Blog

  • KUBET – ไขปริศนา ทำไมมนุษย์มักตื่นตี 3 พร้อมเหงื่อท่วมตัว ไม่ใช่เรื่องลี้ลับ และอาจไม่ใช่เพราะร้อน!

    ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับเผยเหตุผล ทำไมคนมักถึงตื่นตี 3 พร้อมเหงื่อท่วมตัว อุณหภูมิที่ร้อนขึ้น-ความเครียด-สุขภาพ ล้วนเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การนอนหลับถูกรบกวน

    หลายคนอาจเคยประสบปัญหาตื่นกลางดึกในเวลาประมาณตี 3 พร้อมอาการเหงื่อออกมาก และรู้สึกอ่อนล้าในวันถัดไป ล่าสุด Martin Seeley ผู้เชี่ยวชาญด้านการนอนหลับจากเว็บไซต์ MattressNextDay ได้ออกมาอธิบายว่า สภาพอากาศที่ร้อนจัดในช่วงกลางคืนคือหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้วงจรการนอนหลับเสียสมดุล และส่งผลต่อสุขภาพโดยรวม

    “ร่างกายของเรามีระบบควบคุมอุณหภูมิ ซึ่งต้องลดลงในช่วงนอนหลับเพื่อกระตุ้นการหลั่งเมลาโทนิน (ฮอร์โมนที่ช่วยให้นอนหลับ) แต่เมื่ออุณหภูมิสูงเกิน 20 องศาเซลเซียส ร่างกายจะระบายความร้อนได้ยาก ทำให้นอนไม่หลับ หลับไม่ลึก และตื่นบ่อยในเวลากลางคืน”  Martin Seeley กล่าว

    เขาอธิบายเพิ่มเติมว่า หากร่างกายไม่ได้รับการพักผ่อนอย่างเพียงพอ สมองส่วนที่ควบคุมอารมณ์ (amygdala) จะได้รับผลกระทบ ทำให้ความสามารถในการจัดการอารมณ์ลดลง เกิดอาการหงุดหงิดง่าย ขาดสมาธิ และมีแนวโน้มที่จะโต้ตอบกับผู้อื่นด้วยอารมณ์มากกว่าปกติ

    นอกจากนี้ งานวิจัยยังพบว่า อุณหภูมิที่สูงสามารถกระตุ้นระดับความก้าวร้าวและความหงุดหงิด แม้ในกรณีที่ไม่มีปัญหาในการนอน โดยเฉพาะเมื่อร่างกายต้องทำงานหนักเพื่อควบคุมอัตราการเต้นของหัวใจ ระดับน้ำในร่างกาย และฮอร์โมนความเครียด (คอร์ติซอล)

    อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญชี้ว่า  ไม่ใช่แค่ความร้อนเท่านั้นที่ทำให้ตื่นกลางดึก แต่การตื่นในช่วงเวลาประมาณตี 3 อาจมีหลายปัจจัยร่วมกัน ไม่ว่าจะเป็น

    • ความเครียด และ ภาวะสุขภาพจิต เช่น โรคซึมเศร้า

    • ยา บางชนิดที่มีผลกระทบต่อวงจรการนอนหลับ เช่น ยาต้านซึมเศร้า, ยาลดความดัน (เบต้า-บล็อกเกอร์), ยาแก้อักเสบกลุ่มคอร์ติโคสเตียรอยด์, ยาแก้หวัดที่หาซื้อได้ทั่วไป, ยาขับปัสสาวะ, ยาแก้แพ้บางชนิด (มักใช้รักษาไข้ละอองฟาง)

    • ภาวะทางสุขภาพ เช่น โรคข้ออักเสบ, กลุ่มอาการขาอยู่ไม่สุข (RLS), วัยหมดประจำเดือน, ต่อมลูกหมากโตในผู้ชาย

    และแน่นอนว่า พฤติกรรมก่อนนอนก็มีผล หากคุณใช้โทรศัพท์มือถือก่อนนอน ดื่มแอลกอฮอล์หรือคาเฟอีนก่อนเข้านอน รับประทานอาหารใกล้เวลานอน สูบบุหรี่ หรือแม้แต่การงีบหลับตอนกลางวัน ก็อาจส่งผลให้การนอนหลับไม่ต่อเนื่องและตื่นกลางดึกได้เช่นกัน

    ดังนั้น แนะนำว่าหากคุณประสบปัญหาการตื่นนอนกลางดึกเป็นประจำ ควรปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้ชีวิต หลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้น และรักษาอุณหภูมิในห้องนอนให้เหมาะสมไม่เกิน 20 องศาเซลเซียส และหากปัญหายังเรื้อรัง ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ

     

  • KUBET – เหนื่อย! “เบสท์ คำสิงห์” ประกาศชัด ถ้าพ่อสร้างเรื่องใหม่ไม่ยุ่งแล้ว น้องชายพูดด้วย

    คอยซัพพอร์ตครอบครัวมาอย่างดีโดยตลอด สำหรับนักแสดงสาว เบสท์-รักษ์วนีย์ คำสิงห์ ด้วยการทุ่มเทเวลาทั้งหมดที่มีเป็นเสาหลักของบ้านในการทำงานหาเงินเลี้ยงดูคนในครอบครัว และช่วยแก้ปัญหาทุกอย่างที่เกิดขึ้น

    ล่าสุด เบสท์ ได้ควงแขนน้องชาย โบ๊ท ภูวรักษ์ ออกมาเปิดใจผ่านรายการ แฉ โดยมีบางช่วงบางตอนที่ทั้งคู่ได้พูดถึงคุณพ่อ สมรักษ์ คำสิงห์ ถึงเรื่องราวที่เคยเกิดขึ้น อีกทั้งยังประกาศชัดเจนว่าหากมีอะไรใหม่อีกขอไม่ช่วยแล้ว หนูเหนื่อย

    เบสท์ : “ถ้าพ่อไปสร้างเรื่องอะไรใหม่ หนูขอไม่ยุ่งแล้ว เรื่องสร้างหนี้ให้มันจบที่คดีลอตเตอรี่ 20ล้าน ก็พอแล้ว ให้หนูได้ใช้ชีวิตบ้าง”

    เบสท์ : “ก็วอนชาวเน็ตและคนไทยถ้าวันนึงมันเกิดขึ้น แล้วหนูไม่ช่วย ก็อยากให้ย้อนดูว่าที่ผ่านมาหนูช่วยมาเต็มที่แล้ว คดีลอตเตอรี่ก็เคลียร์ให้จบแล้ว ก็เหลือโปรเจกต์น้องอายุ 17 ก็ไม่รู้คดีจะจบปีนี้หรือปีหน้า แต่ก็ให้จบแค่โปรเจกต์นี้ หลังจากนี้มีโปรเจกต์อะไรเกิดขึ้นอีกก็ขอไม่ยุ่งอีกแล้ว”

    เบสท์ : “หนูก็บอกเขาว่าหนูเหนื่อย เพราะสิ่งที่เกิดขึ้นทั้งหมดมันก็ไม่ใช่สิ่งที่หนูทำ ก็อยากให้ช่วยเห็นหน่อยว่าสิ่งที่ทำมันไม่ใช่ว่าหนูมีความสุข กับการที่หาเงินได้เป็นล้าน แต่ต้องมาเสียไปแบบที่หนูไม่ได้ใช้เลย”

    โบ๊ท : “ก็สุดลิมิต สุดจะทนกับคนอย่างเธอแล้วนะครับ ก็ถ้าพ่อมีโปรเจกต์หน้า ก็เดี๋ยวให้ตำรวจช่วยเอาแล้วกัน”

  • KUBET – ถ้าน้ำแข็งทั้งโลกละลายหมด “จังหวัดในประเทศไทย” และตรงไหนจะจมใต้บาดาลบ้าง?

    หากวันหนึ่งโลกไร้น้ำแข็ง…

    ลองจินตนาการว่า น้ำแข็งที่ปกคลุมขั้วโลกเหนือ-ใต้ ธารน้ำแข็งบนยอดเขา และแผ่นน้ำแข็งในกรีนแลนด์ ละลายหมดสิ้นจากโลกร้อนที่ทวีความรุนแรง

    ผลที่ตามมาก็คือระดับน้ำทะเลจะพุ่งสูงขึ้นถึง 60-70 เมตร และนั่นอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิประเทศของทุกทวีป รวมถึงประเทศไทยที่เรารู้จักกันในวันนี้

    บทความนี้จะพาคุณไปสำรวจว่าประเทศไทยจะมีหน้าตาอย่างไร? หากโลกต้องเผชิญกับสถานการณ์สุดขั้วนี้ พร้อมทั้งชวนคิดว่า เราควรเตรียมตัวรับมือกับอนาคตที่อาจใกล้กว่าที่คิดอย่างไร

    a5

    พื้นที่ในไทยที่เสี่ยงจมอยู่ใต้น้ำ

    กรุงเทพฯ และปริมณฑล: พื้นที่ส่วนใหญ่ของกรุงเทพฯ รวมถึงจังหวัดใกล้เคียงอย่าง สมุทรปราการ สมุทรสาคร นนทบุรี และปทุมธานี จะจมอยู่ใต้น้ำ เนื่องจากเป็นที่ราบลุ่มติดชายฝั่ง

    ภาคกลาง: จังหวัดอย่าง พระนครศรีอยุธยา สุพรรณบุรี และนครปฐม จะได้รับผลกระทบหนักจากระดับน้ำทะเลที่สูงขึ้น

    ภาคตะวันออก: พื้นที่ชายฝั่งทะเล เช่น ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด จะกลายเป็นทะเลหรือพื้นที่น้ำท่วมถาวร

    ภาคใต้: จังหวัดชายฝั่งทั้งฝั่งอ่าวไทยและอันดามัน เช่น สงขลา ปัตตานี นราธิวาส ภูเก็ต พังงา และกระบี่ จะถูกน้ำท่วมอย่างกว้างขวาง เกาะต่างๆ อาจจมหายหรือมีขนาดเล็กลง

    พื้นที่ลุ่มแม่น้ำ: ที่ราบริมแม่น้ำสำคัญ เช่น แม่น้ำเจ้าพระยา โขง และตาปี จะเผชิญน้ำท่วมถาวร

    497522308_691670957055666_355

    การเปลี่ยนแปลงของภูมิประเทศไทย

    – แนวชายฝั่งจะร่นลึกเข้าไปในแผ่นดิน

    – ที่ราบลุ่มขนาดใหญ่จะกลายเป็นทะเลสาบหรือทะเลใหม่

    – ภูเขาสูงบางลูกอาจกลายเป็นเกาะ เนื่องจากถูกล้อมด้วยน้ำ

    – พื้นที่สูงในภาคเหนือและภาคตะวันตกจะกลายเป็น “เกาะแผ่นดินใหญ่” ที่รายล้อมด้วยน้ำทะเล

    ii

    ผลกระทบที่ตามมา

    – ประชาชนจำนวนมากจะต้องอพยพจากพื้นที่ที่ถูกน้ำท่วม

    – โครงสร้างพื้นฐาน เช่น ถนน โรงพยาบาล สนามบิน จะได้รับความเสียหาย

    – การเกษตรและอุตสาหกรรมในพื้นที่ลุ่มต่ำจะถูกทำลาย

    – ระบบนิเวศชายฝั่ง ป่าชายเลน และแหล่งน้ำจืดจะเปลี่ยนแปลงหรือสูญหายไป

    ข้อเท็จจริงในปัจจุบัน

    แม้สถานการณ์ที่น้ำแข็งโลกละลายหมดจะเป็น “ฉากจำลองที่รุนแรงที่สุด” ซึ่งอาจต้องใช้เวลาหลายร้อยหรือพันปีจึงจะเกิดขึ้นได้จริง แต่นักวิทยาศาสตร์ยืนยันว่า ระดับน้ำทะเลกำลังสูงขึ้นต่อเนื่องจากภาวะโลกร้อน

    gettyimages-133040995

    คาดการณ์ภายในปี 2050

    – ระดับน้ำทะเลในประเทศไทยอาจเพิ่มขึ้น 30-50 เซนติเมตร

    – ความถี่และความรุนแรงของน้ำท่วมชายฝั่งจะเพิ่มขึ้น

    – พื้นที่ลุ่มต่ำจะเผชิญความเสี่ยงมากขึ้น

    – ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งจะทวีความรุนแรง

    gettyimages-131721266

    แม้การละลายของน้ำแข็งทั่วโลกจนหมดอาจยังเป็นเพียงฉากจำลองที่ใช้เวลาหลายร้อยหรือพันปีจึงจะเกิดขึ้นจริง แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า การเพิ่มขึ้นของระดับน้ำทะเลได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว และกำลังส่งผลกระทบต่อชีวิตผู้คนอย่างชัดเจน

    สิ่งที่สำคัญยิ่งในเวลานี้คือการวางแผนและปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง ทั้งในเชิงผังเมือง โครงสร้างพื้นฐาน การเกษตร รวมถึงการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมชายฝั่ง

  • KUBET – 10 อันดับชื่อเล่นผู้ชายที่โหลที่สุดในปี 2568 มีชื่อเพื่อนเราทั้งนั้น!

    10 อันดับชื่อเล่นผู้ชายที่โหลที่สุดในปี 2568 ใครชื่อแบบนี้ เตรียมมีเพื่อนชื่อซ้ำเพียบ!

    ถ้าคุณชื่อเล่นว่า “ไอซ์” หรือ “แบงค์” แล้วรู้สึกว่าเวลาใครเรียกชื่อทีไร มีคนหันมาพร้อมกันหลายคน บอกเลยว่าไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะข้อมูลจากหลายแหล่งระบุว่า ชื่อเหล่านี้คือชื่อเล่นยอดฮิตที่ “โหล” ที่สุดของผู้ชายไทยในปี 2568 นี้

    10 อันดับชื่อเล่นผู้ชายที่โหลที่สุดในปี 2568

    1. ไอซ์ – เรียกง่าย เท่ห์ และยังคงฮิตไม่ตกยุค
    2. แบงค์ – มีความรู้สึกมั่นคง ฟังแล้วดูดี
    3. นิว – ฟังดูสดใหม่ ทันสมัย
    4. บอล – สั้น จำง่าย เรียกแล้วติดปาก
    5. ต้น – เรียบง่ายแต่เป็นอมตะ
    6. เจมส์ – อินเตอร์ มีเสน่ห์แบบตะวันตก
    7. เฟิร์ส – แปลว่าคนแรก ดูเป็นคนสำคัญ
    8. ฟลุ๊ค – ฟังดูโชคดี มีเสน่ห์เฉพาะตัว
    9. บิ๊ก – ชื่อที่ให้ความรู้สึกมั่นใจและแข็งแรง
    10. เจ – เรียกง่าย กระชับ ได้อารมณ์แนววัยรุ่น

    ทำไมชื่อเหล่านี้ถึงโหล?

    ชื่อเล่นเหล่านี้มักเป็นคำสั้น ๆ ที่ออกเสียงง่าย และฟังดูเท่ ทันสมัย ซึ่งเหมาะกับทั้งเด็กและผู้ใหญ่ จึงไม่น่าแปลกใจที่หลายครอบครัวนิยมตั้งชื่อแบบนี้ให้ลูกชาย โดยเฉพาะในยุคที่สื่อและโซเชียลมีบทบาทสูง ทำให้ชื่อที่เห็นหรือได้ยินบ่อย ๆ กลายเป็นชื่อยอดนิยมตามไปด้วย

    คำแนะนำสำหรับพ่อแม่ที่กำลังจะตั้งชื่อเล่นลูกชาย

    หากคุณไม่อยากให้ลูกชายของคุณมีชื่อซ้ำกับเพื่อนในห้องเรียนหรือที่ทำงานในอนาคต การหลีกเลี่ยงชื่อในลิสต์นี้อาจช่วยได้ นอกจากนี้ คุณอาจพิจารณาใช้ชื่อที่มีความหมายเฉพาะตัว หรือดัดแปลงจากภาษาต่างประเทศให้เก๋และไม่ซ้ำใคร

    อ้างอิง: Sanook Campus

  • KUBET – เงินดิจิทัล แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุด นายกฯ สั่งทบทวน

    แจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ล่าสุด นายกฯ สั่งนำกลับมาทบทวนใหม่

    ความคืบหน้าเกี่ยวกับเงินดิจิทัล 10,000 บาท แจกเงินผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนั้น ล่าสุด น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเรียกประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ว่า มีการประชุมกันอยู่แล้ว และจะมีนำเรื่องแจกเงินดิจิทัล 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตนำกลับมาทบทวนด้วย

    สำหรับโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ซึ่งขณะนี้อยู่ในช่วงของการดำเนินการในเฟส 3 ในกลุ่มอายุ 16-20 ปี ราว 2.7 ล้านคน วงเงิน 2.7 หมื่นล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาเงินดิจิทัลเฟส 3 ได้ผ่านการเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจแล้ว และอยู่ระหว่างการเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม. เพื่อขอพิจารณาตามลำดับต่อไป

    สอดคล้องกับนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ได้กล่าวภายหลังแถลงถึงความคืบหน้าการเจรจาเรื่องกำแพงภาษีกับสหรัฐอเมริกา โดยระบุถึงการผลักดันโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตเฟส 3 ว่า ขอทบทวนก่อน

  • KUBET – รู้ไว้ดีกว่า 6 อาหาร “ดูดแคลเซียม” และทำให้เด็กตัวเตี้ย แต่หลายคนยังให้ลูกกิน!

    ระวังลูกตัวเตี้ย!  เตือนอาหาร 6 อย่าง ส่งผลต่อการดูดซึมแคลเซียม และขัดขวางการพัฒนาส่วนสูงของเด็ก ผู้ปกครองต้องใส่ใจเป็นพิเศษ

    ตามรายงานของเว็บไซต์ SOHA ผู้เชี่ยวชาญเตือนพ่อแม่อย่ามองข้าม 6 อาหารยอดฮิต ที่อาจขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมของเด็ก ส่งผลต่อการเจริญเติบโตและพัฒนาการด้านส่วนสูงโดยตรง ทั้งน้ำอัดลม อาหารทอด ขนมหวาน และแม้แต่น้ำซุปกระดูก ที่หลายครอบครัวเข้าใจผิดว่า “ดีต่อสุขภาพ” จริงๆ แล้วอาจเป็นภัยเงียบที่ทำให้ลูกตัวเตี้ยไม่รู้ตัว

    1. เครื่องดื่มอัดลม

    น้ำอัดลมถือเป็นเครื่องดื่มที่ดึงดูดใจที่สุดสำหรับเด็กๆ เสมอ พ่อแม่หลายคนมักตามใจลูกด้วยการปล่อยให้ดื่มมากเกินไป อย่างไรก็ตาม เครื่องดื่มอัดลมมีน้ำตาลในระดับสูง ซึ่งอาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพได้ นอกจากนี้ ยังขัดขวางการดูดซึม และกัดกร่อนแคลเซียมในร่างกายเด็กอีกด้วย ดังนั้นผู้ปกครองจึงควรจำกัดการดื่มเครื่องดื่มประเภทนี้ให้มากที่สุดเพื่อปกป้องสุขภาพของบุตรหลาน

    2. อาหารรสเค็ม

    หลายคนคงเคยได้ยินคำแนะนำว่า สตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานอาหารรสเค็มมากเกินไป เพราะจะเพิ่มการขับแคลเซียมออกทางปัสสาวะของทารก เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคร้ายแรงบางชนิด เช่น โรคไต โรคหัวใจ ครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง ดังนั้นเพื่อปกป้องตนเองและทารกในครรภ์ คุณแม่ควรงดการกินอาหารรสเค็ม

    3. อาหารทอด

    การที่หญิงตั้งครรภ์รับประทานอาหารทอดและอาหารมันมากเกินไป ถือเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้แคลเซียมดูดซึมได้ยาก นอกจากนี้การรับประทานอาหารทอดมากเกินไปก็ส่งผลต่อสุขภาพในระหว่างตั้งครรภ์ และมีความเสี่ยงสูงต่อโรคเบาหวาน ครรภ์เป็นพิษ ความดันโลหิตสูง เป็นต้น ขณะเดียวกันการที่พ่อแม่ให้ลูกรับประทานอาหารทอดมากเกินไป เด็กก็เสี่ยงจะป่วยเป็นโรคต่างๆ ได้ง่าย เช่น โรคอ้วน และมีปัญหาเรื่องความสูง

    4. อาหารจานด่วน

    อาหารจานด่วน มักทำให้เรารู้สึกสะดวกสบายและรวดเร็ว แต่อย่างไรก็ตาม มันมีสารหลายอย่างที่ขัดขวางกระบวนการดูดซึมแคลเซียม และทำให้ดูดซึมเข้าสู่เลือดได้ยาก ดังนั้นทั้งแม่และลูกควรหลีกเลี่ยงอาหารจานด่วนหากไม่อยากขาดแคลเซียม เพื่อช่วยให้ลูกของคุณมีส่วนสูงที่เหมาะสมที่สุด ผู้ปกครองควรจำกัดการกินอาหารกลุ่มนี้ของลูก

    5. ขนมหวาน

    อาหารหวานที่มีน้ำตาลมาก ไม่เพียงแต่ทำให้เกิดโรคอ้วนเท่านั้น แต่ยังเป็นสาเหตุหลักประการหนึ่งของโรคเบาหวานในเด็กเล็กอีกด้วย การเพิ่มขนมหวานมากเกินไปจะขัดขวางการดูดซึมแคลเซียมเข้าสู่เลือด ส่งผลให้เด็กๆ เสี่ยงต่อการเจริญเติบโตที่ชะงัก และมีพัฒนาการด้านส่วนสูงที่ช้า นอกจากเด็กเล็กแล้ว คุณแม่ตั้งครรภ์ก็ควรจำกัดการรับประทานอาหารกลุ่มนี้ด้วยเช่นกัน เพื่อหลีกเลี่ยงโรคเบาหวานในระหว่างตั้งครรภ์

    6. น้ำซุปกระดูก

    คุณแม่หลายคนยังเชื่อว่าการเติมน้ำซุปกระดูกให้ทานมากๆ จะช่วยให้เด็กดูดซึมแคลเซียมได้ดีขึ้น และเติบโตได้เร็วยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นแนวคิดที่ผิดอย่างสิ้นเชิง เพราะการต้มกระดูกไม่ได้ทำให้แคลเซียมละลายในน้ำ แต่ทำให้มีไขมันเพิ่มขึ้น และทำให้เด็กดูดซึมแคลเซียมได้ยาก ดังนั้นผู้ปกครองควรแสวงหากลุ่มอาหารที่มีแคลเซียมสูงอื่นๆ เพื่อเสริมให้บุตรหลานของตนจะดีกว่า

  • KUBET – ประวัติ “คุณมิลค์ หนูหิ่นอินเตอร์” ตำนานสวยอึ๋มยุค 90s ต้นแบบยุคแรกๆ คือสาวคนนี้!

    เปิดประวัติ “คุณมิลค์ หนูหิ่นอินเตอร์” ตัวละครสาวสวยสุดอึ๋ม จากการ์ตูนดังยุค 90 นักวาดเฉลยเอง ต้นแบบวาดยุคแรกๆ คือสาวแซ่บคนนี้!

    กลายเป็นกระแสไวรัลในโลกออนไลน์ เมื่อ “โบว์ เมลดา” โผล่รายการ “จีบหนูหน่อย” พร้อมลุคหน้าสดหุ่นเป๊ะ จนชาวเน็ตพร้อมใจโยงว่าเธอคือ “คุณมิลค์” จากหนังสือการ์ตูนระดับตำนาน “หนูหิ่นอินเตอร์” ที่เคยโด่งดังสุดๆ ในยุค 90s

    หนูหิ่นอินเตอร์ คือ?

    ผลงานของ “เอ๊าะ-ผดุง ไกรศรี” ที่ตีพิมพ์ครั้งแรกในปี 2537 และกลายเป็นขวัญใจคนไทยโดยเฉพาะชาวอีสาน เรื่องราวของ หนูหิ่น เด็กสาวจากบ้านโนนหินแห่ จังหวัดอุบลราชธานี ที่เข้ามาทำงานเป็นคนรับใช้ในบ้านของคุณมิลค์ ย่านบางกอกน้อย

    การ์ตูนเรื่องนี้โดดเด่นด้วยมุกตลกชีวิตจริง ความต่างของวัฒนธรรม และตัวละครที่มีสีสันอย่างคุณมิลค์และคุณส้มโอ จนกลายเป็นซีรีส์การ์ตูนขายดีต่อเนื่องมากกว่า 20 ปี และเคยถูกสร้างเป็นหนังใหญ่ในปี 2549 

    แม้การตีพิมพ์แบบรายเดือนจะยุติลงไปในปี 2564 แต่ “หนูหิ่น” และ “คุณมิลค์” ก็ยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟน ๆ ผ่านรูปแบบหนังสือเฉพาะกิจ และ E-book

    รู้จัก “คุณมิลค์” สาวแซ่บในตำนาน

    แม้จะเป็นเพียงการ์ตูน แต่ผู้เขียนก็สร้างโปรไฟล์ให้ตัวละครราวกับว่าเธอมีตัวตนอยู่จริง สำหรับ เมธาวารี บดินทราธร หรือ คุณมิลค์ คือลูกสาวคนเล็กของตระกูลผู้ดีเก่า เจ้านายของหนูหิ่น หน้าสวย หุ่นเป๊ะ สัดส่วน 38.5-25-36 สูง 173 ซม. กำลังเรียนคณะบริหารธุรกิจ ปี 2 มีพี่สาว 1 คน คือ คุณส้มโอ-ธิดาวารี บดินทราธร

    นิสัยของคุณมิลค์คือขี้งก ขี้หึง ขี้วีน แต่จริงๆ แล้วจิตใจดี รักหนูหิ่นเหมือนน้องสาว แถมยังแอบชอบพี่ทองข้างบ้าน แต่ปากไม่ตรงกับใจ เป็นตัวละครที่แฟนการ์ตูนหลายคนทั้งรักทั้งฮา

    หนูหิ่น เวอร์ชั่นคนแสดง

    หนูหิ่น เดอะมูฟวี่ เป็นภาพยนตร์ไทยแนวตลกซึ่งสร้างจากการ์ตูน “หนูหิ่น อินเตอร์” ภาพยนตร์เรื่องนี้ออกฉายครั้งแรกวันที่ 1 มิถุนายน พ.ศ. 2549 บทภาพยนตร์โดยคงเดช จาตุรันต์รัศมี กำกับโดย คมกฤษ ตรีวิมล โดยมี รุ้งลาวัณย์ โทนะหงษา แสดงเป็น หนูหิ่น โนนหินแห่ (หนูหิ่น) และ หยก-ธัญยกันต์ ธนกิตติ์ธนานนท์ แสดงเป็น เมธาวารี บดินทราธร (คุณมิลค์)

    ต้นแบบคุณมิลค์คือใคร?

    หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า “คุณมิลค์” บนปกการ์ตูนยุคแรก ๆ นั้นมีต้นแบบมาจาก บอลลูน-พินทุ์สุดา ตันไพเราะห์ เน็ตไอดอลสาวสุดฮอตยุค 2000s โดยผู้วาดการ์ตูน “เอ๊าะ ผดุง” เคยออกมายืนยันว่าใช้ภาพของบอลลูนเป็นแรงบันดาลใจในการออกแบบปกหลายฉบับ และยังมีการนำภาพของดาราสาวอีกหลายคนในยุคนั้นมาเป็นต้นแบบประกอบด้วย

     

     

  • KUBET – “ซาร่า เล็กจ์ – เอ็ม สืบสกุล” จำคู่นี้ได้ไหม ตำนานพรหมลิขิตรักแรกของกันและกัน

    ซาร่า เล็กจ์ – เอ็ม สืบสกุล คู่รักดาราไม่หวือหวาแต่มั่นคง รักแรกของกันและกันเดินทางมา 21 ปี ยังมั่นคงและแข็งแรงมาก 

    นักแสดงสาวนางแบบคนสวย ซาร่า เล็กจ์ ที่แม้จะไม่ได้มีผลงานละครทางหน้าจอให้ได้เห็นกันสักเท่าไหร่ แต่ในบทบาทของการเป็นนางแบบบอกเลยว่าคิวแน่นคิวทองสุดๆ หากใครติดตามไลฟ์สไตล์ของเธอผ่านอินสตาแกรมจะเห็นได้ลุคสวยๆ ในแบรนด์ดังระดับโลกที่เธอเป็นพรีเซนต์ไว้ในแต่ละคอลเลกชั่นบอกเลยว่าสวยมาก และเธอยังคงสดใสเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนเลยจริงๆ 

    ในส่วนความรักนั้นหลังแต่งงานกับพิธีกรหนุ่ม เอ็ม สืบสกุล ไปเมื่อปี 2562 ข่าวคราวชีวิตคู่ของ ซาร่า-เอ็ม นั้นไม่ค่อยได้ถูกพูดถึงสักเท่าไหร่  จนบางครั้งมีข่าวลือชื่อของเธอถูกเสิร์ชว่า ซาร่า เลิกสามี

    แต่บอกเลยว่าไม่ว่าเวลาจะผ่านมากี่ปีคู่นี้เขายังหวานเหมือนเดิม เพิ่มเติมเหมือนเพิ่งจีบกันใหม่ 

    ต้องบอกว่าคู่นี้แฟนๆ เคยประทับใจในเส้นทางความรักที่เหมือนพรหมลิขิตจริงๆ เป็นรักแรกของกันและกัน คบกันมาตั้งแต่เด็กๆ จนระยะทางกว่า 14 ปีถึงเข้าพิธีวิวาห์ 

    จากวันนั้นถึงวันนี้ความรักของ ซาร่า เล็กจ์ – เอ็ม สืบสกุล เดินทางเข้าสู่ปีที่ 21 แล้ว เป็นรักที่มั่งคงและแข็งแรงมาก 

  • KUBET – เปิดความลับ! “ตวง สาวิกา” โพสต์ภาพคู่ “ติ๊ก กลิ่นสี” พร้อมเฉลยความสัมพันธ์ที่ทำให้อึ้ง!

    ทำเอาแฟนๆ และชาวเน็ตต่างพากันเซอร์ไพรส์ เมื่อล่าสุดนักแสดงสาวสวยมากความสามารถอย่าง “ตวง สาวิกา กาญจนมาศ” ได้โพสต์ภาพคู่กับนักร้องและนักแสดงรุ่นพี่สุดอบอุ่น “ติ๊ก กลิ่นสี” หรือ “ชาญณรงค์ ขันทีท้าว” พร้อมแคปชั่นที่เปิดเผยความสัมพันธ์สุดใกล้ชิดที่หลายคนอาจไม่เคยรู้มาก่อน

    โดยในอินสตาแกรมส่วนตัวของ “ตวง สาวิกา” (@tuangsavika) ได้โพสต์ภาพคู่สุดน่ารักกับ “พี่ติ๊ก กลิ่นสี” พร้อมข้อความสั้นๆ แต่สร้างความฮือฮาว่า “Yeah !!! We’re Cousin” (เย่!!! พวกเราเป็นญาติกัน)

    เท่านั้นยังไม่พอ “ตวง สาวิกา” ยังได้ตอกย้ำความสัมพันธ์นี้ด้วยแคปชั่นภาษาไทยที่เคลียร์ชัดว่า “รู้หรือไม๊ ?! ” สาวิกา ” กับ ” พี่ติ๊ก กลิ่นสี ” เป็นลูกพี่ลูกน้องกันแท้ๆน้าาาา “

    หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ออกไป ก็มีแฟนๆ และเพื่อนๆ ในวงการบันเทิงเข้ามาแสดงความตกใจและร่วมแสดงความยินดีกับความสัมพันธ์อันน่ารักของทั้งคู่มากมาย หลายคนคอมเมนต์ว่าเพิ่งจะทราบความจริงนี้ และรู้สึกเซอร์ไพรส์ไปตามๆ กัน

    ถึงแม้ว่าทั้ง “ตวง สาวิกา” และ “ติ๊ก กลิ่นสี” จะไม่ได้ออกมาเปิดเผยรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับความสัมพันธ์ในครอบครัว แต่การโพสต์ภาพและข้อความดังกล่าวก็ถือเป็นการยืนยันอย่างชัดเจนว่าทั้งสองคนนั้นเป็นลูกพี่ลูกน้องกันจริงๆ สร้างความแปลกใจและความประทับใจให้กับผู้ที่ติดตามข่าวสารในวงการบันเทิงเป็นอย่างมาก

    เรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งความสัมพันธ์สุดเซอร์ไพรส์ในวงการบันเทิงไทย ที่แสดงให้เห็นว่าบางครั้งความผูกพันในครอบครัวก็อาจจะเชื่อมโยงบุคคลที่มีชื่อเสียงที่เราคุ้นเคยให้มาใกล้ชิดกันมากกว่าที่เราคิด

  • KUBET – ยายทวด 133 ปี คนไทยอายุยืนที่สุดในประวัติศาสตร์ กินดื่มง่ายๆ แต่สุขภาพแข็งแรง

    ย้อนประวัติศาสตร์ ยายทวดวัย 133 ปี คนไทยที่อายุยืนที่สุดชาวปัตตานี ใช้ชีวิตบ้านๆ กินดื่มแบบง่ายๆ แต่ร่างกายแข็งแรง

    คุณทวด แวบีเดาะ อาเยาะหะยี เป็นหญิงมุสลิมชาวไทย ชาวบ้านหมู่ 5 ต.ประจัน อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ถูกบันทึกไว้ว่าเป็น “บุคคลที่อายุมากที่สุดในประเทศไทย” ปีเกิดของคุณทวดแวบีเดาะ ตามที่ปรากฏอยู่ในทะเบียนบ้านคือ พ.ศ.2429

    ตลอดอายุ 133 ปี ในชีวิตของคุณทวดแวบีเดาะ ไม่รับประทานสัตว์ใหญ่ จะเน้นกินปลา พืชผักริมรั้วไร้สารพิษ ผลไม้ และดื่มนํ้าอุ่น

    ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสุขภาพประจำตำบลบ้านบือแนปีแน กล่าวว่า นางแวบีเดาะไม่มีโรคประจำตัว รวมถึงความดันสูงและเบาหวาน ถือว่าสุขภาพสมบูรณ์ที่สุดตามวัยนี้ ยังเคลื่อนไหวได้ ระบบความจำ และการได้ยินปกติ ขณะที่การมองเห็นก็ยังไม่เป็นปัญหา แม้จะเห็นภาพไม่ชัดเจนบ้าง 

    สำหรับชีวิตครอบครัว นางแวบีเดาะเป็นครูสอนอัลกุรอาน มีลูกศิษย์หลายรุ่น เป็นที่เคารพของชาวบ้านในชุมชน มีลูกทั้งหมด 7 คน ช่วงสามีเสียชีวิต ลูกคนสุดท้องอายุได้เพียง 14 เดือน แต่นางแวบีเดาะได้อบรมเลี้ยงดูลูกจนเติบโตมาเป็นอย่างดี 

    คุณทวด แวบีเดาะ อาเยาะหะยี เสียชีวิตเมื่อวันที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2562 สิริอายุ 133 ปี