลยีช่วยเหลือ – ติดตั้งโปรแกรมควบคุมการเข้าถึงเนื้อหาบนอินเทอร์เน็ต

    โลกดิจิทัลมีทั้งด้านดีและร้าย การเฝ้าระวังอย่างใกล้ชิดจากผู้ปกครองจะช่วยให้เด็กสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างปลอดภัยและเกิดประโยชน์สูงสุด นอกจากการตั้งกฎเกณฑ์และติดตามกิจกรรมออนไลน์ของเด็กแล้ว ผู้ปกครองควรส่งเสริมการสื่อสารเปิดใจและสร้างความไว้วางใจ เพื่อให้เด็กกล้าพูดคุยและขอคำแนะนำเมื่อพบเจอเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ รวมถึงควรให้ความรู้เกี่ยวกับเทคนิคและวิธีป้องกันตนเองจากภัยไซเบอร์ เช่น การไม่เปิดเผยข้อมูลส่วนตัว ไม่กดลิงก์หรือดาวน์โหลดไฟล์ที่ไม่น่าเชื่อถือ และการระมัดระวังต่อผู้คนที่ติดต่อเข้ามาทางออนไลน์

  • KUBET – แจกเงิน 900 บาท ประกันสังคมคืนเงินให้ผู้ประกันตนแล้ว ใครได้บ้างเช็กด่วน

    แจกเงิน 900 บาท ประกันสังคม ทยอยคืนเงินให้ประกันสังคม ม.33-ม.39 เช็กพื้นที่ที่จะได้รับมีแค่ 55 จังหวัดเท่านั้น

    จากกรณีที่ประกันสังคมได้ออกมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการ และผู้ประกันตนมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์วาตภัยและอุทกภัยนาน 6 เดือน (เดือน ต.ค. 67-มี.ต. 68) เฉพาะพื้นที่ 55 จังหวัด ด้วยการปรับลดเงินสมทบประกันสังคม ม.33-ม.39

    ปรับลดเงินสมทบประกันสังคม “ม.33-ม.39”

    • ผู้ประกันตน ม.33 และนายจ้าง จาก 5% เหลือ 3%
    • ผู้ประกันตน ม.39 จาก 432 บาท เหลือ 283 บาท

    55 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบ

    • กระบี่
    • กาญจนบุรี
    • กาฬสินธุ์
    • กำแพงเพชร
    • ขอนแก่น
    • ฉะเชิงเทรา
    • ชลบุรี
    • ชัยนาท
    • ชัยภูมิ
    • ชุมพร
    • เชียงราย
    • เชียงใหม่
    • ตรัง
    • ตาก
    • นครนายก
    • นครปฐม
    • นครพนม
    • นครราชสีมา
    • นครศรีธรรมราช
    • นครสวรรค์
    • น่าน
    • บึงกาฬ
    • ปราจีนบุรี
    • พระนครศรีอยุธยา
    • พะเยา
    • พังงา
    • พิจิตร
    • พิษณุโลก
    • เพชรบูรณ์
    • แพร่
    • ภูเก็ต
    • มหาสารคาม
    • มุกดาหาร
    • แม่ฮ่องสอน
    • ยโสธร
    • ยะลา
    • ร้อยเอ็ด
    • ระยอง
    • ลำปาง
    • ลำพูน
    • เลย
    • สงขลา
    • สตูล
    • สมุทรสาคร
    • สระบุรี
    • สิงห์บุรี
    • สุโขทัย
    • สุราษฎร์ธานี
    • สุรินทร์
    • หนองคาย
    • หนองบัวลำภู
    • อ่างทอง
    • อุดรธานี
    • อุตรดิตถ์
    • อุทัยธานี

    ล่าสุด มีรายงานว่า ประกันสังคม เริ่มทยอยโอนเงินส่วนต่างที่จ่ายเกินให้ผู้ประกันตนตั้งแต่เดือน พ.ค. 68 เป็นต้นไป เฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ดังกล่าว

    ส่วนผู้ประกันตนมาตรา 33 ไม่ต้องลงทะเบียน เพราะนายจ้างต้องเป็นผู้ยื่นเรื่องเท่านั้น แต่สถานประกอบการต้องอยู่ใน 55 จังหวัดที่ได้รับผลกระทบจากวาตภัยหรืออุทกภัยตามเงื่อนไขที่ทางประกันสังคมกำหนด ซึ่งระยะเวลาในการได้รับเงินคืนขึ้นอยู่กับช่วงเวลาที่นายจ้างยื่นเรื่อง

    ทั้งนี้ ผู้ประกันตนตามมาตรา 33 และมาตรา 39 ที่จ่ายเงินสมทบเกิน จะได้จำนวนเงินที่ได้คืนสูงสุด 900 บาทต่อคน ขึ้นอยู่กับฐานเงินเดือนและยอดเงินที่จ่ายเกินจริงในช่วงเวลานั้น